บทที่ 99 ทรมาณคน(1)
หลินเวยมี่เลิกคิ้วมองไปที่เขา มุมปากของเธอยิ้มอย่างแข็งแกร่ง “ฉันเกรงว่าคนที่ควรเป็นห่วงก็คือคุณเอง ? ถ้านี่ของคุณเสียเเล้วเป็นเรื่องทั้งชีวิตนะ ส่วนฉันก็จะแตกต่างกัน”
“ตราบใดที่ฉันอยากจะได้ ยังจะกลัวไม่มีอีกหรอ?”
ฉู่เฉินซีได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงทันที มือที่กดเอวของเธอแรงขึ้น แล้วพูดว่า “คุณกล้า !”
“ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ?” หลินเวยมี่ยิ้มอย่างไร้หัวใจ “อีกอย่างในอนาคตฉันจะต้องแต่งงานกับใครสักคน คุณก็จะยังมายุ่งกับฉันทั้งชีวิตอีกงั้นหรอ?”
“ผมจะคอยดูนะว่าผู้ชายคนไหนมันจะกล้ามาแต่งงานกับคุณ !” ใบหน้าของเขาดูหดหู่ จึงงับที่กระดูกไหปลาร้าของเธอเป็นการลงโทษ
หลินเวยมี่รู้สึกเจ็บจึงรีบผลักเขาออกทันที เท้าของเธอลื่น ทั้งตัวของเธอหงายหลังล้มลงไปกระเเทกพื้น ซึ่งนั่นทำให้เธอจนมุม
ฉู่เฉินซีมองไปที่เธอ แววตาของเขาเปล่งประกายความห่วงใยเล็กน้อย แต่ก็ถูกอำพรางไว้ในไม่ช้า มิหนำซ้ำเขายังไม่มีวี่แววว่าจะไปช่วยเธอลุกขึ้นมา
หลินเวยมี่รู้สึกเจ็บจนในนัยน์ตาของเธอราวกับมีละอองหมอกก่อตัวขึ้น
เธอได้เเต่นั่งอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ เธอขุ่นเคืองใจจึงไม่ลุกขึ้น
“ฉู่เฉินซี คุณนี่มันเลวระยำจริงๆ ทำไมคุณยังไปสนุกได้ เเต่ฉันไม่สามารถแต่งงานกับใครได้เลย ?” ดวงตาของเธอแดงก่ำพูดออกมาอย่างไม่ได้คิด
หลังจากพูดคำนั้นเธอก็อยากย้อนเวลากลับไป คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการโยนความผิดให้เขาเหมือนกับผู้หญิงขี้บ่น
ฉู่เฉินซีได้ฟังคำพูดของเธอ เเทนที่จะโกรธเเต่กลับยิ้มอ่อนๆ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความอภิรมย์
กอดเอวของเธออุ้มขึ้นทันใด และจิกเธออย่างไรความปรานี แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “อะไรที่เรียกว่าสนุก ? ผมไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”
“คุณเป็นอะไรเเล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เธอก้มหัวต่ำลงพวงแก้มแดงระเรื่อ
ฉู่เฉินซีใช้สองมือจับหน้าเธอแล้วมองเธออย่างสุดซึ้ง “ปากไม่ตรงกับใจคุณสนใจอย่างเห็นได้ชัดแล้วทำไมไม่ยอมรับ ?”
“ยอมรับอะไร คุณคิดไปเองเเล้ว “หลินเวยมี่เบือนใบหน้าของเธอไปทางอื่น ไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป เเต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอเต้นเเรงเหลือเกิน
เขายิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก แสงในดวงตานกฟีนิกซ์สะท้อนออกมาและฝ่ามืออันใหญ่ของเขาขยับไปที่สะโพกของเธอ
“เมื่อกี๊ที่คุณล้มเจ็บที่ไหนไหม?”
หลินเวยมี่สั่นระริกไปทั้งตัว ขมวดคิ้วเเละจ้องมองเขาเเล้วพูดว่า “อย่าเเตะต้องตัวฉัน !”
“สมองอันน้อยนิดของคุณคิดอะไรอยู่เนี่ย รีบบอกผมมาสิว่าเจ็บที่ไหนบ้าง” เขามองเธอด้วยความเคร่งเครียดแต่มือใหญ่ของเขานั้นจับไปทุกที่
“สารเลว ! คุณมันโคตรสารเลว !” เธอเปลี่ยนจนต้องกัดฟัน
แม้เเต่เต้าหู้ของเธอก็กินแบบเนียนๆ ไอ้สุนัขจิ้งจอก!
“ฉันไม่รู้สึกเจ็บสักที่” เธอรู้สึกว่ามือของเขาบีบตัวเธอเบาๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนพลางตะโกนตอบกลับไป
“ไม่เจ็บจริงหรอ ?” ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มที่เปล่งประกายและถามต่อว่า “งั้นเรามาทำสิ่งที่เราชอบกันไหม?”
“ฉู่ เฉิน ซี” เธอเรียกชื่อเขาด้วยใบหน้าที่เย็นชา “คุณช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยาก”……
“ไม่อยากอะไร” เขาถามรีบถามตามขึ้นกะทันหัน เขามองไปที่แก้มสีแดงเข้มของเธอ ในแววตาแสดงออกถึงความขี้เล่นอย่างแรงกล้า
“คุณคิดว่าอะไรล่ะ ?” หลินเวยมี่โกรธราวกับว่าควันออกที่จมูกและตา ความอดทนของเธอถูกเขาเสียดสีจนหมดสิ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขายกคิ้วขึ้นแล้วโน้มตัวไปข้างๆ เธออย่างไม่กระตือรือร้น “ผมจะรู้ได้ยังไงกันล่ะว่าคุณคิดอะไรอยู่ หรือว่าคุณอยากจะเอา ? งั้นผมก็จะจัดให้คุณอย่างสาสมใจเเบบสุดๆ “
“หยุด !” หลินเวยมี่มองเห็นฉู่เฉินซีจะกระโจนมา สีหน้าเธอเเข็งทื่อ อะไรที่เรียกว่าเธออยากจะเอา? นี่มันสุนัขจิ้งจอกของเเท้เลย
“ฉู่เฉินซี ฉันเหนื่อย ฉันง่วง อยากเอาก็ไปหาผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงคนนี้ไม่ยินดีรับใช้ !” เธอลากผ้าเช็ดตัวมา เเล้วหันหลังให้กับเขา
“……” เขาเอาตัวมาใกล้ๆ เเล้วใช้มือกอดเอวของเธอ เเล้วพูดว่า “คืนนี้ผมจะปล่อยเธอไปก่อน เเต่วันหลังถ้าผมได้ยินคำว่าคุณจะแต่งงานกับใครสักคนที่ไร้สาระแบบนี้ ผมก็จะทารุณคุณจนลงจากเตียงไม่ได้
ใบหน้าของหลินเวยมี่เเสดงออกถึงความเหนื่อยล้า ให้เขากอดตามสบาย ไม่ได้ขยับเขยื้อนเเม้เเต่น้อย เเต่รู้สึกว่าด้านหลังอ้อมกอดนั้นอบอุ่นราวกับกองไฟ มันช่างสบายเหลือเกิน
ในส่วนลึกของหัวใจกำลังรู้สึกสงบสุข
ในตอนเช้าก่อนรุ่งสาง เธอลืมตาขึ้นเเละได้ยินเสียงเเว่วๆ มาจากระเบียง
เธอขมวดคิ้วเเล้วเอื้อมมือไปยังจับที่ข้างๆ เเต่กลับว่างเปล่า
เขากำลังคุยโทรศัพท์กับคนอื่นอยู่หรือเปล่านะ?
หลินเวยมี่ฟุบคว่ำอย่างที่ขี้เกียจ เธอก็เป็นคนแบบนี้แหละ ถ้าเธอตื่นมายังไงก็นอนไม่หลับแล้ว เลยทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ อารมณ์ก็จะไม่ดี
ดังนั้นทั้งตัวก็จะรู้สึกหงุดหงิดอย่างชัดเจน เเละก็จะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
“เช้าขนาดนี้ ?” เสียงแหบแห้งส่งเข้ามา ฉู่เฉินซีใส่ชุดนอนสีน้ำเงินทึบ ถือโทรศัพท์ไปที่ข้างๆ เตียง แล้วเอื้อมมือไปสัมผัสพวงแก้มของเธอ
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว แววตาของเธอแสดงถึงการหมดความอดทน หันหน้าไปอีกด้านด้วยความโกรธและไม่คุยกับเขา
เธอหลับตาลง เธอได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากข้างหลัง พร้อมกับมุดเข้าไปในผ้าห่มทันที ฉู่เฉินซีเอื้อมมือลากเธอมาวางไว้บนตักของเขา
“นอนยังไม่ตื่นหรอ ? งั้นนอนต่ออีกสักพักนะ” เขาเอาแขนของเธอสอดเข้าไปในผ้าห่มพร้อมทั้งช่วยเก็บรายละเอียดผ้าห่มที่ยังปิดไม่มิด
หลินเวยมี่โยกย้ายตัวไปมา และเปลี่ยนเป็นท่าทีที่สบายมากขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อกี้ยังหงุดหงิดอยู่มาก แต่ตอนนี้ได้กลิ่นที่สดชื่นจากตัวของเขาก็ยิ่งจะรู้สึกง่วงมากไปกว่าเดิม จนตอนนี้เธอเพิ่งค้นพบความจริงว่า ฉู่เฉินซีมีความสามารถพิเศษนั่นคือ การสะกดจิต