บทที่ 101 ขังคุณไว้จนกว่าจะชอบผม(1)
หลินเวยมี่ยิ้มเจื่อนๆ รีบปล่อยมือใครคนนั้นออกไป แล้วหยิบทิชชู่มาเช็ดมือให้สะอาด นั่งให้มั่นคง ใบหน้าเเสดงออกถึงความเชื่อง
“ฉู่เฉินซี ฉันไม่เคยเล่นกับไฟ”
เขาหรี่ตามองเธอ เเล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ “เอาเถอะ ปล่อยเธอไปก่อน ยังไงก็ตาม อนาคตยังอีกยาวไกล”
หลินเวยมี่กระตุกมุมปาก เเล้วดึงไปที่เสื้อของเขา อนาคตยังอีกยาวไกล ? หรือว่าตานี่จะวางเเผนกักกันเธอ?
“เเล้วไง ?” เขาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“คุณหมายความว่าไง ? คุณจะตามหลอกหลอนฉันไปถึงไหน?” เสียงของเธอสั่นเครือราวกับว่าเธอเกรงกลัวอย่างมาก
“คุณยังอยากหนีผมไปอีกหรอ?”
เขากำมือแน่นดวงตาของเขาจมลึกลงไป
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ หลินเวยมี่อยากจะหนีเขาไปหรอ? หนีเขาไปแล้วก็ไปหาผู้ชายตามใจชอบเพื่อที่จะแต่งงานแล้วก็มีลูกงั้นหรอ ?
เขาจะอนุญาตได้ยังไงกันล่ะ? อย่าแม้แต่จะคิด !
หลินเวยมีสังเกตได้ว่าเขากำลังโกรธ ใบหน้าของเธอจึงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เอ่ยปากพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ฉู่เฉินซี พวกเรามาคุยกันหน่อย”
ฉู่เฉินซีนั่งให้ดีๆ อีกครั้ง ตั้งอารมณ์ให้มั่นคงอย่างลับๆ แล้วถามอย่างไม่แยแสว่า “เธออยากคุยอะไร ?”
“คุณไม่สามารถติดกันฉันได้ตลอดชีวิต ถูกไหม ? อีกอย่างฉันก็ควรมีจะชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่เป็นปรสิตที่จะเกาะอยู่รอบๆ ตัวคุณ.
“คุณไม่ใช่ปรสิตและไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้” เขาได้ยินแบบนี้ใจทหารนิ่งลง อย่างน้อยหลินเวยมี่ก็ไม่ได้พูดว่าเกลียดเขา
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ใบหน้าอันขาวสดใสมุ่ยขึ้น “พูดตรงๆเลยนะ ฉันไม่ชอบคุณ”
“ งั้นผมก็จะขังเธอไว้จนกว่าเธอจะชอบผม ! ”ตาของฉู่เฉินซีมืดลงและพูดคำสบถเสียงดัง
หลินเวยมี่หัวเราะเยาะ ในตาของเธอเต็มไปด้วยการถากถาง “ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกจะตายไปหมด ฉันก็ไม่มีวันชอบคุณ !”
เธอไม่มีวันชอบปีศาจร้ายตัวนี้ เพราะเธอสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อเธอมอบใจดวงนี้ให้เขา สิ่งที่เธอได้กลับมาคือความมืดมิดที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ฉู่เฉินซีกำกำปั้นเเน่น ใบหน้าของเขาอึมครึม สุดท้ายไม่ว่ายังไงเธอก็ยังไม่ชอบเขา เเต่สิ่งที่เธอเเสดงออกคือสนใจเขาอย่างเห็นได้ชัด !
“งั้นคุณชอบใครล่ะ? ชอบกู้จุนเฟิงนั่นหรอ ? อย่าลืมนะว่าเขาไม่ต้องการคุณเเละไล่คุณมาหาผม”
เพี้ยะ !
เมื่อพูดจบ มีเสียงตบดังขึ้นในอากาศ
หลินเวยมี่มองฉู่เฉินซีด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดทรมาน มือของเธอยังคงค้างอยู่ในอากาศ เธอไม่อนุญาตให้ใครพูดถึงกู้จุนเฟิงเเบบนี้
เธอเชื่อว่าเขามีเหตุผลเเละต้องลำบากใจอย่างมากเเน่นอน ถึงจะเป็นความเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าก็ตามเถอะ เธอก็เชื่อเสี่ยวจื๋อด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่สิ่งของอะไร
ใบหน้าของฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย มองไปยังใบหน้าของหลินเวยมี่ที่เต็มไปด้วยด้วยความขมขืน
“ดีมากหลินเวยมี่ เธอจำไว้นะฝ่ามือนี้ไม่ได้ให้เธอตบฟรีๆ !” คำพูดพยาบาทอาฆาตแค้นนี้ยังคงกึกก้องอยู่ทั่วห้อง แล้วตามมาด้วยเสียงปิดประตู ทั้งห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ฝ่ามือนี้ตบอย่างรุนเเรง แขนของหลินเวยมี่ชาไปครึ่งหนึ่ง เธอถอนหายใจทางปากหนึ่งฟอด ความคิดที่จะหนีไปจากที่นี่เริ่มมีมากกว่าเดิม ยังไงก็ตามเธอก็ไม่อยากอยู่ข้างๆ ปีศาจตัวนี้
สีหน้าของฉู่เฉินซีบึ้งเดินลงบันได หยิ่งยืนอยู่ชั้นล่างของบันได เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นรอยฝ่ามืออยู่บนหน้าเขาอย่างชัดเจน
“เจ้านาย หน้าของคุณ”……
ฉู่เฉินซีกวาดตามองด้วยสายตาเคียดแค้น หยิ่งจึงไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูดสักคำ ได้แต่ก้มหัวแล้วยืนอยู่อีกด้านนึง
“สั่งคนมาเฝ้าตรงนี้ อย่าให้หล่อนหนีไปได้แม้แต่ก้าวเดียว”
หยิ่งขมวดคิ้วมองใบหน้าของฉู่เฉินซี ในใจยิ่งอยากไล่หลินเวยมี่ออกไป หลินเวยมี่อยู่เเค่วันเดียวก็จะส่งผลเสียต่อเจ้านายมากขึ้น
“โธ่เอ้ย พี่ใหญ่ นี่จะไปทำอะไร ?” เฉินเห้าหมิงยิ้มเข้ามาขวางข้างหน้าฉู่เฉินซี
“ออกไปจากตรงนี้” เสียงอันเยือกเย็นเเล้วหมดความอดทนของฉู่เฉินซี
เฉินเห้าหมิงมองฉู่เฉินซีอย่างเเปลกใจ ปกติเขาจะไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า แต่วันนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟง่ายขนาดนี้เลยหรอ
เมื่อมองอย่างละเอียดก็เห็นรอยฝ่ามือประทับอยู่บนใบหน้าพอดีก็เลยเข้าใจทุกอย่าง
“อ๋อ…โดนเเมวข่วน ถึงว่าละทำไมพี่ใหญ่โมโหเเต่เช้า” เขายืนพิงประตูเเล้วยิ้ม “หรือว่าให้ผมช่วยพี่ใหญ่ปราบเจ้าลูกเเมวนี้ดีล่ะ ?”
ฉู่เฉินซีกวาดสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธมองเขา “เฉินเห้าหมิง สิ่งของของฉัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ห้ามเเตะต้องเเม้เเต่นิดเดียว จำได้ไหม ? “
“ทำไมพี่ใหญ่ดูเหมือนว่าจะสนใจลูกแมวซุกซนตัวนั้นจังเลยล่ะ?” ใบหน้าของเฉินเห้าหมิงยิ้มเยาะ แต่ในสายตาดูเหมือนสอบสวน
ฉู่เฉินซีกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือด สีหน้ามัวหมองราวกับหิมะ
เหมือนว่าเฉินเห้าหมิงจะมองไม่เห็น มุมปากของเขายังยิ้มเช่นเดิม เเล้วพูดต่อว่า “พี่ใหญ่กับผู้หญิงน่ะแค่เล่นๆ ก็พอแล้ว ถ้าจริงจังจะมีแต่ผลเสียนะ”
“เจ้านาย…” หยิ่งกระซิบเตือนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ฉู่เฉินซีกวาดสายตาอันเยือกเย็นไปมองเขา เอ่ยปากพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ดูเหมือนว่านายจะรู้จักฉันดีมากสินะ?”
“คำพูดของพี่ใหญ่จะมากเกินไปแล้วนะ ผมเป็นแค่ลูกน้องจะกล้าเเอบมองความคิดของพี่ได้ยังไง” แม้ว่าเฉินเห้าหมิงจะพูดแบบนี้แต่ที่หน้าของเขายังคงกวนประสาทเช่นเดิม
ฉู่เฉินซีเเสดงสีหน้าเมินเฉย เดินผ่านตัวเฉินเห้าหมิงไป
เฉินเห้าหมิงดึงมุมปากขึ้น กวาดสายตาอย่างผ่านๆ ไปยังชั้นบน อยากขึ้นไปดูว่าลูกเเมวตัวนี้เป็นยังไงบ้างจัง เเต่ก็เห็นตำตาว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา