บทที่73 เธอคิดจะฆ่าฉันจริงๆสินะ(1)
ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วร่างสวย มือใหญ่เองก็ยังคงลูบไล้บีบเคล้นทุกซอกทุกมุมบนตัวเธอ
หลินเวยมี่ถูกอีกฝ่ายคร่อมทับบนที่นั่ง ร่างทั้งร่างของอีกฝ่ายแนบชิดกับเธอจนไม่มีช่องว่าง เธอได้กลิ่นมิ้นท์เย็นๆจากร่างหนา
แม้กลิ่นจะหอมสดชื่น แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกรังเกียจอย่างมาก
มือใหญ่เชยคางเธอขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเข้ามาในตาของเธอ ตาสีน้ำตาลเข้มดูลึกลับน่ากลัว ไม่ต่างกับอีกฝ่ายที่ลึกลับ บ้าอำนาจ ยโสโอหัง
นิ้วของอีกฝ่ายลากขึ้นจากคางมน ค่อยๆสัมผัสลงบนริมปากสีแดงระเรื่อพลางเอ่ยเสียงเย็น “หลินเวยมี่ ดื้อกับฉันแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
หลินเวยมี่มองอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด ลมหายใจติดขัด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเล็กขาวซีดจนน่าตกใจ
“ฉู่เฉินซี คุณคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าที่ควบคุมทุกอย่างได้? ในสายตาฉันคุณมันก็แค่คนที่เกาะพ่อแม่กินอยู่วันยันค่ำ พึ่งพาบารมีพ่อแม่แล้วทำตัวมีอำนาจข่มเหงคนอื่น ถูกไหม?”
ดวงตาฉู่เฉินซีหม่นแสงลง ใบหน้าไร้ความรู้สึก มือหนาบีบคางเรียวให้เงยขึ้น “หลินเวยมี่ เธอรู้จักฉันดีงั้นเหรอ”
หัวใจของฉู่เฉินซีเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่นจนปวดหนึบไปหมด เธอไม่เคยเข้าใจเขาตั้งแต่แรก มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเขาเกาะพ่อแม่กิน
ในสายตาเธอเขาเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ
หลินเวยมี่ไม่ตอบ ดวงตาสวยมีแววเย้ยหยันราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่
สีหน้าเขาดุดันขึ้นราวกับเสือดาวที่ถูกยั่วโมโห พร้อมกับหัวเราะร้าย “สิ่งอื่นฉันคงควบคุมไม่ได้ แต่เธอ…ฉันควบคุมได้!”
เอ่ยจบเขาก็กระชากกางเกงหนังที่เธอสวมใส่อยู่ออกอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้ามีเพียงความโมโหปรากฏอยู่ ราวกับตอนนี้กำลังทำทุกทางเพื่อแก้แค้นเธอ
แก้แค้นเธอที่พูดทำร้ายจิตใจ แก้แค้นที่เธอไม่ทำตามที่เขาวางแผนไว้แล้วทำในสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ แก้แค้นที่เธอคิดจะไปจากเขาแล้วไปซบอกผู้ชายคนอื่น
การกระทำของอีกฝ่ายทำให้หลินเวยมี่หน้าถอดสี เธอตื่นตระหนกอย่างมาก ความเจ็บปวดบนร่างกายถูกกระตุ้นส่งไปยังสมองตลอดเวลา
เธอขัดขืนเต็มแรงกระแทกร่างกายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กระทั่งมือเล็กสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ไหลลงมาตามนิ้วมือ สมองก็ขาวโพลนไปชั่วขณะ
ดวงตาเบิกกว้างแล้วค่อยๆก้มลงไปมอง มือที่ถูกเข็มขัดมัดไว้กำลังถือมีดอยู่ แต่ปลายมีดกลับแทงลึกเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย เลือดไหลออกมาเยอะจนทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวสีอีกฝ่ายสวมอยู่กลายเป็นสีแดงฉาน
เธอมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ความคิดน่ากลัวกลับเข้ามาอีกครั้ง นี่เธอฆ่าฉู่เฉินซีจริงๆเหรอ
ตัวสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่พลางก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังเปื้อนเลือด แล้วเธอก็กรีดร้องออกมา
กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายรอบๆทำให้เธอหวาดกลัวสุดขีด
“หึหึ…” เสียงหัวเราะเย็นแต่ทว่าอ่อนแรงดังขึ้นภายในรถ
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่คร่อมทับเธอไว้อย่างหวาดหวั่น ดวงตาฉายแววเจ็บปวดพร้อมยกยิ้มเศร้า
“ที่แท้เธอก็อยากฆ่าฉันจริงๆ”
ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นถูกแฝงเอาไว้ด้วยความเศร้าโศก ราวกับแก้วราคาแพงที่ตกลงบนพื้นแล้วแตกกระจัดกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นสายตาโศกเศร้าก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที
ดวงตาคมข่มความโมโหไว้ไม่อยู่ ทำให้สายตาที่มองมาดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม มือหนาที่เปื้อนไปด้วยเลือดจับไหล่เธอไว้พลางเอ่ยเสียงเย็น “อยากฆ่าฉันขนาดนี้เลย? อยากให้ฉันตาย?”
หลินเวยมี่มองอีกฝ่ายทันที เธอส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“เอาสิ ฆ่าเลย” เขาจับมือเธอแน่นแล้วออกแรงกดมีด จนกระทั่งคมมีดทั้งหมดปักลงไปจนสุด เหลือเพียงด้ามจับเล็กๆที่ปักอยู่หน้าอกของเขา
หลินเวยมี่รีบชักมือกลับทันที เธอกรีดร้องเสียงแหลมมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจกลัว พลันสมองก็รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
“หึหึ…” ฉู่เฉินสีหัวเราะอย่างอ่อนแรง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด รู้สึกราวกับมีบางอย่างแทงเข้ามาในหัวใจ มันทั้งปวดทั้งเจ็บ
ความเจ็บบนร่างกายมันไม่ได้มากมายขนาดนั้น
แต่เขากลับหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมในใจเขาถึงได้เจ็บขนาดนี้…
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ความรู้สึกนี้มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะขายตัวแล้ว ผู้หญิงเลวคนนี้ร่ายคาถาอะไรใสเขากันแน่
แต่ตอนนี้เธอกลับอยากฆ่าเขาจริงๆ
“ฉู่เฉินซี!” หลินเวยมี่ใช้ฟันกัดเข็มขัดที่รัดมือจนหลุดแล้วตะโกนชื่ออีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก
ใบหน้าสวยขาวซีดขอบตาแดงก่ำมองมาไปยังอีกฝ่าย “คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันยังตายไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเย็นพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลินเวยมี่ตกใจกับสายตาที่มองมา เธอเริ่มหายใจติดขัดได้แต่มองอีกฝ่ายนิ่งๆอย่างรู้จะพูดอะไร