เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 95 เธอเป็นคนขโมยใจ(1)
บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด ฉู่เฉินซีมุมปากยิ้มเล็กน้อย ยิ้มอย่างเย็นชาและห่าง นิ้วตีบนโต๊ะไม่หยุด
“เจ้านาย วันนี้เป็นไรแล้ว? ไม่สนใจผู้หญิงหรือ? ผู้หยิ่งคนอื่นจะต้องเสียใจเลยน่ะ” เฉินเห้าหมิงพูดหัวเราะเยาะและกอดผู้หญิงคนหนึ่งมา
พูดอย่างไม่รู้สึกผิด
ฉู่เฉิน่ซียกแก้วขึ้นมา จิบไวน์ด้วยรอยยิ้ม “น่าเบื่อ”
เฉินเห้าหมิงยกคิ้วขึ้นและยิ้ม “เจ้านายคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี?นั้นเราสามารถเปลี่ยนได้ หรือเจ้านายชอบแบบบริสุทธิ์อย่างคุณหลิน?”
คำพูดของเขาเหมือนกำลังลองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินเวยมี่เป็นยังไงแล้ว
ฉู่เฉินซีมองที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกลึกและสักครู่หนึ่งพูดว่า “บริสุทธิ์ดีตรงไหน หาที่มันเปิดเผยถึงจะเล่นสนุก”
“ใช่แล้ว เสี่ยวเหมย เดี๋ยวดูแลเจ้านายดีๆ น่ะ รู้ไหม?” เฉินเห้าหมิงจิบไวน์ด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขามีแสงสะท้อนออกมา “พูดถึงเจ้านายก็เป็นคนที่รักเดียวใจเดียวน่ะ คุณหลินอยู่ข้างเธอนานถึงหนึ่งเดือนแล้ว มันก็ทำลายสถิติแล้วน่ะ”
ฉู่เฉินซีขยับริมฝีปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก “เธอหรือ?เป็นแค่เครื่องมือของฉัน”
“จริงหรือ? แล้วเมื่อไหร่จะให้ลูกน้องลองดูบ้าง?” เฉินเห้าหมิงพูดเหมือนเรื่องตลก แต่ดวงตาของเขาจริงจังและมีการข่มขู่
ฉู่เฉินซีสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่สายตาของเขามั่นใจกว่าเติม สายตาทั้งสองชนกันเกิดประกายไฟในอากาศ
“ฉันยังไม่เบื่อเลย” พูดอย่างเฉยเมยและบอกถึงอำนาจของเขา
“นั้นลูกน้องก็รอจนกว่าเจ้านายจะเบื่อแล้วกัน แต่ดีที่สุดอย่าให้ผู้เฒ่ารู้ว่ามีคุณหลินอยู่ ไม่นั้นจะจัดการได้ยาก” เฉินเห้าหมิงกล่าวด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
ฉู่เฉินซีสายตาเติมไปด้วยความโกรธ และใช้เวลาสักพักเพื่อระงับอารมณ์ในใจของเขาลง “ถ้าผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้ก็มีแต่มีคนตั้งใจไปบอก อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าใครเป็นคนส่งหลินเวยมี่มาให้ เธอยังมีค่าสำหรับฉัน”
“มีค่าหรือ……” เฉินเห้าหมิงตอบย้ำคำนี้ สีหน้าไม่ค่อยดี เหมือนอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนส่งหลินเวยมี่มาให้ ถ้าเขาไปบอกกับผู้เฒ่าแล้วถึงเวลาจะโดนฉู่เฉินซีทำกลับไหม อาจจะไม่ดีต่อเขา
ดวงตาของเขาแคบลงและดื่มอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างลึกลับ
สิ่งที่น่าเกลียจที่สุดก็คือเขาเดาไม่ได้ว่าฉู่เฉินซีกับหลินเวยมี่ความสัมพันธ์มันเป็นยังไง ถ้าแค่หลินเวยมี่ยังมีค่าสำหรับฉู่เฉินซีก็จะไม่น่าเล่นแล้ว
เขาคิดว่าหลินเวยมี่มีความสำคัญกับฉู่เฉินซีมาก
อีกห้องหนึ่ง หลินเวยมี่กำลังดื่มชาอย่างเฉยเมย ดวงตาของเธอเหมือนมองไปหาห้องประตูที่เปิดอยู่แค่ครึ่งเดียว
“เวยมี่ เธอมีอะไรอยู่ในใจหรือ?” โจ่วชินช๋วนตาดีสังเกตสีหน้าเธอ รีบถาม
หลินเวยมี่ยิ้มและใส่หัว เธอเป็นอะไรแล้ว?ทำไมในหัวสมองมีแต่ภาพที่เห็นฉู่เฉินซีเมื่อกี้นี้ ? เขากินเหล้ากับใคร?และผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด……
นึกถึงตรงนี้ ใจเธอไม่สงบเลย
“เวยมี่ เธอจำไว้น่ะ เธอยังมีพวกเราอยู่” เย่หนิงคิดว่าเธอกำลังเสียใจเรื่องที่บ้าน ก็เลยรีบมาให้กำลังใจเธอ
หลินเวยมี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า รู้ว่าตัวเองไม่ได้เสียใจและขอบคุณเย่หนิงที่เป็นห่างเธอ แต่เธอกำลังคิดเรื่องผู้ชายคนนั้น
ประตูห้องเปิดออกมา เฉินเห้าหมิงเดินเข้ามา มองไปรอบ ๆ สุดท้ายสายตามองไปที่หลินเวยมี่
“เวยมี่ ออกมาหน่อย น้าเธอดื่มเยอะไปหน่อย”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว น้า?เขาหมายถึงฉู่เฉินซี ? ไม่ทันคิด เธอก็ไปกับเฉินเห้าหมิงเลย
“เย่หนิง พวกเธอไม่ต้องรอฉันน่ะ ฉันไปดูน้าก่อนน่ะ”
รอยยิ้มของเฉินเห้าหมิงแปลก ๆ และจับมือหลินเวยมี่ขึ้นไปที่ชั้นสาม
“เมื่อกี้เธอดื่มกับฉู่เฉินซีหรือ?” หลินเวยมี่ถาม
“ใช่ ฉันเอง” ที่จริงเฉินเห้าหมิงเห็นหลินเวยมี่ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงจะหาเธอได้ง่ายขนาดนี้
“อยู่ห้องนี้” เฉินเห้าหมิงยืนอยู่หน้าประตู รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้เปลี่ยน
หลินเวยมี่ไม่ได้คิดมาก ผลักประตูเข้าไปเลย