บทที่ 69 ฉันจะขายตัว(1)
ท่ามกลางแสงสีในยามราตรี ภายในร้านเหล้าแห่งหนึ่งดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเพลง หนุ่มสาวมากหน้าหลายหน้าขยับตัวเต้นคลอไปกับเสียงเพลงอย่างบ้าคลั่ง แสงไฟวาววับบนเวทีทำให้ทั้งร้านดูวุ่นวาย
บริเวณหน้าบาร์เหล้ามีผู้หญิงสวมเดรสรัดรูปสีแดงนั่งอยู่เงียบๆ สีหน้าเฉยชามองไปยังบริเวณหน้าเวที สายตานั้นเรียบนิ่งกวาดมองอย่างละเอียดราวกับกำลังหาเหยื่อ
เสียงดนตรีแสบแก้วหูดังยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ดวงตาสวยมีความรำคาญปรากฏอยู่ เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วคิดว่าเธอคงไม่เหมาะกับที่แบบนี้จริงๆ
หลินเวยมี่ยังคงมองหาต่อไป แววตาดูผิดหวัง การหาผู้ชายที่น่าพอใจในที่แบบนี้ช่างยากจริงๆ
ใบหน้าของเธอถูกแต่งอย่างประณีต แม้ไม่ได้แต่งจัดมากนักแต่กลับดูสวยหวานอย่างมาก ทำให้ผู้คนหลงใหลจะละสายตาไม่ได้
แม้จะมาที่นี่ได้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เธอก็ปฏิเสธผู้ชายไปคนแล้วคนเล่า คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไม่มีผู้ชายที่ทำให้เธอพอใจเลยสักคน
อยากขายตัวเองให้ได้ราคาดีๆนี่มันยากขนาดนี้เลยเหรอ คิดถึงตรงนี้มุมปากสวยก็ยกยิ้มเย้ยหยันตัวเอง
มือสวยยกแก้วทรงสูงขึ้น ดวงตาหม่นหมอง ครอบครัวเธอแตกแยก บริษัทเป็นหนี้ บ้านก็ถูกเอาไปจำนำ
เธอไม่เหลืออะไรซักอย่าง สิ่งเดียวที่อยากปกป้องไว้ก็มีเพียงบ้านที่เธออาศัยมาตลอดยี่สิบปี เพราะที่นั่นเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งหมดของเธอ
เธอเยาะเย้ยตัวเองในใจ ที่แท้เธอก็เป็นเพียงคนที่ไม่รู้จักปล่อยวางคนหนึ่ง
“คุณผู้หญิง มาคนเดียวเหรอครับ” เสียงหยอกล้อทักขึ้น พร้อมกับมีผู้ชายร่างกำยำสองสามคนล้อมเธอเอาไว้ สายตาเหล่านั้นมองเธออย่างแทะโลม
หลินเวยมี่มองคนพวกนั้นอย่างรังเกียจ น้ำเสียงหยิ่งยโสของเธอเอ่ยขึ้น “หลีกไป”
“โอ้โฮ เป็นสาวน้อยตัวแสบซะด้วย” ผู้ชายคนหนึ่งในนั้นจับข้อมือบางไว้พร้อมสัมผัสใบหน้าเธออย่างจาบจ้วง
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น หลินเวยมี่ง้างฝ่ามือขึ้นทันที
ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนใบหน้าผู้ชายคนนั้นเต็มแรงจนมือรู้สึกชา
“หลีกทางซะ ไปให้พ้นหน้าฉัน มันสปกสายตา!” เธอตวาดอย่างโมโห ดวงตาแข็งกร้าว แต่มีแค่เธอที่รู้ว่าตอนนี้เธอกลัวจนเหงื่อที่มือซึมออกมา
ผู้ชายเหล่านี้เปลี่ยนสีหน้าทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกมันกดเธอลงกับเคาน์เตอร์บาร์
“ได้ นังตัวดี แกกล้าตบฉันกล้าด่าลูกน้องฉันงั้นเหรอ มาดูกันว่าฉันจะจัดการแกยังไง” ผู้ชายที่ถูกเธอตบพึมพำด่าพร้อมกับโน้มตัวเข้าหาเธออย่างคุกคาม มือหยาบกร้านจับเข้าที่หน้าอกเธอ จับแรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ
“ปล่อยฉัน!” หลินเวยมี่ขัดขืน เธอมองไปรอบๆแต่คนแถวนั้นต่างมองมาอย่างนิ่งเฉย
แววตาสวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอก้มหน้าลงแล้วกัดเข้าที่แขนของมัน เธอกัดแน่นไม่ยอมปล่อย
ผู้ชายคนนั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด กำปั้นใหญ่ของมันทุบลงบนแผ่นหลังเล็กของเธอ
เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ สมองว่างเปล่า แต่ก็ยังคงกัดมันไม่ปล่อยจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด
กำปั้นของมันก็ยังคงทุบลงมาที่หลังของเธอ
ในตอนที่เธอกำลังจะหมดแรง ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“หยุด!”
เพียงเสียงนั้นดังขึ้น แรงที่กดทับบนตัวของหลินเวยมี่ก็หายไปทันที เธออ้าปากแล้วคายเลือดมันออกมาอย่างรังเกียจ เธอมองผู้หญิงตรงหน้าพร้อมส่งยิ้มไปให้
รปภจับตัวพวกมันทั้งหมดออกไป หลินเวยมี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แผ่นหลังบางรู้สึกเจ็บแสบยิ่งนัก
สีหน้าของผู้หญิงตรงหน้าเย็นชา อีกฝ่ายเดินเข้ามา สายตามองหลินเวยมี่อย่างพิจารณา “มาที่แบบนี้คุณต้องรู้จักดูแลตัวเองนะ”
“แต่บางทีความวุ่นวายมันก็เข้ามาเองไม่ใช่เหรอคะ” หลินเวยมี่หัวเราะเบาๆ มองอีกฝ่ายอย่างจริงจังพร้อมเอ่ย “ฉันอยากขายตัวค่ะ”
สายตาอีกฝ่ายเรียบนิ่ง ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆนอกจากความเย็นชา
“ตามฉันมา” เอ่ยจบพร้อมกับหันหลังเดินเข้าไปยังเส้นทางที่ดูลึกลับ
หลินเวยมี่รีบตามหลังอีกฝ่ายไป ในใจเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมา ดวงตาเจ็บปวด ครั้งนี้ต้องขายตัวจริงๆแล้วสินะ
เดินเข้ามาจนสุดทางก็พบกับประตูบานหนึ่ง อีกฝ่ายใช้กุญแจเปิดประตูแล้วผลักเข้าไป
หลินเวยมี่เดินตามอีกฝ่ายเข้าไป ดวงตาเบิกกว้าง บ่อนการพนันที่ใหญ่โตปรากฏตรงหน้าเธอ ดูจากการแต่งตัวของคนเหล่านี้ คงมีแต่คนรวยทั้งนั้น
คิ้วเรียวขมวดเครียด เธอก้มหน้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายไป เธอเดินผ่านส่วนของบ่อนไปแล้วเข้ามาที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
“เปลี่ยนชุด” อีกฝ่ายเอ่ยเย็นชาพร้อมกับทิ้งชุดสีแดงไว้ให้เธอ แล้วเดินออกไปทันที
หลินเวยมี่กัดฟันแน่น ในเมื่อตัดสินใจแล้วจะมาถอยกลับตอนนี้คงไม่ได้แล้ว