รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน – ตอนที่ 102

ตอนที่ 102

บทที่ 102 ขังคุณไว้จนกว่าจะชอบผม(2)

หลินเวยมี่เปิดหน้าต่างออก มองรถของฉู่เฉินซีเคลื่อนตัวออกไป เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชำระร่างกายๆ เเบบง่ายๆ เเล้วจึงเดินลงไปชั้นล่าง

มีคนใช้กำลังกวาดห้องอยู่ที่ชั้นล่าง ขณะข้างหน้าประตูมีบอดี้การ์ดสองคนอย่างไม่ต้องสังเกต

ในใจของเธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ก้าวเท้าใหญ่เดินไปที่ประตู

“คุณหลิน เจ้านายสั่งไว้ว่าขอบเขตของคุณหลินอยู่ได้แค่ในคฤหาสน์ครับ” บอดี้การ์ดพูดคำต่อคำ

หลินเวยมี่ยิ้มเยาะเย้ย เเล้วถอยกลับไปภายในห้อง ฉู่เฉินซีต้องการขังเธอไว้หรอเนี่ย ?

ขณะที่กำลังเศร้าหมองอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา เธอเดินไปอย่างช้าๆ เหลือบมองหมายเลขข้างบน มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที

“เย่หนิง ? “

“เกิดอะไรขึ้นเวยมี่ ? เธอกับนายกเทศมนตรีเป็นอะไรกัน ?” เย่หนิงถามด้วยความร้อนใจ คำพูดเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมเธอกลายเป็นมือที่สามของนายกเทศมนตรีไปแล้ว? ข่าวกระจายออกมาหมดเเล้วตอนนี้”

สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไป รีบถามกลับไปว่า “มือที่สามอะไรกัน?”

“เธอไปดูหนังสือพิมพ์วันนี้ บอกว่าเธอเป็นมือที่สามของนายกเทศมนตรีกู้ เขาบอกว่าเธอร่วมมือกับเขาเลยทำให้บ้านตัวเองเป็นเเบบนี้”

สีหน้าของหลินเวยมี่เเข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเวลานี้ก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าาเป็นเรื่ิองอะไร เลยวางสายลงเเล้วรีบวิ่งไปในห้องรับเเขก

“เอาหนังสือพิมพ์ตอนเช้าของวันนี้มาให้ฉัน”

คนใช้ในห้องรับแขกมองหน้ากันแล้วส่ายหน้ากันทุกคน

“คุณหลิน ตรงนี้ไม่มีหนังสือพิมพ์ตอนเช้านะคะ”

หลินเวยมี่หน้านิ่วคิ้วขมวด เดินไปข้างในบ้าน เเต่ไม่รู้ว่าเรื่องที่เย่หนิงพูดคือเรื่องอะไร

สายตามองไปอีกด้านหนึ่ง มองไปเห็นถุงขยะมีเศษหนังสือพิมพ์พอดี

“ไหนบอกว่าคฤหาสน์ไม่มีหนังสือพิมพ์ไง ? แล้วนี่คืออะไร ?”

เธอรีบคลี่หนังสือพิมพ์ออก นี่มันหนังสือพิมพ์ตอนเช้าเเละพาดหัวข่าวอันใหญ่

เธอได้เห็นเนื้อเรื่องแค่คร่าวๆ ก็ทำให้โกรธจนทั้งตัวสั่น พวกเขาพูดจาเหลวไหลแบบนี้ได้ยังไงกัน ?

รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับกู้จุนเฟิง เพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของกู้จุนเฟิง จึงเอาบ้านมาขายเสียงทิ้ง หนำซ้ำยังหาว่าเธอเป็นมือที่สามของกู้จุนเฟิง ทำลายครอบครัวของเขา

เธอหายใจเเน่น ความโกรธถาโถมเข้ามาอย่างใหญ่หลวง รูปภาพนั้นคือรูปภาพที่ถ่ายอยู่ที่สุสาน ใครเขียนเนี่ย? เหลวไหลสิ้นดี !

โกรธหนังสือพิมพ์ทำให้ใจกระวนกระวาย ในสมองเกิดความสับสนอย่างมาก ตามองไปบนหนังสือพิมพ์ เเต่ในใจกลับเป็นห่วงกู้จุนเฟิงขึ้นมา

เขาเป็นนักการเมือง มีเรื่องแบบนี้ออกมาจะต้องกระทบอนาคตของเขาแน่นอนเลย !

ในสมองเธอสับสนวนไปมา แต่ตอนนี้เอามันออกไปไม่ได้เธอควรจะทำยังไงดี ?

เธอขมวดคิ้วแล้วโทรหาโจ่วชิงช๋วน โจ่วชิงฉวนน่าจะพอรู้อะไรบางอย่าง

“เขาเป็นยังไงบ้าง ?”

หลังจากที่เขารับสายแล้วหลินเวยมี่ก็รีบถามขึ้น

“ตอนนี้ถูกส่งไปสืบสวนที่บ้าน คุยในโทรศัพท์ไม่รู้เรื่องเลยเดี๋ยวผมไปหาคุณนะ”

“OK”หลินเวยมี่เอาที่อยู่ที่เธออยู่ตอนนี้ให้กับโจ่วชิงช๋วน ในใจของเธอรู้สึกกลัดกลุ้มใจมากขึ้น แอบย่องไปที่หน้าต่างเพื่อสังเกตดูข้างนอก

ตรงนี้คือชั้นนั่นแปลว่าจะไม่สูงมาก แต่ถ้าหากจะกระโดดลงไปต้องกำลังจะต้องมีทักษะเเละกำลังใจ ถูกไหม ?

หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ตรงนี้คือประตูหลัก ถ้ากระโดลงไปจะต้องถูกบอดี้การ์ดสองคนนั้นมองเห็นแน่นอน

เธอเปิดอีกห้องหนึ่งแล้วมองลงไป ห้องนี้ดีมาก ถ้ากระโดดลงไปจะไม่มีใครเห็น ถือโอกาสที่หนีไปได้จะสูงมากกว่า

นอกบ้านจัดสรร โจวชินช๋วนเพ่งมองอย่างเเน่วเเน่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ความคิดภายในใจปรากฏขึ้นครั้งเเล้วครั้งเล่า

หรือว่าหลินเวยมี่อยู่กับฉู่เฉินชินเเล้วจริงๆ ?

เพราะเขาดูที่อยู่ของบ้านหลินเวยมี่ ดังนั้นเมื่อหลินเวยมี่บอกที่อยู่ให้เขา เขาก็เกิดความสงสัยมาก่อนเเล้ว มุมปากของเขายิ้มออกมา เห็นได้ว่าเขามาช้าไป ก่อนหน้ามีกู้จุนเฟิง ตอนนี้มีฉู่เฉินซีอีกคน ยังไงก็ตามในโลกของเธอก็ไม่มีเขา

เมื่อมองจากไกลๆ ก็เห็นว่ามีหนึ่งร่างกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วเขารีบเปิดประตูรถ สีหน้าแสดงออกถึงความเย็นอย่างอัตโนมัติ

“รีบไป” หลินเวยมี่รีบขึ้นรถ เธอมองไปข้างหลังอย่างตื่นเต้น จนไม่เห็นว่ามีใครสักคนเธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลินเวยมี่อ้าปากหอบ ใบหน้าเกิดสีแดงขึ้นเต็มไปหมด ผมก็กระเซอะกระเซิงนิดหน่อย

“เขาเป็นยังไงบ้าง ยังพอจะมีโอกาสช่วยเหลืออะไรได้ไหม ?” หลินเวยมี่ถามอย่างร้อนีนและกระสับกระส่าย

โจ่วชิงช๋วนเงยหน้ามองเธอ เเต่ในใจรู้สึกขมขื่นอย่างมาก “คุณห่วงเขาขนาดนั้นเลยหรอ?”

หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กของเธอแสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างไม่สามารถโกหกคนอื่นได้ “ฉันแค่ไม่อยากให้เขาได้รับผลกระทบในอนาคตเพราะฉัน

“ไม่ใช่ไม่มีวิธี แค่ไม่รู้ว่าเธออยากทำหรือไม่แค่นั้น”

ริมฝีปากเบาบางของโจ่วชินช๋วยเปิดออก เเววตาเต็มไปด้วยการจำใจ ในใจหวังเพียงว่าเธอจะยอมรับ เเต่อีกมุมหนึ่งไม่คาดหวังจากเธอแต่ยอมรับอย่างชัดเจน

“วิธีอะไร ?” เธอถามสายตาของเธอเป็นประกายขึ้น

โจ่วชิงช๋วนมองเห็นแววตาคู่นั้น มุมปากของเขาก็ยิ้มที่เต็มไปด้วยความขมขืน “ถ้าพวกเราเเต่งงานกัน มันจะช่วยขจัดเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ออกไป

หน้าของหลินเวยมี่เเข็งทื่อ มองตัวโจ่วชิงช๋วนอย่างเเปลกใจ เเต่ก็รีบเก็บซ่อนอารมณ์ ก้มหัวลงเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ “เวยมี่ นี่เป็นแค่คำแนะนำอย่างหนึ่ง หากเธอไม่ต้องการพวกเราก็จะหาวิธีอื่นๆ กัน”

หลินเวยมี่กำมืออย่างเหนียวแน่น เงยหน้ามองไปยังโจ่วชิงช๋วน เอ่ยปากขึ้นอย่างแน่วแน่

“OK งั้นเราเเต่งงานกัน

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

Status: Ongoing

หลินเวยมี่ดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วก็เมามาย เธอผลักประตูเดินเข้าไปในห้องของโรงแรม เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลที่เข้มลึกนั้น ฉู่เฉินซีรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ ก้มหน้าลงแล้วจูบเธอเบาๆ ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเขาก็เริ่มเกี่ยวพันกัน……….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท