บทที่ 97 ท้าทายความอดทนของผมงั้นหรอ(1)
ใบหน้าของหลินเวยมี่ตั้งตรงขึ้น สายตาของเธอแสดงถึงความรังเกียจขยะแขยง นึกถึงการกระทำที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับฉู่เฉินซี ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและฉู่เฉินซีเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่อยู่บนการซื้อขาย แต่เมื่อคิดถึงการที่ฉู่เฉินซีโดนผู้หญิงคนอื่นยั่วยวนใจ หัวใจของเธอก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“เวยมี่ คุณหวาดระแวงงั้นหรอ” นี่มันไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคบอกเล่าอย่างชัดเจน ฉู่เฉินซียิ้มที่มุมปากเหมือนกับเด็กที่แอบขโมยกินของหวานอย่างอภิรมย์
“เอามืออันแสนสุขปรกของคุณออกไป !” ทันใดนั้นเธอก็เหวี่ยงหน้าไปอีกทางหนึ่ง ในสายตาดวงนั้นแสดงออกถึงการเย้ยหยันและเหน็บแนม “ฉู่เฉินซี คุณคิดไปเองมากไปแล้วนะ ฉันจะระแวงเพื่อคนแบบคุณเนี่ยน่ะหรอ ? ”
เพียงเพราะแค่สองประโยคนี้ทำให้ใบหน้าของฉู่เฉินซีเย็นลงไปจนถึงจุดเยือกแข็ง มือสกปรกของเขา เธอรังเกียจเขางั้นหรอ ?
“คุณรังเกียจผมหรอ ?” เขาใช้กำลังบีบมือเธออย่างเหนียวเเน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์คลุมเครือ “อะไรหรอที่เรียกว่าคนแบบผม ? ผมมันเป็นยังไง ?”
“คุณมันสกปรก ! ไปลงนรกซะไป ! เเค่มองเห็นคุณฉันก็รู้สึกคลื่นไส้เเล้ว !” หลินเวยมี่พูดอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ ในแววตาของเธอดูราวกับว่ากำลังมองสิ่งที่สกปรกที่สุดในโลก
ในตอนแรกฉู่เฉินซีมีอารมณ์ที่มีความสุข แต่แล้วก็ต้องดิ่งลงไปยังหุบเขาทันที ใบหน้าค่อยๆ คล้ำและคล้ำมากยิ่งขึ้น มือที่กำลังบีบข้อมือของเธออยู่นั้นก็ค่อยๆ ใช้กำลังบีบเเน่นมากยิ่งขึ้น
ในอากาศที่เบาบาง สะสมความกดดันอันใหญ่หลวง หลินเวยมี่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอันเลวร้ายที่อยู่รอบๆ ตัวเธอค่อยๆ ขยายใหญ่และค่อยๆ เย็นยะเยือกมากขึ้น
เสียงนกเขาอันร่าเริงในบริเวณลานกว้างก็ค่อยๆ ลดน้อยลง ราวกับว่าสองคนนั้นกำลังอยู่ในโลกแห่งความเงียบ รู้สึกได้ถึงเพียงอารมณ์ของคนที่อยู่ตรงข้าม
“คุณรังเกียจที่ผมสกปรก งั้นคุณก็ช่วยผมซักให้สะอาดสิ เป็นไง”
เสียงของฉู่เฉินซีแหบทุ้มต่ำลง ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเริ่มหมดหนทางบ้างแล้ว หมอกที่บดบังในดวงตาก็ค่อยๆ สลายตัวไป แม้ว่าหลินเวยมี่จะมองเห็นแสงประกายอันอ่อนโยนในสายตาของเขาที่วูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เเสงประกายอันอ่อนโยน ? เมื่อหลินเวยมี่มองไปอีกครั้ง สายตาของเขายังคงคร่ำเคร่ง มองไม่เห็นแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าแสงประกายอันอ่อนโยนอีกเลย
หรือว่าเธอมองผิดไป ? ฉู่เฉินซีจะแสดงออกทางสีหน้าแบบนั้นให้เธอได้ยังไงกัน ?
ยังไงก็ตามเธอยังคิดว่าฉู่เฉินซีจะเคียดเเค้นโมโหร้ายใส่เธอ แต่ไม่เป็นดังคาด เขาไม่พ่ายแพ้ให้กับอารมณ์โมโหร้ายของตัวเอง แม้แต่คำพูดและความชั่วร้ายในตอนเริ่มต้นก็ได้เหือดหายไป
“ไม่สนหรอก” เธอพูดจบก็เดินไปข้างหน้าเหมือนเดิม เเต่ทันใดนั้นก็โดนเขาอุ้มขึ้น
“นี่ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนะ ! ตรงนี้มีคนเยอะขนาดนี้ ! มันน่าขายหน้ามากเลยนะ !” หลินเวยมี่ลุกลี้ลุกลนมองไปรอบๆ เป็นอย่างที่คิด คนที่อยู่รอบๆ กำลังมองมายังพวกเธออยู่
ฉู่เฉินซีกอดคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างเเนบเเน่น มุมปากของเขายิ้มแฉ่งขึ้นมาแล้วพูดว่า “ขืนเธอพูดขึ้นมาอีกสักหนึ่งคำ ฉันก็จะจูบเธอต่อหน้าคนพวกนี้”
ได้ยินคำนี้สีหน้าของหลินเวยมี่ก็ค้างชะงัก ร่างกายของเธออ่อนระทวยไปทั้งตัว ใบหน้าของเธอซบลงที่อกของฉู่เฉินซี เเทบไม่ขยับแม้แต่สักนิดเดียว
เขามองลงไปยังผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน สายตาของเขามองด้วยความเอ็นดูมองด้วยความเอ็นดู แต่สีหน้าท่าทางนี้กลับหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
อยู่บนรถธุรกิจคันสีดำ หลินเวยมี่พยายามกระเสือกกระสนออกจากตัวเขา แต่ว่าเอวนั้นถูกแขนของเขารัดไว้อย่างเหนียวแน่น จะขยับยังไงก็ไม่สามารถขยับออกไปได้
ทั้งร่างของเธอวางอยู่บนร่างของเขา เธอรีบใช้มือทั้งสองข้างโอบไปที่คอของเขา ลมหายใจของสองคนแนบชิดสนิทกัน จนเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นสเปรย์ดับกลิ่นปากกลิ่นมินต์
แก้มของเธอร้อนขึ้นโดยอัตโนมัติ เสียงอ้อนวอนของเธอดังขึ้นมาอีกครั้ง “คุณวางฉันลงเถอะนะ ฉันจะไปนั่งที่นั่งข้างๆ อยู่แบบนี้มันรู้สึกอึดอัดมากเลย”
“ผมชอบแบบนี้” เขาพูดพร้อมทั้งยิ้มที่มุมปาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขสำราญใจ
ใบหน้าของหลินเวยมี่เเข็งทื่ออีกครั้ง เขาชอบเเบบนี้? เเต่เธอไม่ได้ชอบเเบบนี้ ! มันอึดอัดมาก ! ความรู้สึกไม่อิสระค่อยๆ เพิ่มขึ้น และอยากจะเปลี่ยนท่าทางที่มันดีกว่านี้ แต่ก็พบว่ามันยังคงรู้สึกไม่สบายก็เลยขยับอีกครั้ง
ทันใดนั้นเธอก็สึกได้ว่ามีของบางอย่างที่เเข็งๆ มาจิ้มที่ร่างกายส่วนล่างของเธอ สีหน้าของเธอแข็งทื่อ และเงยหน้าไปสบตากับเขา
“ท้าทายความอดทนของผมงั้นหรอ ? ระวังผมจะกินคุณในงับเดียว” ลมหายใจอันเร่าร้อนของเขากระทบไปยังหูของเธอ และในตอนสุดท้ายเขาก็เลียที่สันหูของเธอโดยไม่คาดคิด
หลินเวยมี่เหมือนกับโดนฟ้าผ่า ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวอีกครั้ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำและร้อนผ่าวขึ้น มือที่โอบอยู่บนเอวของเธอค่อยๆ เลื่อนลงไปอย่างช้าๆ
เธอเพิ่งคิดได้ว่าจะตีมือของเขาออก แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าระหว่างกางเกงส่วนล่างของเขากำลังจิ้มตามการเคลื่อนไหวของเธอ เเละทำเเบบนั้นอยู่ซ้ำๆ
ใบหน้าสีแดงของเธอระเบิดขึ้น ตานี่ตั้งใจทำอย่างเห็นได้ชัด การเคลื่อนไหวของเขาแบบนี้ ทำให้เธอแทบจะไม่กล้าขยับเขยื้อนอย่างไม่ต้องสงสัย
ระหว่างการเสียดสีของเสื้อผ้าของเธอ ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกและร่างกายของเธอก็สั่นระรัว
“ฉู่เฉินซี” ขมวดคิ้วลดเสียงต่ำลงแล้วเรียกชื่อ เสียงเต็มไปด้วยการขู่เข็ญ