บทที่ 111 เกลียดคุณคือสิ่งที่ดีสำหรับคุณ
ห้องเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียง หลินเวยมี่ลืมตาของเธอขึ้นอย่างสะลึมสะลือ โคมไฟที่ติดอยู่กับผาผนังเปล่งเเสงสลัวออกมาซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูเงียบสงบอย่างมาก
อากาศเย็นยามเช้าเข้ามากระทบกับตัวเธอ ทำให้เธอสั่นระรัว เธอรู้สึกหนาวไปทั้งตัวจนถึงกระดูกดำเเละนั่งอย่างงงงวย
เธอเพ่งมองไปที่ระเบียงโดยอัตโนมัติ สายตาไปชนเข้ากับร่างนั้นโดยไม่รู้ตัว
เขายืนพิงอยู่ข้างๆหน้าต่างที่ติดกับพื้นจรดเพดาน และมองไปที่ท้องฟ้าข้างนอกอย่างเงียบๆ คนทั้งคนดูเหมือนดั่งรูปปั้น
เเววตาของหลินเวยมี่แคบลง เรื่องของเมื่อวานก็พุ่งทะลักออกมาทั้งหมด เมื่อวานเธอก็ยิงปืนไปแล้วแต่ทำไมเธอยังไม่ตายล่ะ?
“ฉู่เฉินซี…”เสียงอันเเหบแห้งมาพร้อมกับความสงสัย
ร่างสูงของฉู่เฉินซีขยับและหันไปมองเธออย่างช้าๆ
ในแววตาของเขาเย็นชามาก ราวกับว่ามองคนแปลกหน้า ห่างเหินเเละไม่คุ้นเคย ราวกับเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
หลินเวยมี่กัดฟันของเธอแน่น และภายใต้การมองอย่างเย็นชาของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าไร้ซึ่งหนทางหนีออกไป อยากจะหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่ได้ ถูกแววตาอันเย็นชาของเขาล็อคไว้สามารถขยับได้
เขาถูกซ่อนอยู่ในความมืดมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน มองเห็นได้แค่เพียงขอบและมุมของเค้าโครงหน้า เเต่ที่เห็นชัดเจนชัดคือสายตาที่เย็นชาจ้องมองตรงมาที่เธอ
ดูเหมือนกับถูกงูพิษและสัตว์เดรัจฉานที่ดุร้ายจ้องมองเธออยู่ ไร้ซึ่งหนทางหนี
ภายในใจของหลินเวยมี่วุ่นวายสับสน อยากรู้จริงๆ ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ตาย งั้นกู้จุนเฟิงล่ะ? เขาจะเป็นยังไงบ้าง?
ในใจของเธอกระสับกระส่าย เเต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามประโยคนี้ เขารู้สึกได้ถึงความโกรธเเค้นของฉู่เฉินซีอย่างชัดเจน
อากาศเย็นขึ้นมาอีกครั้ง เธอหดตัวสั่นเเล้วเอาผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ เข้ามาห่อตัวไว้ ใบหน้ายังคงซีดขาวราวกับหิมะเช่นเดิม เธอยืมเเสงอ่อนๆ มองฉู่เฉินซีสวมใส่เเค่เพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ
และเขายังคงยืนอยู่ที่ระเบียงเช่นนี้ เขาจะไม่หนาวไปกว่าเธออีกหรอ?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และในที่สุดเขาก็เดินจากไป
“ฉู่เฉินซี…”เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงต่ำ ในตอนนี้เขาทำให้เธอกลัวมาก เขาเป็นสัตว์ร้ายเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่รู้ว่าจะปะทุออกมาตอนไหน
แววตาของฉู่เฉินซีขยายออกเล็กน้อย ก้มหน้ามองไปที่ใบหน้าของเธออย่างขี้ขลาด มุมปากยิ้มเย่อหยิ่งขึ้น ฉุดลากแขนของเธอแล้วฟาดลงไปที่มุมห้อง ทั้งตัวทับเธอไว้และจ้องมองเธออย่างเยือกเย็น
ใบหน้าเล็กซีดเผือดของเธอทำให้ดูน่าสงสารเจ็บปวดทรมาน
แต่ตอนนี้สำหรับเขา ใจของเขาเจ็บจนชินชาไปแล้ว จึงทำให้เขาปราศจากเกราะป้องกันต่อเธอ
การที่เขายอมตามใจเธอโปรดปรานเธอกลับกลายมาเป็นอาวุธที่เธอใช้โต้ตอบเขา เลยทำให้ถูกเธอทรมานและควบคุมอย่างง่ายดาย
พระเจ้ารู้ว่าตอนที่เธอยิงปืนจริงๆ หัวใจของเขาจะเเตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดขนาดนั้น เจ็บจนหัวใจฉีกขาด ปอดแตกละเอียด
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผู้ชายคนอื่นแล้วความเป็นห่วงและความกลัวของเขาทั้งหมดก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นความอาฆาตแค้น
“คุณเป็นยังไงบ้าง ?” หลินเวยมี่ขมวดคิ้วพลางยื่นมือไปวางบนหน้าผากเขา หน้าผากที่ร้อนมาก
“คุณเป็นไข้หรอ ?”
ฉู่เฉินซีเก็บซ่อนสีหน้าท่าทางและการกระทำของเขาทั้งหมดไว้ในสายตา มุมปากยิ้มเหยียดหยามมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่ามาเสเเสร้งเป็นห่วงผมเเบบไม่จริงใจ” มือใหญ่ของเขาสัมผัสไปที่แก้มเธอ แววตาโกรธเคือง “ใช้วิธีแบบนี้ทรมานผมคุณรู้สึกดีใจ มีความสุข สบายใจมากเลยใช่ไหม?”
หลินเวยมี่ฟังคำพูดของเขาแล้วขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เรื่องเมื่อวานทำให้เธอกลัวจริงๆ เธอไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น แต่ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป คิดว่าตายแล้วก็จะหลุดพ้น
เเต่ตอนนี้คิดเเล้วอยากย้อนเวลากลับไป ชีวิตของเธอยังคงอีกยาวไกล ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ เธอจะยอมสละให้ตายได้ยังไง?
“หลินเวยมี่ คุณจำไว้เลยนะ หลังจากนี้ผมจะไม่ให้คุณทำร้ายผมสักนิดเดียว!” เสียงเย็นชาต่ำลงมา เรากับความกดดันที่ไร้รูปร่างทับอยู่บนตัวเธอ
“ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณ” หลินเวยมี่พ่นเสียงเยือกเย็นออกมา นัยน์ตาใสเเจ๋วอย่างมาก “ฉันอยากจะตายมันก็เรื่องของฉันสำหรับคุณมันก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่ตายแล้วเท่านั้นแหละ เสียใจแค่แป๊บเดียว เเล้วคุณจะมาทำแบบนี้ทำไม?”
แววตาของฉู่เฉินซีแคบลง เม้มริมฝีปากอย่างเหนียวแน่น เส้นโครงร่างอันงดงามเต็มไปด้วยความแน่วแน่และมุ่งมั่น และถ้อยคำของเขาราวกับชกลงไปที่บาดเเผลอย่างรุนแรง
“คุณคิดเเบบนี้หรอ?” เขายิ้มเยาะเย้ยขยำดึงผมของเธอ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้น
“ไม่งั้นจะอะไรล่ะ? อย่ามาบอกฉันว่าคุณรักฉันเลย เพราะนั่นจะทำให้ฉันรู้สึกตลกสิ้นดี” หลินเวยมี่เบิกตาโต เเววตาเต็มไปด้วยความเฉยชา หัวเราะเยาะเย้ยเเละถากถาง
เหมือนกับว่าถ้าเขารักเธอจริงๆ มันตลกสิ้นดี
ฉู่เฉินซีรู้สึกลังเล ถ้ายอมรับไปจริงๆ ต่อหน้าหลินเวยมี่มันจะไร้ศักดิ์ศรีมากทีเดียว
“รักคุณ ? ฝันไปเถอะ ! คุณเป็นเเค่ของเล่นผมเเค่นั้นล่ะ”
คำพูดที่ร้ายเเรงเหมือนจะพูดใส่เธอเเต่ก็เหมือนจะพูดใส่ตัวเอง
หลินเวยมี่เม้มปาก ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อได้ยินเขาปฏิเสธ หัวใจของเธอรู้สึกเสียใจขึ้นในพริบตา
“ในเมื่อไม่รักก็ปล่อยฉันไป ฉันพอแล้วกับคุณแบบคุณ”
“พอเเล้วหรอ? คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดว่าไป” ฉู่เฉินซีใช้กำลังในมือสองคู่ยกเธอขึ้นมาอีกครั้ง มองเห็นใบหน้าเล็กอันซีดขาวของเธอ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าอีกครั้ง
“คุณอยากตายใช่ไหม ?” เขาถามอย่างเยือกเย็น “ถ้างั้นผมก็จะให้คุณได้ลิ้มรสการมีชีวิตอันทรหด !”
หลินเวยมี่ได้ยินคำพูดเขา ในเเววตาแสดงความหวาดกลัวออกมาทันที เขาต้องการทำอะไร?
“คุณรู้จักกลัวด้วยหรอ?”
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ”ในแววตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยการวิงวอน เธอกลัวขึ้นมาจริงๆแล้วเธอเดาไม่ได้เลยว่าฉู่เฉินซีจะทำเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาอีก
ฉู่เฉินซีลากแขนของเธอและเดินลงไปข้างล่าง ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำวิงวอนของเธอ
ที่สระว่ายน้ำ ผิวน้ำราบเรียบสงบ ลมเป่ามากระทบทำให้เกิดคลื่น
“คุณจะทำอะไร?” ตาของหลินเวยมี่ปิดเเคบลง เรื่องที่เขาโยนเธอลงน้ำตอนนั้นเธอยังจำได้หมาดๆ อยู่เลย เเล้วตอนนี้เขายังจะโยนเธอทิ้งลงไปในน้ำอีกหรอ?
“ไม่ใช่เธอว่าอยากตายหรอ ? ผมก็จะช่วยคุณยังไงล่ะ !”ในแววตาของเขากระจายแสงสีแดง ดึงแขนของเธอขึ้นแล้วโยนเธอทิ้งลงไปอย่างไม่ลังเล เสียงตกน้ำอย่างดังนั้นทำลายค่ำคืนอันเงียบสงบ มีบอดี้การ์ดฝ่ายยามสองสามคนออกมาจากคฤหาสน์ทุกทาง
“ออกไปให้หมด!”ฉู่เฉินกวาดสายตาอย่างเยือกเย็น บอดี้การ์ดรีบออกไปด้วยความกลัว
หยิ่งเงียบๆ อยู่ไม่ไกล ไม่ได้ออกไป เเต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะเข้าไปเกลี้ยกล่อม
หลินเวยมี่รู้สึกเพียงเเค่หนาวถึงกระดูกดำ น้ำอันเย็นเฉียบเเช่รอบตัวเธอไปทั้งตัว ตะโกนด้วยความตื่นตระหนก กระเสือกกระสนอย่างหนักหน่วงอยู่ในน้ำ แต่ก็เพื่อแลกกับการที่จมลงไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น