บทที่105 นอนด้วยกัน(1)
เมืองชายทะเล พระอาทิตย์ยามสนธยาตกทอดยาวส่องสองร่างบนชายทะเล พวกเขาทั้งสองจับมือกันและกันอย่างแนบเเน่นๆ เหมือนคู่รักคู่หนึ่ง
สีหน้าของหลินเวยมี่แสดงออกอย่างผิดธรรมชาติ ก้าวทีละก้าวตามหลังตัวของเขา ฝ่ามือของทั้งสองชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่นี่ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนปล่อยมือของอีกฝ่าย
ความสุขอันลึกซึ้งนี้ซัดสาดข้าหาหลินเวยมี่ มุมปากยกขึ้น รูปภาพแบบนี้ช่างหาได้ยากเหลือเกิน เธอไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการว่าจะมีโอกาสได้เดินคู่กับกู้จุนเฟิงริมชายทะเล
“คุณยิ้มเยาะอะไรอยู่หรอ ?” กู้จุนเฟิงมองย้อนกลับไปเห็นหลินเวยมี่เหมือนกำลังยิ้มเยาะดูเหมือนมีความสุขมาก
“ฉันไม่มีสักหน่อย” หลินเวยมี่รีบปิดปากทันที ดวงตาโตของเธอกระพริบและมองไปยังกู้จุนเฟิง แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถกลบเกลื่อนรอยยิ้มในสายคู่นั้นได้
“ไม่มีจริงหรอ ?”เขาเม้มปากแล้วพูดว่า “ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้โกหกนะ”
หลินเวยมี่ยู่ปากเล็กๆ ของเธอ แล้วมองเขาด้วยใบหน้าอันน้อยเนื้อต่ำใจ “หรือว่าฉันยิ้มไม่ได้ล่ะ?”
กูจุนเฟิงดึงมือของเธอ และใช้กำลังเพียงน้อยนิดลากเธอไปยังหน้าอกของเขา ใช้หัวดุนเธอ จ้องมองสายตาของเธอแล้วเปิดปากพูดว่า “ผมชอบมองคุณยิ้ม สวยมากเลยนะ”
หัวใจของหลินเว้ยมีเต้นขึ้นแบบไม่สามารถควบคุมได้ คนสองคนจ้องมองกันและกัน มองดูตัวตนที่ไม่สงบในสายตาของอีกฝ่ายและบรรยากาศค่อยๆคลุมเครือ
“ มีอะไรที่คุณชอบฉันอีกไหม?” เธอถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อและเสียงเบาราวกับยุง เธอกำมีเเน่นเเสดงออกถึงความตื่นเต้น
“ผมชอบคุณทุกที่นะ” เขาก้มหน้าช้าๆ ลงไปที่ปลายจมูก แก้ม และในที่สุดก็ถึงริมฝีปาก
ช่างละเอียดลออเหลือเกิน เริ่มเข้าสู่ห้วงภวังค์ เเต่ไม่ได้ถลำลึกลงไป เพียงเเค่ถูอย่างนุ่มนวลบนริมฝีปากของเธอ
เพียงเท่านี้หลินเวยมี่ก็กลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวราวกับเอากวางเข้าไปเต้นลิงโลดในหัวใจของเธอ
เขาปล่อยเธอไปครู่หนึ่ง แต่แขนของเขายังคงอยู่บนไหล่ของเธอและไม่มีท่าทีที่จะวางมันลง เเละจ้องมองเธอเพียงเท่านี้
หลินเวยมี่สังเกตได้ว่าสายตาเศร้าสร้อยของกู้จุนเฟิงหายไปจนหมดสิ้น เเทนที่ด้วยการแสดงออกที่ผ่อนคลาย ดูราวกับว่าคนทั้งคนไม่ได้หดหู่ขนาดนั้น
ดูผ่อนคลายและร่าเริงมากขึ้น
“คุณหาที่นี่ได้ยังไง?” หลินเวยมี่มองไปรอบๆ อย่างประหม่าและถามขึ้น
สายตาของกู้จุนเฟิงกระชับลง แววตามองไปยังเมืองเล็กๆ อย่างสงบ สักพักก็เอ่ยปากขึ้นว่า “เพราะผมอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว”
เธอหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย ดูเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมกู้จุนเฟิงถึงอยู่ที่นี่ถึงห้าปี
“ไม่พูดถึงละ หิวไหม ? ผมรู้ว่ามีหนึ่งที่ที่กุ้งเผ็ดอร่อยมาก”
ทันใดนั้นความคิดของหลินเวยมี่ก็เหลือแค่กุ้งเผ็ด และเธอก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “อื้อ ฉันชอบกินกุ้งเผ็ด”
เขาจับมือของหลินเวยมี่เดินไปข้างหน้า เดินไปได้นิดเดียวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเเปลกไป เธอเดินช้าลงไปเรื่อยๆ จึงหันกลับไปมองอย่างประหลาดใจ มองเห็นใบหน้าอันชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ ทำให้เขาตะลึงงันขึ้นทันที
“คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
หลินเวยมี่โบกมือโดยไม่คิดเพราะไม่อยากให้กู้จุนเฟิงรู้อาการบาดเจ็บของเธอ
เขาขมวดคิ้วเอื้อมมือไปวางบนหน้าผากของเธอแต่ไม่ร้อน
“ไม่สบายตรงไหน พูดมา”เขาถามด้วยความเป็นห่วง
หลินเวยมี่ทำปากยู่เเล้วเอาเท้าที่เจ็บปวดยื่นออกมา “เเค่บังเอิญพลิกนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
กู้จุนเฟิงนั่งคุกเขาอยู่ข้างหน้าเธอพร้อมทั้งม้วนขากางเกงของเธอขึ้น มองเห็นข้อเท้าบวมเเดงอย่างชัดเจน
เขาไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ ว่าที่เด็กผู้หญิงที่กลัวความเจ็บปวดมาก่อน จะตามเขามาที่นี่ด้วยความเจ็บปวดอันเเสนสาหัส มิหนำซ้ำยังเดินบนชายหาดเป็นเวลานานอีกด้วย
เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หัวใจของเขาราวกับถูกทับไว้ด้วยหินก้อนใหญ่จนอึดอัด
ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น รีบอุ้มเธอขึ้นและเดินไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกล
“คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กหรอ ? ข้อเท้าพลิกขนาดนี้ทำไมไม่พูดสักคำ ?