บทที่ 100 ทรมาณคน(2)
ก๊อกก๊อก — มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ผ่านเข้ามา
มือของฉู่เฉินซีเอื้อมไปลูบของเธอขณะนอนหลับได้สักพักเเล้วจึงเอ่ยปากพูดว่า “เข้ามา”
หยิ่งเปิดประตูเข้ามา มองเห็นภาพของสองคนนั้น จึงรีบหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง
“เจ้านายครับ ผมไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวนี้ออกมา เราต้องห้ามไหมครับ” หยิ่งยื่นหนังสือพิมพ์ให้กับฉู่เฉินซี
ฉู่เฉินซีกวาดสายตามองผ่านๆ ก็เข้าใจทุกอย่างเเล้วพูดออกไปว่า “ไม่ต้อง”
“เเค่คุณหลิน”……
“ไม่เป็นไร ข้าวนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปยังหลินเวยมี่ เเต่ความเป็นจริงเเล้วมีผลกระทบต่อกู้จุนเฟิงมากที่สุด” พูดจบ เขาก็ก้มหัวไปมองผู้หญิงในอ้อมอกเเละสัมผัสเเก้มของเธอเบาๆ
เธอดูอ่อนแอมาก แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเธอข่มใจตัวเองไว้ ความจริงแล้วเธอแข็งแกร่งแบบที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้
หยิ่งพยักหน้าเเล้วถอยไปจากประตู
อาจเป็นเพราะเสียงก้าวเท้าของหยิ่งเสียงดัง หลินเวยมี่จึงขมวดคิ้วซ้ำไปมา เเล้วเปลี่ยนไปนอนที่สบายมากขึ้นนอนต่อไป
“ถอดรองเท้าแล้วเดินออกไป” ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วสั่ง
หยิ่งเงยหน้าไปมองตาฉู่เฉินซี ไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน รีบถอดรองเท้าออกแล้วเดินไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง
สายตาของฉู่เฉินซีเหลือบมองไปยังหนังสือพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์คือภาพกู้จุนเฟิงยืนอยู่กับหลินเวยมี่ ดูเหมือนกับว่าสองคนนั้นกำลังจูบกัน
เเล้วพาดหัวข่าวก็เกินจริงเกินไป คุณนายตระกูลหลินยอมรับแล้วว่าเป็นมือที่สาม
ฉู่เฉินซี ขมวดคิ้วซ้ำๆ พาดหัวข่าวนี้ดูแล้วทำให้เครียดอย่างมาก เขารู้สึกฉุนเฉียวจึงขยำกระดาษหนังสือพิมพ์นั้นเป็นลูกบอลแล้วขว้างทิ้งลงไปในถังขยะ
หลินเวยมี่ได้ยินเสียงนั้นจึงลืมตาขึ้น หาวขึ้นมาคำใหญ่ แล้วกอดเอวของเขาแน่นอย่างไม่รู้ตัว ถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “ตอนนี้กี่โมงเเล้ว ?”
“ยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะนะ” ฉู่เฉินซียิ้มที่มุมปาก การที่พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างสันติแบบนี้เขาชอบมาก รู้สึกอบอุ่นราวกับคู่รักที่รักกันมาอย่างยาวนาน
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว นอนหลับไปแบบงงๆ หมีที่บ้านเธอจะพูดได้ตอนไหนนะ ? สมองอยู่ในสภาวะเบลอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
จนกระทั่งฟ้าสาง หลินเวยมี่นอนอิ่มจนตื่นขึ้นมาก็ เธอหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ข้างบน พูดอย่างงงวยว่า “ฉู่เฉินซี เเปลกจังเลย ฉันฝันเห็นว่าลูกหมีตัวใหญ่พูดได้ด้วย” หน้าของฉู่เฉินซีเปลี่ยนเล็กน้อย ผู้หญิงบ้านี่คิดว่าเขาเป็นตุ้กตาของเล่นหรอ ?
“ผู้หญิงถ่อย คุณสร่างเเล้วค่อยพูดก็ได้ !”
หลินเวยมี่หาวคำโต นั่งกึ่งหลับกึ่งตื่น มองเขาแบบเบลอๆ
“ฉันพิงคุณงั้นหรอ ?”
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ ? ลูกหมีใหญ่ที่บ้านเธอจะใจดีขนาดนี้จะห่มผ้าห่มให้เธอหรอ ?” เขายิ้มเยาะเย้ยและยืดขาตรง ผู้หญิงบ้านี่นอนทับไปสามชั่วโมงจนทำให้ขาของเขาชาจนไร้ความรู้สึก
“ขาคุณชาหรอ?” หลินเวยมี่ของเขาและถามด้วยความใส่ใจ เอามือจับไปที่ขาของเขาเเล้วนวดเบาๆ
“ดีขึ้นบ้างไหม?” เธอถาม ยังไงเธอก็ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็รู้สึกเกรงใจ
“ขึ้นมาอีกนิดหน่อย” เขาบอกด้วยไปหน้าอันเคลิบเคลิ้ม
หลินเวยมี่ขยับขึ้นมาอีกและงวดต่ออย่างเบามือ
“ขึ้นมาอีกนิด” เขายิ้มอย่างทะเล้นทั่วใบหน้า “ขึ้นมาอีก”
ถ้ามือเล็กของหลินเวยมี่ขยับขึ้นไปอีกเเล้วล่ะก็…… หน้าของเธอเเดงระเรื่อ ตานี่มาเจ้าเหล่ห์กับเธอ !
“ขี้เกียจสนใจคุณเเล้ว !” เขาพูดออกไป
ทันใดนั้นเอวก็ยืดขึ้น เเละทั้งตัวก็ถูกเขาลากเข้าไปไว้ในหน้าอก เขาเข้าไปใกล้ๆ ใบหูของเธอ เเล้วกระซิบเบาๆ ว่า “คุณยังไม่ใช้หนี้ผมเลยนะ”
“อะไรกัน ?” หลินเวยมี่ถามด้วยความสงสัย ทำไมเธอจำไม่ได้ว่าเคยติดหนี้อะไรฉู่เฉินซีไว้
“ยัยโง่” เขายิ้มอ่อนๆ เเล้วขยับเข้าไปที่ริมฝีปากของเธอ “คุณยังติดหนี้จูบอรุณสวัสดิ์ผมยังไงล่ะ”
เขาพูดเเละขยับไปใกล้ๆ เธอ จนทั้งสองคนล้มทับกัน ทำให้รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของกันและกัน
เเต่ฉู่เฉินซียังอยากสำรวจมากกว่าเดิม เขาค่อยๆ ดันลิ้นเข้าไปลึกๆ ได้สัมผัสถึงความหวานที่แผ่กระจายทั่วปากของเธอ
“อื้อ”….. หลินเวยส่งเสียงร้องและใช้มือผลักไปที่หน้าอกของเขาโดนปุ่มเล็กๆ พอดี
รู้สึกได้ถึงการหายใจของเขาที่หนักแน่นและเร่าร้อนมากขึ้น เเละคนสองคนเเนบชิดติดกันจนยากที่จะเเยกออกได้
ฉู่เฉินซีปล่อยเธอและยิ้มออกเสียงเบาๆ
หลินเวยมี่มองไปที่เขาด้วยความโกรธ ในสายตาเต็มไปด้วยความหดหู่ และเมื่อเขาเอานิ้ววางมาที่ริมฝีปากของเธอ เธอจึงกัดเข้าและมองเขาอย่างได้รับชัยชนะ
แววตาของฉู่เฉินซีมืดครึ้มลง ทั้งตัวรู้สึกร้อนขึ้น
“นังปีศาจตัวน้อย” เขาถอนหายใจเบาๆ มือลูบผ่านแก้มของเธอ
หลินเวยมี่กัดนิ้วเขาต่อไป และค่อยๆ เพิ่มแรงกัดขึ้นเรื่อยๆ ใครให้เขาขโมยจูบเธอกะทันหันกันล่ะ นี่คือการลงโทษเขา
หลินเวยมี่ไม่รู้ว่าอันตรายกำลังคลืบคลานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ทำยังกับว่าตัวเองชนะแล้วยังจะไปเยาะเย้ยเขาอีก
“เล่นกับไฟ ระวังจะเผาตัวเองเข้าล่ะ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันแหบแห้ง แววตายจ้องมองเธออย่างลับๆ ล่อๆ