บทที่ 65 เข้าร่วมงานแต่งงาน(1)
ณ โรงแรมหวงเฉา รถยุโรปหรูคันหนึ่งจอดลงหน้าประตูทางเข้า พนักงานรีบเข้ามาเปิดประตูให้ ผู้ชายที่มีดวงตาเป็นประกายก้าวลงมาก่อนบนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้ม พร้อมกับส่งมือออกไป
หลินเวยมี่ที่ใบหน้าเรียบนิ่งวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ สายตากวาดมองสถานที่จัดงาน หน้างานมีรูปแต่งงานของคนสองคนแขวนเอาไว้
บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยความยินดี เธอแตะมือลงบนผู้ชายในภาพ สายตาที่มองมีแต่ความเกลียดแค้น
“ไปกันเถอะที่รัก” เขาเอ่ยยิ้มๆพลางจูงมือหลินเวยมี่เดินเข้าไปข้างใน
การปรากฏตัวของฉู่เฉินซีไม่ต่างอะไรกับการพบระเบิด ตระกูลฉู่ลึกลับมาโดยตลอด ฉู่เฉินซีที่ไม่เคยออกงานสังคมเลยสักครั้งนั้นยิ่งเพิ่มความลึกลับเข้าไปอีก ไม่มีใครคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวในงานแต่งงานของกู้จุนเฟิงได้
ทุกคนต่างไม่หยุดคาดเดาว่ากู้จุนเฟิงนั้นจริงๆแล้วสนิทกับฉู่เฉินซีขนาดไหนกัน อีกฝ่ายถึงได้ให้เกียรติมาร่วมงานขนาดนี้
การปรากฏตัวของทั้งสองทำให้บรรยากาศที่เดิมทีนั้นครึกครื้นกลับกลายเป็นเต็มไปด้วยความสงสัย ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกันอย่างออกรส และยิ่งสนใจเข้าไปอีกเมื่อจำได้แล้วว่าผู้หญิงข้างๆฉู่เฉินซีนั้นคือใคร
ทุกคนจึงรู้ได้ทันทีว่าฉู่เฉินซีมาเพื่อแก้แค้นให้หลินจ่านหง
มือเล็กของหลินเวยมี่ออกแรงบีบมือฉู่เฉินซีแน่นขึ้น ใบหน้าขาวซีด เธอกวาดสายตาไปทั่วห้องโถง มองเห็นโจ่วชิงซ๋วนยืนอยู่ไม่ไกลนัก
เขามองสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของหลินเวยมี่อย่างสงสัยและรู้สึกผิด
โจ่วลี่เฉียงและภรรยาสบตากันด้วยความกังวล จากนั้นจึงทำเป็นอารมณ์ดีรีบเดินเข้าไปทักทายฉู่เฉินซี “คุณชายฉู่ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ท่านให้เกียรติมางานนี้”
“รัฐมนตรีโจ่วไม่ต้องพูดประจบประแจงหรอก ผมเบื่อที่จะฟังแล้ว” ฉู่เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ แสดงออกชัดว่าโจ่วลี่เฉียงไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด
สีหน้าโจ่วลี่เฉียงเปลี่ยนไป เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจในกองกำลังทหารแต่เมื่อถูกฉู่เฉินซีที่เด็กกว่าเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ สีหน้าจึงดูแย่ลง
ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของตระกูลฉู่ เขาคงไม่ยอมก้มหัวนอบน้อมให้อีกฝ่ายแน่นอน คิดดังนั้นสีหน้าของโจ่วลี่เฉียงก็แย่ลงกว่าเดิม
“เชิญคุณชายฉู่นั่งตรงนั้นดีไหมค่ะ” ภรรยาของโจ่วลี่เฉียงเห็นสีหน้าของสามีไม่ดีนักจึงรีบเอ่ยปากกับฉู่เฉินซี
แววตาฉู่เฉินซีฉายแววเหยียดหยาม มองปราดไปยังโจ่วลี่เฉียงเล็กน้อย แล้วรีบจูงมือหลินเวยมี่ไปนั่งอีกด้าน
หลินเวยมี่ดูอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่ต้น ยิ่งพอมาถึงที่นี่เธอก็ยิ่งรู้สึกราวกับเกลียดแค้นทุกคนที่อยู่ในงาน เธอเกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกู้จุนเฟิง
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นด้านนอก คิ้วเรียวของหลินเวยมี่ขมวดแน่นมือเล็กกำเข้าหากันแน่น
ฉู่เฉินซีเห็นดังนั้นก็กุมมือเธอไว้พร้อมส่งยิ้มให้ เสียงเข้มกระซิบข้างใบหูเล็ก “กังวลทำไม มีฉันอยู่ทั้งคนนะ”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่เอ่ยอะไรออกมา
ดนตรีไพเราะบรรเลงขึ้น กู้จุนเฟิงจูงมือโจ่วซินเดินเข้ามาช้าๆ แขกทุกคนต่างพากันมองมายังคู่บ่าวสาว โจ่วซินสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
หลินเวยมี่จ้องกู้จุนเฟิงเขม็ง มือเล็กบีบเข้าหากันแน่น ใบหน้าสวยไร้สีเลือด
“อย่ารีบร้อนไป อีกสักพักจะมีเรื่องสนุกให้ดู ใจเย็นๆ” ใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มกระซิบข้างใบหูเธอ พร้อมมองไปยังกู้จุนเฟิงอย่างนึกสนุก
หลินเวยมี่สูดหายใจลึก แววตาสงบลง
พิธีเริ่มต้นขึ้น กู้จุนเฟิงมองเห็นฉู่เฉินซีและหลินเวยมี่ตั้งแต่ที่ตนเดินเข้ามา และรู้สึกได้ถึงสายตาโกรธแค้นที่หลินเวยมี่ส่งมา
เขาไม่กล้าสบตากับหลินเวยมี่แม้แต่น้อย มุมปากได้เพียงฉีกยิ้ม ขณะนั้นเองเสียงเรียกของบาทหลวงให้กล่าวคำสาบานก็ดังขึ้น
“กู้จุนเฟิง คุณจะรับโจ่วซินเป็นภรรยาของคุณหรือไม่ ในยามไข้และสบายดี ในยามสุขและยามยาก จะรักเธอและให้เกียรติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”
“ครับ…”
ตู้ม!
ยังไม่ทันเอ่ยจบ เสียงดังสนั่นจากด้านนอกก็ดังขึ้น ประตูของห้องพิธีถูกเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
แขกในงานต่างพากันตื่นตระหนก กู้จุนเฟิงมองลูกน้องที่วิ่งเข้ามาหาตนอย่างเร่งรีบ เสียงเครียดเอ่ยถาม“เกิดอะไรขึ้น”
“แย่แล้วครับท่าน! อพาร์ทเม้นท์สี่หลังถัดจากโรงแรมถูกระเบิด และเป็นของท่านกับรัฐมนตรีหมิงทั้งหมดครับ”
โจ่วลี่เฉียงตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
รวมทั้งแขกที่มารวมงานพอได้ยินว่าระเบิดก็พากันวิ่งกรูออกไปด้านนอกอย่างตื่นกลัว
ฉับพลันงานแต่งงานก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นไม่หยุด
ฉู่เฉินซีและหลินเวยมี่นั่งด้วยท่าทีสงบ มองดูความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาและมุมปากที่ยิ้มเย็น
“พอใจรึเปล่า” หางตาฉู่เฉินซียิ้ม เชยคางเธอขึ้นแล้วประกบจูบเบาๆลงบนริมฝีปากอิ่ม
หลินเวยมี่ยังคงจดจ้องกู้จุนเฟิง และอีกฝ่ายก็มองเธอเช่นเดียวกัน สายตาลึกซึ้งนั้นมีความเจ็บปวดเจื่ออยู่ด้วย
หลินเวยมี่หัวเราะเย็น ไม่รู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ทำไมกัน รู้สึกผิด? ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว