บทที่109 ปีศาจร้ายสะกดรอยตาม(1)
สมองของหลินเวยมี่ระเบิดออก ความคิดทั้งหมดเเตกกระจายออกมา เเต่สิ่งที่มากที่สุดคือความหวาดกลัว ฉู่เฉินซีมาหาถึงที่นี่ได้ยังไง ?
มีของเธอสั่นระริก เขาเป็นคนที่มีอิทธิพล ถ้าเขาจับเธอได้ไม่รู้ว่าเขาจะทรมานเธอยังไงบ้าง
สำหรับเขา เรื่องที่อัปยศอดสูก็คือการถูกหักหลัง ใช่ไหม?
เสียงฝีเท้านอกประตูส่งผ่านเข้ามา กู้จุนเฟิงมองเห็นคนที่อยู่ในห้องก็เกิดสีหน้าเเปลกใจอยู่สักพัก ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเพิกเฉย
“ฉันนึกไม่ถึงว่า เเค่วันเดียวนายก็ตามมาเจอ” กู้จุนเฟิงเปิดปากยิ้มอ่อน ราวกับเดาออกว่าฉู่เฉินซีจะตามมา
ทันใดนั้น มีบางสิ่งที่เย็นจ่ออยู่ที่เอว เขาหันหน้ากลับ สัมผัสได้ถึงเเววตาอันเย็นยะเยือกของหยิ่ง ริมฝีปากยิ้มอ่อน ปล่อยให้หยิ่งผลักเขาเข้าไปในห้องตามอำเภอใจ
ฉู่เฉินซีหรี่ตาไม่เอ่ยสักคำ สูบบุหรี่หนึ่งมวน มองผู้เขาอย่างไม่เเยเเส ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับว่าจะลงโทษพวกเขายังไง
หลินเวยมี่สัมผัสได้ว่ามีปืนอยู่ที่มือของหยิ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนเเปลงทันที ทั้งตัวคนลุกลี้ลุกลนขึ้นมา
ไม่มีเรื่องบ้าคลั่งขนาดไหนที่ฉู่เฉินซีทำไม่ได้ หรือว่าเขาอยากฆ่ากู้จุนเฟิงหรอ ? หัวใจสั่นเครือราวกับถูกปีศาจจ้องมอง ทั้งตัวเกิดความหวาดกลัวตามมา
“ฉู่เฉินซี คุณจะทำอะไร ?”
ฉู่เฉินซีได้ยินคำพูดของหลินเวยมี่ มุมปากยกขึ้น เเล้วหยิบปืน หนึ่งกระบอกจากเอวขึ้นมา จากนั้นตบลงไปที่โต้ะดังปัง!
“จะทำเองหรือให้ผมลงมือทำมันล่ะ ? “ เสียงอันหนาวเย็นถึงกระดูกดำเปล่งออกมา ทั้งตัวมีกลิ่นเเห่งความป่าเถื่อนถูกแผ่กระจายออก
หลินเวยมี่สูดหายใจด้วยความหวาดเสียว เเท้จริงเเล้วเขาต้องการให้พวกเธอตายไปทั้งคู่
“คุณอยากให้พวกฉันตายไปใช่ไหม ?” หลินเวยมี่สูดหายใจเเละพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ตาย คำนี้สำหรับหลินเวยมี่ช่างห่างไกลเหลือเกิน เมื่อก่อนไม่เคยเเม้เเต่จะคิด เเต่ตอนนี้กลับต้องเผชิญหน้า เธอรู้สึกหวาดกลัวเสียจริง
เเท้จริงเเล้วเธอก็กลัวตายเหมือนกัน
เเต่มีเเต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเริ่มตั้งเเต่อยู่กับฉู่เฉินซีไม่มีวันไหนที่ภายในใจไม่หวาดระเเวง เขาเป็นคนบ้าคลั่ง การฆ่าคนสำหรับเขาเป็นเรื่องน้อยนิด
เเต่เธอเกลียดความรู้สึกเเบบนี้ เกลียดเขาที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของคนอื่น ไม่ให้โอกาสคนอื่นสักนิดเดียว สนใจเเต่อารมณ์ของตัวเอง ดีใจก็เอาน้ำตาลให้กินหนึ่งก้อน เเต่พอไม่สบอารมณ์ก็จะทรมาณทุกอย่างรวมไปถึงความตาย
เขาไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตของคนอื่น !
“25 ชั่วโมง 40 นาที” ฉู่เฉินซีเงยหน้าอันไร้อารมณ์ขึ้นมองไปยังหลินเวยมี่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
หัวใจของหลินเวยมี่กระตุกนิดหน่อย เธอไม่กล้าจ้องมองตาของเขาในทันที อาจเป็นเพราะตาของเขาถมึงทึงเกินไป เเค่นั้นเธอก็รู้สึกกลัวเเล้ว
“เจ้านายตามหาคุณหลินนานมาก น้ำก็ไม่ได้ดื่มสักอึก ข้าวก็ไม่ได้ทานสักคำ” หยิ่งอธิบาย
หัวใจของเธอรู้สึกราวกับถูกบางอย่างเฆี่ยนตีอย่างเจ็บปวด
“เฉิน…” เธอออกเสียงเเผ่วเบา ในเเววตาเต็มไปด้วยความดิ้นรนต่อสู้
ฉู่เฉินซีเงยหน้ามองผู้หญิงร่างเล็กที่อยู่ตรงข้าม ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือปรากฏความขาวซีดออกมา ดวงตาโตสีขาวเเละสีดำเเบ่งกันชัดเจน เเววเต็มไปความกระเสือกกระสน รูปร่างปรากฏความอ่อนเเออย่างเหลือล้น
อ่อนเเอ ตอนเเรกเขาก็คิดว่าเธออ่อนเเอมาก ดังนั้นอยากที่จะปกป้องเธอ ดูเเลรักษาเธอ
เเต่เธออ่อนเเอเเค่เปลือกนอกที่เห็นงั้นหรอ ? เธอเเข็งเหมือนเหล็ก ทำร้ายเขาด้วยสิ่งที่เขาดูเเละรักษาเธอซ้ำเเล้วซ้ำเล่า
จริงๆ เเล้วในครั้งนี้คือครั้งเเรกที่เธอเรียกเขาว่า “เฉิน” เเต่ในใจของเขาไม่รู้สึกดีใจสักนิดเดียว อาจเป็นเพราะเขามองความคิดต่อไปของเธอออก ดังนั้นเสียงอันเเผ่วเบานี้รู้สึกตลกสิ้นดี
“เฉิน พวกเรากลับบ้านกันดีไหม? คุณปล่อยเสี่ยวจื๋อไปก่อน” หลินเวยมี่เห็นเขาไม่พูดจึงเอ่ยปากพูดต่อไป
บ้าน…คำนี้อีกเเล้ว หลินเวยมี่คุ้นเคยเเละรู้ทันจุดอ่อนของเขา รู้ว่าเขาไม่มีเกราะป้องกันกับคำพวกนี้ ดังนั้นจึงตั้งใจพูดว่ากลับบ้าน
รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขั้นบนใบหน้าของเขา เเต่ปรากฏความเศร้าโศกออกมาเล็กน้อย
การที่เธอเเสดงความอ่อนเเอใส่เขาทั้งหมด เหมือนเป็นสะพานในการปกป้องกู้จุนเฟิง
เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไร ? คนโง่งั้นหรอ ? ทำไมหลอกลวงเขาซ้ำเเล้วซ้ำเล่าขนาดนี้ ?
“หลินเวยมี่” เสียงเเหบเเละสุขุมดังขึ้น เขาใช้เเววตามองไปที่ตัวเธออย่างไร้อารมณ์ “เล่นกับเสี่ยวจื๋อของคุณสนุกไหม ?”
หน้าของหลินเวยมี่เเข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เหลือบตามองไปยังฝั่งกู้จุนเฟิง ใบหน้าของเขาเเสดงออกถึงความว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น
เเต่เธอไม่รู้ว่าความหมายของฉู่เฉินซีคืออะไร หรือว่าตั้งใจควบคุมความโกรธให้กำเริบพร้อมกันทีเดียวหรอ ?
ยังไงก็เถอะ เธอก็ต้องช่วยเสี่ยวจื๋อออกไปให้ได้
คิดเเบบนี้ สีหน้าเเสดงออกถึงความฮึดสู้ เเล้วเดินไปที่ฉู่เฉินซีอย่างช้าๆ
เมื่อเดินไปถึงข้างๆ ตัวเขา ก็ถูกเขาดึงไปไว้ที่หน้าอก