บทที่ 87 ออกไป(1)
ฟ้ามืดลงมีฝนปรอย ๆ รู้สึกได้ว่าท้องฟ้ามองไปแล้วอึดอัด เหมือนกับอารมณ์ของหลินเวยมี่ตอนนี้ อึดอัด หลินเวยมี่ถือร่มสีดำยื่นอยู่หน้าสุสานอย่างเงียบ ๆ สายตามองไปที่รูปถ่ายของหลินจ่านหงอย่างไม่กะพริบตา
ในที่สุด น้ำตาของหลินเวยมี่ไหลออกมา หลินเวยมี่รีบเอามือไปเช็ค ไม่ให้คนอื่นเห็น
คนที่มาสุสานไม่เยอะ มีแต่เพื่อนสนิทของหลินจ่านหงไม่กี่คน ฉะนั้นมีแต่ความเงียบเหงา
สูดหายใจลึกๆ อั้นความเศร้าไว้ชั่วคราว
เสียงเท้าที่วุ่นวายเดินมาด้านหลัง ทุกคนหันไปมอง กู้จุนเฟินยืนอยู่กลางฝน ไม่ได้ให้ผู้ช่วยถือร่ม ปล่อยให้น้ำฝนตีลงที่เสื้อสูทของเขา ในที่สุดเขาได้เอาดอกไม้ช่อหนึ่งวางที่หน้าสุสาน
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไป รีบเดินเข้าไปเอาดอกไม้โยนไว้ที่อื่น จ้องไปที่เขาอย่างโกรธ “เธอมาทำไม?” กู้จุนเฟิงมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ใจสั่นไม่หยุด พูดด้วยเสียงต่ำ ๆ “ฉันแค่มาส่งคุณอา”
เมื่อหลินเวยมี่ได้ยิน ความโกรธของเธอมากยิ่งกว่าเติม พูดด้วยเสียงเย็นชา “อย่ามาทำตัวเป็นคนดี เก็บหน้ากากของเธอไป! พ่อไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ!”
บรรยากาศตึงเครียด คนรอบข้างมองไปที่พวกเขา
รู้สึกได้ว่าใบหน้ากู้จุนเฟิงเต็มไปด้วยความเศร้า ก้มตัวหยิบดอกไม้ขึ้นมาวางใหม่
แต่ก็ได้เห็นมีมือเล็ก ๆรีบเอาดอกไม้โยนออกไปอีก
ใบหน้ากู้จุนเฟิงเริ่มไม่ดี ทันใดนั้นจับมือเธอไว้ เงยหน้ามองไปที่ตาของเธอ
“เสี่ยวซี ไม่เล่นแล้ว?”
หลินเวยมี่ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไม่พอใจ ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก เสื้อของเธอเปียกไปหมดแล้ว น้ำฝนตกมาที่ขนตาของเธอ ทำให้ตาเธอมองไม่ค่อยชัด และทำให้เธอดูไม่ออกผู้ชายคนนี้
“นายกเทศมนตรีกู้ ฉันไม่ได้เล่น ไม่ได้เล่นจริง ๆ เธอคิดว่าแค่ดอกไม้ช่อเดียวของเธอพ่อฉันจะให้อภัยเธอหรือ?”
กู้จุนเฟิงขมวดคิ้วแน่นกว่าเติม มือที่จับเธอไว้ก็แน่นกว่าเติม “ตามฉันมา!”
เขาตึงมือเธอเข้าไปทางเล็ก ๆ
“ไม่ต้องตามมา! เข้าใจไหม?” คำสั่งออกจากปากเขา
“เธอจะทำอะไร? ปล่อยฉันไป!” หลินเวยมี่ขมวดคิ้วและอยากจากหนีไป
แต่มือที่เขาจับเธอไว้อย่างแน่น ไม่ให้โอกาสเธอหนีไปเลย และคนรอบข้างได้แค่มองดูพวกเขาไร้ความรู้สึก ไม่มีใครเข้ามาช่วยสักคน
กู้จุนเฟิงดึงเธอมาหลังรถคันสีดำ พอดีปังสายตาทุกคนได้
“เสี่ยวซี ไม่ต้องเย็นชากับฉันขนาดนี้ได้ไหม?” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า
หลินเวยมี่หัวเราะเยาะ มองเขาด้วยสายตาโกรธ “กับคนที่ทำให้ฉันไม่มีพ่อ ฉันได้คุยกับเธอสงบได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าให้หน้าเธอแล้ว”
“สำหรับเรื่องของคุณอาฉันต้องขอโทษ แต่สาเหตุหลักไม่อยู่ที่ฉัน”
“ไม่ใช่เธอ? แล้วคือใคร? กู้จุนเฟิน วันนี้ฉันต้องรู้จักกับเธอใหม่แล้ว เธออยากจะปัดความรับผิดชอบให้ใครล่ะ?” ความโกรธของหลินเวยมี่เพิ่มมากว่าเติมพร้อมกับความเกลียด
“ฉันไม่รู้ ฉันเคยคิดจะทำ แต่มีคนทำก่อนฉันอีก ไม่ว่าเธอเชื่อหรือไม่ อย่างน้อยฉันพูดออกมาแล้ว” เขาถอนหายใจลึก ๆ เหมือนเอาหินก้อนใหญ่ไว้ลงพื้นแล้ว หลายวันนี้เขาลังเลอยู่ ในใจก็กลัวว่าหลินเวยมี่จะโกรธเขา ก็เลยไม่ได้พูดออกมา แต่เขานึกไม่ถึงว่าขึ้นบนมีคนลงคำสั่งมาก่อน ทำให้บริษัทของตระกูลหลินล้มละลาย มีแต่หนี้สินมากมาย
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไป เมื่อกู้จุนเฟิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว ก็แสดงว่าไม่ใช่เขาทำ แต่จะเป็นใครละ?เธอนึกถึงคำพูดของหลินจ่านหงคืนนั้น
ให้เธอไม่ต้องไปโกรธใครทั้งนั้น คำพูดของเขานี่หมายความว่าอะไร?
เรื่องทั้งหมดเหมือนไม่เคลียร์ เหมือนคำสาปที่ไม่สามารถแก้ได้
หลินเวยมี่เงียบไม่พูด อย่างไรก็ตามคำถามพวกนี้ตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบ รอเวลานานกว่านี้อาจได้คำตอบมา
กู้จุนเฟินยกมือขึ้น เช็คน้ำฝนที่อยู่บนใบหน้าเธออย่างเบา หลินเวยมี่เงยหน้ามองไปที่สายตาเขา ตบมือเขาออกไป
กู้จุนเฟินงก็ไม่ได้โมโห ก้มหัวเข้าใกล้แล้วพูดเบา ๆ “เสี่ยวซี ไม่โกรธฉันได้ไหม?”
ทันใดนั้นใบหน้าของหลินเวยมี่รู้สึกไม่ปกติ เอาหน้าหันไปทางอื่น อยากจะหนีลมหายใจอุ่น ๆ ของเขา แต่หน้าแดงขึ้นมา
ความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่รอบตัวพวกเขา รอบข้างเงียบสนิท ขณะนี้หลินเวยมี่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
“อย่าใช้สายตาโกรธแบบนี้มองฉันเลย ใจจะเจ็บน่ะ” เขาเข้าใกล้เธอแล้วพูดเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้า
หลินเวยมี่กัดริมฝีปากอย่างแน่น ยังคงไม่พูด เหมือนยังไม่ชินกับการที่สองคนได้คุยอย่างสงบอย่างนี้
“เธอทำไมถึงโกรธพวกเราขนาดนี้?” หลินเวยมี่ถาม น้ำเสียงไม่ได้แหลมเหมือนตอนแรก
ทันใดนั้นใบหน้าของกู้จุนเฟินเริ่มไม่ปกติ มองไปที่หลินเวยมี่อย่างลึกซึ้ง แต่ยังไงก็ไม่ได้พูดออกมา
หลินเวยมี่มองไปที่ดวงตาของเขา แต่ดูไม่ถึงใจของเขา เหมือนมีอะไรปังอยู่หน้าเขา ไม่ให้คนอื่นเข้าไปในใจของเขา