บทที่ 58 ลึกซึ้งถึงขั้นไหนแล้ว(2)
ฉู่เฉินซีมองเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง มือแข็งบีบคางเธอไว้บังคับให้มองหน้ากัน
“หลินเวยมี่ ฉันก็จะบอกเธอไว้เหมือนกัน ตัวของเธอและใจของเธอเป็นของฉัน ฉันก็จะลากผู้ชายที่อยู่ในใจเธอออกมาจนได้ เข้าใจไหม”
หลินเวยมี่ยังคงยิ้มเย็น ราวกับกำลังเยาะเย้ยความพูดของเขา
ฉู่เฉินซีข่มความโกรธในใจเอาไว้ ขยับเข้าใกล้เธอ “วันมะรืนฉันจะมารับ แต่งตัวให้สวยๆหน่อยล่ะ”
เขาเอ่ยจบโดยไม่สนใจสายตาที่เหมือนจะกินคนของเลยเธอสักนิด แล้วกระโดดลงจากระเบียงอย่างที่ทำประจำ
ไม่ไกลกันนักรถหรูสีดำก็เคลื่อนตัวมารับเขา
ฉู่เฉินซีก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
หยิ่งเห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เบาที่สุด “นายท่านครับ พักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ”
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ล่ะ เอาเอกสารที่ยังไม่เรียบร้อยมาให้ฉัน”
หยิ่งมองอย่างเป็นห่วง “นายท่านครับ เดี๋ยวไม่ไหวนะครับ…ช่วงนี้คุณพักผ่อนน้อยมาก แบบนี้จะดีเหรอครับ”
“นายขี้บ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เร็วเข้า!” ออกคำสั่งด้วยใบหน้าขุ่นเคือง
หยิ่งจึงส่งเอกสารให้อย่างเสียมิได้ เขามองผู้เป็นนายอย่างจนปัญญา เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้านายจะเสียเวลาเป็นวันๆเพื่อไปเรียนเรื่องการแยกแยะยาทำไมกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับงานด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าทำเพื่อหลินเวยมี่อีกแล้วนะ
หยิ่งขับรถอย่างครุ่นคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน ร่างของคนๆหนึ่งวิ่งออกจากประตูไปยังถนนเส้นเล็กลึกลับอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็จอดลงตรงหน้า เธอรีบเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในรถเต็มไปด้วยควันของบุหรี่ที่ถูกจุดขึ้น ควันดำปกคลุมใบหน้าเรียบเฉยนั้นเอาไว้ บุหรี่ถูกสูดเข้าไปแล้วปล่อยควันออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ได้ของมาหรือยัง?” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นอย่างห่างเหิน
“หายังไงก็หาไม่เจอ หรือว่าข่าวที่ได้มาเชื่อถือไม่ได้” คนข้างๆถามอย่างสงสัย
“ไม่มีทาง ฉันมั่นใจว่าของอยู่ในมือเขา หาต่อไป” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาคาดเดาไม่ได้ ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมาสักนิด
สายตาของคนข้างๆเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่มิด กัดริมฝีปากแน่นราวกับต้องการจะเอ่ยอะไรอีก
แต่ถูกเขาปิดปากเอาไว้
“เธอมาแล้ว กลับออกไปถนนอีกทางซะ”
ประตูถูกเปิดออกเบาๆ แผ่นหลังนั้นหายลับเข้าไปยังถนนเส้นเล็กจนไม่เห็นแม้แต่เงา คนในรถจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลินเว่ยมี่เดินบนถนนเส้นเล็กนั้นอย่างกลัดกลุ้มใจ เธอที่ปกตินอนหลับดีแต่วันนี้กลับนอนไม่หลับซะได้ เดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดที่จะกลับบ้านเลยซักนิด
บนนถนนเส้นเล็กที่เงียบงันนี้มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ หลินเวยมี่ค่อยๆเดินเข้าไป จนกระทั่งเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นชัดๆว่ารถคันนี้คือรถออดี้ของข้าราชการ
ใจของเธอเต้นแรงขึ้น เธอจำรถคันนี้ได้ รถของกู้จุนเฟิง
แต่ว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ดึกๆกันนะ แม้ในใจจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ เพียงแต่มองดูอย่างเงียบๆ
คนบนรถก็ไม่มีท่าทีว่าจะลงมา มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมทั้งสองเอาไว้
สุดท้ายหลินเวยมี่ก็ไม่อดทนอีกต่อไป ยังไงซะเขาก็กำลังจะแต่งงาน เธอและเขาก็คงไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีกต่อไป และเพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นด้วย
คิดดังนั้นเธอจึงหมุนตัวกลับไปทางเดิม
“คุณหลิน”
เสียงเบาๆแต่มั่นคงเอ่ยขึ้น รั้งเท้าของเธอเอาไว้
หลินเวยมี่ที่หันหลังให้อีกฝ่าย รู้สึกได้ถึงการก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ ใจของเธอเต้นรัว
กระทั่งลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารดลงมาเธอจึงได้มั่นใจว่าเป็นกู้จุนเฟิงจริงๆ อ้อมกอดที่แสนอ่อนโยนนี้และกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ
“คุณ…”ใจของเธอกระวนกระวาย นี่มันราวกับความฝันที่งดงามอย่างไรอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นเสี่ยวจื๋อจะกอดเธอได้ยังไงกันล่ะ
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ให้ฉันกอดเธอเงียบๆสักพักนะ” น้ำเสียงดื้อดึงเอ่ยขึ้นเบาๆ
หลินเวยมี่ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจ จึงกลั้นหายใจให้อีกฝ่ายกอดทั้งอย่างนั้น
“เธอตื่นเต้น?” อีกฝ่ายถามเสียงเบา
หลินเวยมี่หายใจออกยาวๆ แล้วหันกลับมามองอีกฝ่าย ริมฝีปากยกยิ้มกว้าง
“รู้สึกเหมือนฝันเลยค่ะ ฉันกลัวว่าถ้าเสียงดังไป แล้วคุณจะหายไป”
ใต้แสงจันทร์ ดวงตาที่ทั้งอ่อนโยนและน่าหลงใหลของกู้จุนเฟิงกำลังมองผู้หญิงในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมาก
ถ้าได้กอดเธอสักหนึ่งชั่วโมงก็สามารถทำให้เขาพอใจได้แล้ว
หลินเวยมี่รู้สึกมึนงง ยิ่งนานเข้ายิ่งรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริง เหมือนเธอกำลังอยู่ในความฝัน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นนี้ได้อย่างไร
หน้าของเธอคงจะแดงมาก ดีที่เป็นตอนกลางคืนอีกฝ่ายจึงมองไม่เห็น
“เหมือนอยู่ในความฝันจริงๆ…” หลินเวยมี่อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ สบตามองผู้ชายที่อยู่ใต้แสงจันทร์อย่างลึกซึ้ง
“งั้นก็เก็บทั้งหมดนี้ให้เป็นภาพความฝัน…” อีกฝ่ายก้มศีรษะลงมารับกับหน้าผากของเธอพอดี ด้วยความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้นเธอจึงกลั้นหายใจอีกครั้ง ดวงตากลมโตของเธอสั่นระริกอย่างสับสน
ผ่านไปอย่างนั้นซักพัก เธอก็คลี่ยิ้มกว้างแต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเศร้า แววตาที่ตื่นเต้นค่อยๆหายไปเปลี่ยนเป็นแววตาที่เจ็บปวด “คุณกำลังจะแต่งงาน”
แววตาของกู้จุนเฟิงเพิ่มความดื้อดึงขึ้นไปอีก มือหนากอบกุมใบหน้าของเธอเอาไว้แล้วค่อยๆเข้าใกล้…