บทที่ 104 เสี่ยวชี ตามผมมา(2)
ใบหน้าแดงของหลินเว้ยมีซีดเผือดทันที อัปลักษณ์จนถึงที่สุด เเละโจ่วชิงช๋วนที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นฉับพลัน “พ่อ ผมไม่อนุญาตให้พ่อพูดกับเธอแบบนี้ !”
“อะไรกัน ? แกยังจะเข้าข้างมันหรอ ?”
“อย่าพูดกับเธอแบบนั้น !”
บรรยากาศในตอนนั้นหนักขึ้น โจ่วลี่เฉียงยืนขึ้นอย่างดุเดือด ง้างฝ่ามือขึ้นตบเขา หลินเวยมี่ยืนขึ้นพร้อมกับเข้าไปขวางหน้าโจ่วชิงช๋วน มองด้วยความเยือกเย็น “คุณอาเฉียง ฉันเคารพคุณเลยเรียกว่าคุณว่า อาเฉียง แต่ช่วยจำไว้ด้วยว่าการกระทำของคุณไม่คู่ควรที่จะได้รับการเคารพเลยสักนิดเดียว”
“แกพูดว่าไงนะ ? เเกเป็นแบบนี้ยังอยากให้ชิงช๋วนเเต่งงานกับเเกอยู่อีกหรอ ? ไร้การศึกษาจริงๆ ! “ โจ่วซินลุกขึ้นพูดด้วยความโกรธเเค้นราวกับเทน้ำมันลงในกองเพลิง
“มานี่ ! ลากหล่อนออกไปจากตรงนี้ ! เเล้วมัดไอ้ลูกสารเลวนี่ไว้ !” โจ่วลี่เฉียงเเผดเสียงสั่งด้วยความเดือดพล่าน บอดี้การ์ดสองสามคนรีบวิ่งเขามาคุมตัวโจ่วชิงช๋วนขึ้นไปชั้นบนในทันที
“อย่าเเตะต้องเธอ ! เวยมี่…”
“ฉันไม่เป็นไร” หลินเวยมี่มองเขาอย่างแน่วแน่ แล้วเดินออกจากประตูไปพร้อมกับบอดี้การ์ดที่ดูเธออยู่ข้างๆ
ก่อนจะออกไปเธอมองไปที่กู้จุนเฟิง ดวงตาของเขาลึกสงบลงไปราวกับทะเลสาบ แต่ยังคงไม่สามารถเก็บซ่อนความกังวลไว้ได้ เธอเม้มปากใส่เขาและเดินตรงไปที่ประตูอย่างเชื่องช้า
หลินเวยมี่ถูกขับไล่ออกไป กู้จุนเฟิงรีบลุกขึ้นจากโซฟาเเล้ววิ่งไปที่ประตู
“จุนเฟิง นี่คุณกำลังจะไปทำอะไร ?” โจ่วซินคว้าเสื้อของเขาไว้และถามขึ้นอย่างร้อนใจ
กู้จุนเฟิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เเล้วพูดอย่างไม่เเยเเสว่า “ปล่อย !”
“ผมบอกว่าให้ปล่อย !”
“จุนเฟิง…”
กู้จุนเฟิงผลักเธอออก เเล้วรีบสาวเท้าออกไป ทิ้งโจ่วซินไว้บนโซฟา สีหน้าของโจ่วซินเต็มไปด้วยร่องรอยของขี้เถ้าในเตา เขาทำกับเธอเเบบนี้ได้ยังไง ?
เพื่อหลินเวยมี่เขาสามารถทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้
“กู้จุนเฟิง ! ถ้าคุณไป เราหย่ากัน! เเล้วฉันก็จะทำลายชื่อเสียงของคุณด้วย !” โจ่วซินแผดเสียงพูด
เสียงฝีเท้าของกู้จุนเฟิงหยุดลง ค่อยๆ หันกลับไปมองผู้หญิงที่ร้องไห้อย่างเยือกเย็นราว กระตุกมุมปากพูดขึ้นด้วยความเหยียดหยาม “โจ่วซิน อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าใครเป็นคนทำข่าวในหนังสือพิมพ์นั่น”
คำพูดนี้ ทำให้โจ่วซินหายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนมีก้อนบางอย่างติดอยู่ในลำคอ ได้เเต่มองกู้จุนเฟิงเดินออกไปไม่หันหลังกลับอย่างหมดปัญญา
เธอหายใจเข้าลึกๆ สัญญาณความกลัวเริ่มเกิดขึ้น เเท้จริงเเล้ว เขารู้เเล้วงั้นหรอว่าเธอเป็นคนทำ ?
หลินเวยมี่เดินกระโผลกกระเผลกอย่างไร้จุดหมายบนถนนอันเเสนยาวสุดลูกหูลูกตา
“เสี่ยวชี”
เสียงกระซิบทำให้เธอหยุดลง เธอหันกลับและมองไปที่ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ มุมปากของเธอยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดใด แต่กลับดึงเธอเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า “เสี่ยวชี ทำไมคุณถึงได้โง่เเบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมาน้อยใจเพราะผมเลย”
“ฉันไม่ได้น้อยใจ ” หลินเวยมี่โต้กลับ เเต่ตายังคงเเดงเพราะคำพูดของเขา
เธอวางหัวพิงไปที่หน้าอกของเขา กลิ่นเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มุมปากถูกยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว อยากจะให้เขากอดอยู่เเบบนี้ตลอดไปเสียจริงๆ
“เสี่ยวชี ตามผมมา” เขากระซิบข้างหูของเธอ ปลดปล่อยความกังวลเเละความกดดันทั้งหมดทิ้งไป มีเพียงเเค่พวกเขาสองคนเท่านั้น เเละลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน
หลินเวยมี่พยักหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กู้จุนเฟิงได้ใช้ความมุ่งมั่นเข้าหาเธอ
ในคฤหาสน์หรูเต็มไปด้วยความเงียบ อากาศอันเยือกเย็นหนาทึบ คนใช้และผู้คุมที่ยืนอยู่รอบๆ หายใจไม่ออกราวกับถูกแขวนคอ
“เจ้านายครับ คุณหลินน่าจะกระโดดลงจากห้องพักบนชั้นสองครับ” หยิ่งยืนพูดอยู่ข้างๆ
ดวงตาของฉู่เฉินซีหรี่ลง กลิ่นไวน์แผ่ออกมาทั้งตัว ความโกรธที่ปรากฏในตัวทำให้คนไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ฉู่เฉินซีโกรธมากขนาดนี้ แต่ในเวลานี้คนๆ นั้นได้หายไปเเล้ว
“ลากมันออกไป” ถ้อยคำอันเย็นชาทำให้ผู้คนทั้งหมดที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นรู้สึกหวาดกลัวตัวตายขึ้นทันใด ทุกคนคุกเข่าร้องขอชีวิต
ฉู่เฉินซีกวาดสายตาจ้องไปที่พวกเขาอย่างไม่แยแส ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เจ้านายครับ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราคือหาคุณหลินให้พบอย่างเร็วที่สุด” หยิ่งก้าวไปข้างหน้า เเละเหลี้ยกล่อม
เเววของฉู่เฉินซีเปล่งประกายความเย้ยหยัน “หล่อนอยากจะหนี จับมาแล้วจะทำไงได้ ?”
เเต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะไม่ห่วงชีวิตตัวเอง เธอกระโดดลงชั้นสองอย่างเด็ดเดี่ยว เธออยากจะหนีเขาไปมากขนาดไหน ?
เขาเริ่มหัวเราะเย้ยหยันตัวเองเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนอย่างเอ้ๆ เเอ่นๆ เนื่องจากดื่มเหล้ามากเกินไปจนเดินเซซัดไปมา
เเต่สมองของเขายังคงรู้เรื่องอย่างชัดเจน ตอนนี้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้หนีไปจริงๆ ห่างเขาไปจริงเสียเเล้ว หนีเขาไปแบบกะทันหัน
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาล้มเหลวจริงๆ เขาจ่ายทุกบาททุกสตางค์เพื่อเข้าหาเธอ เพื่อใกล้ชิดกับเธอ ทำอะไรบางอย่างให้เธอ ซึ่งเขาไม่เคยกังวลที่จะทำเพื่อเธอ แต่ผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม
เธอยังคงไม่รู้สึกอะไรกับเขา เธอยังอยากจะหนีไปแม้ว่ามันจะเสี่ยงกับชีวิตของเธอเองก็ตาม
เขาเตะประตูเเล้วเดินเข้าไปในห้อง
ห้องนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นของผู้หญิงตัวเล็กๆ เขายืมแสงพระจันทร์ในความมืดและนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่
ทันใดนั้นมือก็ไปสัมผัสโดนของบางอย่าง เขารีบลุกขึ้นนั่งทันที สายตาราวกับเสือชีตาห์จ้องมองไปที่หนังสือพิมพ์ถัดจากมือของเขา รอยยิ้มอันกระหายเลือดปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เเละภายใต้เเสงจันทร์ซึมเข้ามาทำให้รู้สึกน่าหวาดกลัว
“หยิ่ง ส่งคนไปเอาหล่อนกลับมาให้ฉัน !”
มุมปากอันเยาะเย้ยของเขาเริ่มลึกเเละลึกลงไป มันกลับกลายเป็นว่าเธอหนีไปเพราะเรื่องของกู้จุนเฟิง โดยไม่เกรงกลัวเเม้เเต่อันตราย
เขาปล่อยให้เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของชายอีกคนได้ยังไง? เธอจะหนีไปไม่ได้ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากเขา