บทที่ 75 ไอ้ปีศาจ!หยุดรังแกฉันได้แล้ว(1)
ณ ทางเดินเงียบสงบในโรงพยาบาล หลินเวยมี่นั่งบนเก้าอี้พลาสติก ในสมองคิดไปต่างๆนาๆ มือเล็กบีบแน่น ฉู่เฉินซีเข้าไปข้างในนานแล้ว หรือจะเป็นอะไรไป?
บนใบหน้าสวยยังมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง บนร่างถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่อย่างลวกๆ สภาพดูแทบไม่ได้
คิ้วเรียวขมวดแน่น แววตาหม่นหมอง คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเกินไป ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาจนเธอไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร
เธอจึงหยุดคิดทุกอย่างแล้วนั่งรออีกฝ่ายเงียบๆ
ทางเดินอีกด้านมีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับหยิ่งและลูกน้อง
“เขาอยู่ข้างใน” เธอเอ่ยเรียบๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
หยิ่งมองเธอด้วยสีหน้าดุดันพลางเอ่ยเสียงเย็น “นายท่านบาดเจ็บได้ยังไง”
เขาเชื่อว่าคนอย่างฉู่เฉินซีไม่มีทางที่จะบาดเจ็บได้ง่ายๆ แต่แปลกตรงที่เมื่ออยู่ลำพังกับหลินเวยมี่เจ้านายของเขากลับได้รับบาดเจ็บ
หยิ่งรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้นัก ตั้งแต่นายท่านพบกับผู้หญิงคนนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด
“ฉันทำเอง” หลินเวยมี่สบตาหยิ่ง น้ำเสียงเธอราบเรียบปราศจากความรู้สึกผิดใดๆ
สีหน้าหยิ่งเปลี่ยนเป็นดุดัน มือทั้งสองกำแน่น หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงส่งหมัดออกไปแล้วฆ่าเธอให้ตายซะ
แต่เพราะเป็นผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงของนายท่าน!
หลินเวยมี่รับรู้ได้ถึงความโกรธที่หยิ่งส่งมา เธอสบตากลับไปเล็กน้อย แล้วก้มหน้าลงอีกครั้งพลางใช้มือนวดขาที่ชาเพราะนั่งนานเกินไป
“นายดูเขาเถอะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหยิ่งไป
“คุณหลิน…” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันไปมองอีกคนอย่างแปลกใจ “มีอะไรรึเปล่า”
“นายท่านยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย คุณก็จะไปแบบนี้เลยเหรอ”
น้ำเสียงที่ใช้ถามราวกับต้องการสื่อว่าหลินเว่ยมี่เป็นคนทรยศอย่างไรอย่างนั้น
หยิ่งเหมือนรู้ตัวว่าตนเองพูดไม่ดีออกไป จึงรีบอธิบายต่อ “ถ้านายท่านตื่นมาแล้วไม่พบคุณหลิน นายท่านต้องอารมณ์เสียแน่ๆ”
“แต่ถ้าฉันยังอยู่ต่อเขาก็จะอารมณ์เสียใส่ฉันเหมือนกัน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพร้อมกับมองหยิ่งด้วยสายตาเย็นชา
หลังจากที่แทงฉู่เฉินซีจนเจ็บขนาดนั้นเธอคงไม่โง่นั่งเฝ้าอีกฝ่ายแน่ๆ เพราะสิ่งแรกที่ฉู่เฉินซีจะทำตอนที่ฟื้นขึ้นมาก็คือบีบคอเธอให้ตายน่ะสิ
“แล้วคุณหลินพานายท่านมาที่โรงพยาบาลยังไง คุณมีใบขับขี่เหรอ” หยิ่งไม่ได้สนใจที่เธอพูดเมื่อกี้แต่กลับถามเรื่องไม่สำคัญขึ้นมา
มุมปากหลินเวยมี่กระตุกเมื่อถูกหยิ่งถามจี้ จริงๆแล้วที่เธออยากรีบไปไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอทำร้ายฉู่เฉินซีหรอก
“ไม่มี”
“ไม่มี?” หยิ่งขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “แล้วใครพานายท่านมาที่นี่ล่ะ”
“ฉันเอง” หลินเวยมี่ตอบพลางก้มหน้าต่ำ
หยิ่งแทบหยุดหายใจ น้ำเสียงดุขึ้น “งั้นรถสปอร์ตคันที่จอดด้านนอกที่ถูกชนจนเละนั่นคือรถของนายท่าน?”
หลินเวยมี่สัมผัสได้ถึงการสั่นในน้ำเสียงของหยิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังพร้อมหัวเราะแห้งๆอย่างยอมรับ
หยิ่งรู้สึกเวียนหัวเมื่อรับรู้ทุกอย่างจากเธอ ขนาดรถยังมีสภาพแบบนั้น แล้วนายท่านล่ะ…
เขาอยากจะบุกเข้าไปในห้องฉุกเฉินใจจะขาด ถ้าเจ้านายเขาเป็นอะไรไปละก็เขาไม่มีทางปล่อยหลินเวยมี่ไปแน่!
หลินเวยมี่อาศัยจังหวะที่หยิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วรีบวิ่งออกมาจนถึงหน้าโรงพยาบาล เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นรถสปอร์ตที่เธอขับชนกระถางดอกไม้แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เธอสามารถจอดรถได้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว
กลางดึก หลินเวยมี่เดินอย่างเงียบเชียบ เธอค่อยๆผลักประตูแล้วก้าวเท้าขึ้นบันไดเบาๆ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้องหนังสือของหลินจ่านหง ขอบตาเธอร้อนผ่าว น้ำตาไหลอาบแก้ม
เวลาสั้นๆแค่สามวันแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันผ่านไปช้าเหลือเกิน
ข้าวของในห้องหนังสือกระจัดกระจาย หนังสือหลายเล่มถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น เธอขมวดคิ้วแน่นแล้วเดินเข้าไปข้างใน ใบหน้าสวยโกรธเกรี้ยว พวกนั้นทำห้องหนังสือของพ่อเธอเละเทะไปหมด!
เธอเดินไปหยุดที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาดูผ่านๆ ทันทีที่เธอเปิดหน้าแรกน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
บนกระดาษมีชื่อของแม่เธอเขียนเอาไว้ ‘รั่วหราน’
ความจริงหลินจ่านหงก็ยังรักแม่เธออยู่ใช่ไหมนะ เธอค่อยๆปาดน้ำตาออก ในใจรู้สึกเจ็บปวด
จริงๆเธอควรจะรู้ตั้งนานแล้วว่าหลินจ่านหงตั้งใจจะจบชีวิตตัวเองแบบนี้ ตั้งแต่ตอนนั้นที่อีกฝ่ายพูดแปลกๆกับเธอ บางทีอีกฝ่ายคงตัดสินใจแบบนี้ไว้แล้ว
แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงบอกเธอว่าอย่าไปโทษคนอื่น? หลินจ่านหงหมายความว่าอะไรกันแน่ ในเมื่อชัดเจนอยู่แล้วว่ากู้จุนเฟิงเป็นคนบีบให้อีกฝ่ายต้องฆ่าตัวตาย แล้วทำไมเธอจะแก้แค้นกู้จุนเฟิงไม่ได้ล่ะ