บทที่ 78 ใจของเธอทำมาจากหิน?(2)
“งานเลี้ยง” คำตอบคำสั้น ๆและชัดเจนทำให้สีหน้าของโจ่วซินเปลี่ยนไป
“จริงหรือ?” เธอยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ สายตาเธอเต็มไปด้วยความเศร้า แล้วหยิบสูทที่เขาโยนไปข้าง ๆ ขึ้นมา “ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อน”
กู้จุนเฟิงมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งแต่ไม่ได้พูดอะไรแล้วก้าวขึ้นห้องไป
โจ่วซินมองไปที่หลังของเขาด้วยตาแดง ๆ ของเธอ สูดหายใจลึก ๆ ที่อ้อมแขนของเธอมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง สรุปเขาไปงานเลี้ยงหรือว่าไปหาหลินเวยมี่?
รู้สึกเศร้าในใจ ที่จริงแล้วเธออยู่กับเขาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้จักเขาเลย จนถึงทุกวันนี้ถึงรู้ว่า แท้จริงแล้วกู้จุนเฟิงไม่ได้รักเธอเลย
อย่างไรก็ตามพวกเขาได้แต่งงานแล้ว ฉะนั้นเธอมาสิทธิ์์ที่จะปกป้องครอบครัวของตัวเอง
หลินเวยมี่นอนหลับอย่างลึก หลายวันนี้มีเรื่องเกินขึ้นมากมาย เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองหมดแรงกับพวกนี้ไปแล้ว แต่นอนหลับตื่นมา เธอรู้สึกสบายทั้งตัวเลย
เปิดตาแล้วยืดเอวตามที่เคย แต่ได้รู้สึกว่ามือไปโดนอะไรที่นิ่ม ๆ แล้วได้รู้สึกลมอุ่น ๆและได้ยินเสียงที่ไม่พอใจตามมา
สีหน้าของเธอซีดไปทันที ค่อย ๆ หันมามองที่ข้างกายเธอ เป็นผู้ชายที่กำลังกอดเอวเธอไว้อย่างแน่น
เขาหลับไปอย่างสงบ มีรอยแดงขึ้นอยู่บนแก้มสีขาวของเขา ดูแล้วทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเยอะเลยและขนตายาวได้สั่นเป็นบางครั้ง
หลินเวยมี่อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ทำไมถึงหน้าตาดูดีได้ขนาดนี้ ผิวของเขาดูแล้วเหมือนอ่อนโยนกว่าผู้หญิงอย่างเธออีก เหมือนกับขนมเค้กเลย
ดูแล้วน่าหลงใหลไปหมดเลยทำให้เธออยากจะกัดสักคำ……
หลินเวยมี่กระโดดลงจากเตียง เธอจะลืมสิ่งที่ทำไปเมื่อวานได้ยังไง? เธอได้ทำให้ปีศาจตัวนี้เจ็บปวด ตามนิสัยของเขาจะต้องเอาคืนเป็น 10 เท่า
ค่อย ๆ ลงจากเตียง รีบใส่เสื้อแล้วรีบเดินไปที่ประตู
“ที่รัก เธอจะไปไหน?”เสียงขี้เกียจดังมาจากด้านหลัง เสียงต่ำและความเหนื่อยจากการตื่นนอน
หลินเวยมี่ตกใจและหันไปมองผู้ชายที่พิงอยู่หัวเตียงและขยับมุมปากของเธอเล็กน้อย
“ฉันจะไปทำกับข้า คิดว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาน่าจะหิว……”
เมื่อหลินเวยมี่ได้พูดจบรู้สึกได้ว่าขนของตัวเองลุกขึ้นยืน ที่จริงเธอมีความสามารถในการโกหก เธอสามารถพูดโดยหน้าไม่แดงใจไม่ตื่นเต้น
ฉู่เฉิงซียกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและดวงตามองแบบลึกซึ้ง พยักหน้า “ถือว่าเธอยังมีจิตสำนึกบ้าง รีบไปเถอะ” หลินเวยมี่รู้สึกโล่งใจและออกจากห้องโดยที่ไม่หันกลับมามอง
มองไปที่ใต้ตาของฉู่เฉินซีรู้สึกเศร้าใจ รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะหนี รู้ทั้งรู้ว่าเธอโกหก แต่ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อได้ยินอย่างนี้เขารู้สึกอุ่นใจ
เขาถูกวางยาพิษแน่เลย แต่ว่าทำไมต้องเป็นหลินเวยมี่ ขมวดคิ้วอย่างแน่น อาจจะเป็นการเข้าใจผิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้จะเป็นหลินเวยมี่แน่นอน เป็นไปไม่ได้
เมื่อมั่นใจแล้ว ความเครียดก็หายไป
หลินเวยมี่ต้มบะหมี่เหมือนไม่มีกะจิตกะใจเลย ดวงตาเธอมีความเศร้า หลินจ่านหงตายแล้ว บ้านก็ถือว่าแตกแยกจริง ๆ แล้วคนรับใช้เดิมก็ถูกไล่ออกไป กว่าจะเอาบ้านที่เย็นชาอย่างนี้ไว้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย “ยังมีอารมณ์กินเข้าหรือ? ไม่มีหัวจิตหัวใจเลยจริง ๆ ”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นจากด้านหลังของเธอพร้อมด้วยความเหยียดหยาม
หลินเวยมี่หันหลังมองไปที่น้าหรานรู้สึกรำคาญ “น้าหรานดีต่อพ่อจากใจจริง ๆ เลยน่ะ พ่อเพิ่งจะไปไม่กี่วันก็มาแต่งเนื้อแต่ตัวออกมาเลยน่ะ”
น้าหรานตกตะลึงด้วยคำพูดของเธอ ใบหน้าของเธอเขินอายมากและถามอย่างโกรธเคืองว่า“ฉันทำทุกอย่างไม่ใช่เพื่อบ้านนี้หรือ ?ถ้าฉันไม่ออกไปยืมเงิน พ่อคุณจะไม่มีแม้แต่สุสานน่ะ”
ทันใดนั้นสีหน้าของหลิงเวยมี่เปลี่ยนไปจ้องมองที่น้าหรานอย่างดุเดือดและใบหน้าของเธออย่างอึมครึมอย่างจะกินหัวคน“ยืมเงินหรือ ยืมถึงเตียงเลยหรือ? น้าหราน เธออย่ามาทำทุเรศแบบนี้กับพ่อฉันน่ะ แม้ว่าแม่ไม่มีสุสานก็ไม่ต้องการเงินสกปรกของเธอ”
ทันใดนั้นสีหน้าของน้าหรานก็ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกว่าหลินเวยมี่ก็ไม่ได้ดีกว่าเธอสักเท่าไหร่? แปดสิบล้านไม่ใช่ตัวเชยน้อย ๆ น่ะ ใครจะรู้ว่าเธอเอามาได้ยังไงล่ะ?
“ถ้าจะบอกว่าสกปรก ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนสกปรก!ฮื่อ ใครก็ไม่รู้ว่าเธอต้องไปขายกี่ครั้งถึงจะได้เงินขนาดนี้” ใบหน้าของน้าหรานเต็มไปด้วยดูถูกและหัวเราะเยาะ
หลินเวยมี่สูดลมหายใจเข้าเกือบหมดสติ สั้นไม่หยุดเลยและจ้องน้าหรานอย่างเย็นชาเหมือนจะจ้องเธอออกมาเป็นรู
น้าหรานมองไปที่เธอด้วยสายตาที่รังเกียจและเดินออกไปทางประตู
จนกระทั่งได้กลิ่นไหม้ เธอถึงจะกลับรู้สึกตัว เธอปิดแก๊สแบบไร้ความรู้สึกและหันเดินขึ้นชั้นบน“ทำเสร็จแล้วหรือ?”ฉู่เฉินซีมองไปที่คนที่อยู่หน้าประตู
เมื่อไม่ได้คำตอบของเธอ เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าตาเธอแดง ๆ เหมือนถูกรังแกมา
“เธอเป็นอะไรหรือ?” ทันใดนั้นฉู่เฉินซีตึงเครียดและลุกขึ้นมาถาม
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมองเขาร้องไห้……