บทที่ 90 การแสดง(2)
“เธอ……”
“พวกเธอไปเล่นที่ไหนมา?” ฉู่เฉินซีหยิบทิชชู่มาเช็คมืออย่างละเอียด
“ไม่ได้ไปไหน” หลินเวยมี่ทำท่าเศร้า
ฉู่เฉินซีเงยหน้ามองหน้าเธออย่างกับงูพิษกำลังมองอยู่ สักพักใหญ่มีรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นที่มุมปากของเขา
“จริงหรือ?”
น้ำเสียงเหมือนไม่ได้ใส่ใจ แต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังขู่อยู่ เขาให้โอกาสเธอ ให้โอกาสเธอพูดออกมาเอง
หลินเวยมี่สีหน้าเปลี่ยนไป พูดอย่างช้า ๆ “ไปดูน้ำพุมาแล้วไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง”
ฉู่เฉินซีสีหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่รู้สึกได้ว่าความโกรธน้อยลง
เขาเอานิ้วที่เย็นชาช่วยเธอเอาผมไว้หลังหู “เด็กดี”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วมองเขา แต่ในใจไม่ชอบนิสัยของเขา อารมณ์ไม่คงที่ นาทีที่แล้วยังโมโหอยู่เลย นาทีนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่สนใจอะไรเลย
เหมือนตัวเขา แม้ว่าอยู่กันมานาน หลินเวยมี่ก็ยังคงดูเขาไม่ออก คาดเดาความคิดเขาไม่ได้
“กินข้าวยัง?” มือเขาจับที่เอวเธอเหมือนไม่ตั้งใจ แล้วเดินเข้าวิลล่ากับเธอ
หลินเวยมี่ไม่กล้าพูดโกหก เดาได้ว่าทั้งหมดของเธอเขารู้ตั้งนานแล้ว ฉะนั้นเธอพูดโกหกไม่ได้
“กินแค่ไอศกรีมไปอันหนึ่ง”
“พอดี ฉันรู้สึกหัวแล้ว ไปทำกับข้าว ” เขาจูบที่หน้าเธอ ตบไหล่เธอแล้วเขาเดินไปที่ห้องรับแขก
หลินเวยมี่เดินไปที่ห้องครัว ในใจคิดว่าต่อหน้ากับเฉินเห้าหมิงดีกันเหมือนเป็นพี่น้อง แต่ลับหลังไม่ได้ดีอย่างที่คิด?
ไม่นั้นเขาทำไมไม่อย่ามจูบปากเธอล่ะ?
แต่ว่า เฉินเห้าหมิงพูดจริงหรือ?ผู้หญิงที่ฉู่เฉินซีไม่เอาแล้วก็จะให้ลูกน้องไป?ถ้าอย่างนั้นเธอยอมไปตายดีกว่า
เธอตีไข่อยู่ต่อใจคิดไปที่อื่นแล้ว ในสมองของเธอมีแต่หน้าเศร้า ๆ ของกู้จุนเฟิงขึ้นมาตลอด
แค่ภาพนี้ก็รู้สึกได้ว่าเขาอยู่แล้วเหนื่อยมาก ๆ
ทำไมเธอฟังแค่คำพูดของกู้จุนเฟินแล้วรู้สึกไม่ค่อยโกรธเขาเลย?เธอเชื่อใจกู้จุนเฟินถึงขนาดนั้นเลยหรือ?เกินความคาดฝันของเธอเลย
มีกลิ่นไหม้ ๆ ออกมา หลินเวยมี่ถึงกลับตัวมองไปไข่ที่อยู่ในกระทะเป็นสีดำไปแล้ว รีบไปปิดแก็ส
ทันใดนั้นกลิ่นไหม้เต็มไปทั้งห้องครัวเลย เธอหันหลังอย่างท้อใจ พอดีไปเห็นฉู่เฉินซียืนพิงอยู่หน้าต่าง “ใจไม่อยู่กับที่ คิดอะไรอยู่หรือ?หรือว่ากำลังคิดถึงตอนที่ไปกับเฉินเห้าหมิง?” ฉู่เฉินซีพูดอย่างแปลกประหลาด
หลินเวยมี่สีหน้าเปลี่ยนไป ตอบอย่างชาเย็น “ฉันทำใหม่”
พูดจบเอามือไปจับกระทะ
“อย่าจับ!”
เสียงเตือนของฉู่เฉินซีกับเสียงกรี๊ดของหลินเวยมี่ดังขึ้นพร้อมกัน เขารีดเดินไปหา จับมือเธอด้วยสีหน้าตึงเครียด ดึงมาจุ่มในน้ำ
“เธอโง่จริง ๆ!” เขาพูดด้วยสายตาจ้องไปมือของเธอ
หลินเวยมี่มองไปด้านข้างของเขารู้สึกมีวินาทีที่เขาทำอะไรไม่ถูก เหมือนฉู่เฉินซีจะเป็นห่วงเธอมาก
เธอขมวดคิ้ว รีบเอาความคิดนี้ออกไป คนอย่างฉู่เฉินซีจะมาชอบเธอหรือ? แค่เพราะมีความสนใจตัวเธอนิดหน่อยเอง
ฉู่เฉินซีเอามือเธอเช็คแห้งแล้วมองไปที่มือมีตุ่มน้ำไสสองตุ่มและขมวดคิ้วยิ่งกว่าเติม
“แค่ให้เธอทำบะหมี่สักชามให้ฉัน ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำแล้ว ไม่ต้องทำตัวเองขนาดนี้”
เมื่อหลินเวยมี่ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว รู้สึกไม่สบายใจแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉู่เฉินซี เธอจะเอาฉันให้กับพี่น้องของเธอไหม?”
เธอถามอย่างกะทันหัน พอถามจบเธอรู้สึกเสียใจที่ถามไป ถามอย่างนี้เหมือนเธอไม่อยากจากฉู่เฉินซีไปเลย ถึงจะกลัวว่าเขาเอาเธอไปให้คนอื่น ?
ฉู่เฉินซีทำท่าประหลาดใจมองไปที่เธอ สังเกตเธอสักพักแล้ว ถามว่า “เฉินเห้าหมิงพูดกับเธอหรือ?”
หลินเวยมี่กันริมฝีปากไม่ได้ตอบ ก้มหัวมองแต่สองตุ่มใส่ ๆ ที่อยู่บนมือ
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ลากเธอมาที่ห้องรับแขก แล้วหยิบกล่องยาออกมา หาสักพัก เอายาออกมา
“เอามือมา”
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความระวัง ถามว่า “เธอไม่ได้ทายาผิดให้ฉัน?”
“ไม่น่ะ ฉันจำได้อย่างแน่นอน โดนน้ำร้อนลวกใช้ยานี้” ฉู่เฉินซีบีบยาออกมา ทางที่แผลเธออย่างระมัดระวัง
“มือเธอสวยมาก” เขาพูดอย่างเบา ๆ “เคยเรียนเปียโนไหม?”
หลินเวยมี่สีหน้าเปลี่ยน พยักหน้า “ไม่ค่อยดี”
ฉู่เฉินซีพยักหน้า ใช้นิ้วไปสัมผัสรู้สึกไม่ได้เรียบเนียน ถามด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “ถ้าฉันเอาเธอทิ้งไปให้ผู้ชายคนอื่น เธอจะทำยังไง?”
หลินเวยมี่ความรู้สึกตื่นตัวนิดหนึ่ง เหมือนตรงที่เขาเคยสัมผัสมารู้สึกเย็นชา
เธอทำใจนิ่ง ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร”