บทที่115 คุณคือฝันร้ายของฉัน
ฉู่เฉินซีมองต่ำลง แล้วเดินออกไป
หลินเวยมี่เจ็บแปลบไปทั้งตัวจนไม่กล้าขยับ มือที่กำแน่นคลายออก แล้วกำเข้าอีกครั้ง
ฉู่เฉินซีสารเลวคนนี้ทำอย่างนี้กับเธอ เธอเทียบอะไรไม่ได้กับสวิ่นเหิน
สัตว์เลี้ยงของเขาเลยจริงๆ ส่วนสวิ่นเหินแค่กระดิกหางวิ่งเข้ามาหาเขา แถมเขายังลูบหัวราวกับให้รางวัล
ส่วนเธอล่ะ?เพื่อแลกกับการปฏิบัติอันโหดร้ายของเขา เธอได้รับมามากพอแล้ว ชีวิตแบบนี้ การทารุณแบบนี้เธอพอแล้วจริงๆ
น้ำตาไหลร่วงลงมา เธอกำมือแน่นและสะอื้นเสียงต่ำ ในหัวสับสนตีกันไปหมด รู้สึกน้อยใจในใจต่ำต้อยน้อยใจอย่างมาก
เสียงเปิดประตูเบาๆดังขึ้นจากด้านนอก ตัวเธอแข็งไปทั้งตัว รีบปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้ฉู่เฉินซีเห็นน้ำตาของเธอ
เสียงเท้าก้าวเบาๆดังขึ้น เธอขมวดคิ้ว คนที่เข้ามาไม่ใช่ฉู่เฉินซี เสียงฝีเท้าของเขาหนักแน่นไม่เบาขนาดนี้
“คุณหลินคะ ฉันเอายามาให้ค่ะ ”
ท้ายสุดฝีเท้าก็มาหยุดลงตรงหน้าเธอ หญิงสาวเห็นรอยแผลที่อยู่บนตัวเธอทั่วร่างก็ตกใจ
หลินเวยมี่ได้ยินเสียงตกใจของเธอ มุมปากก็ปรากฏความเย้ยหยันออกมา ค่อยๆลืมตา มองผู้หญิงตรงหน้า เธอน่ารัก มีแก้มยุ้ยบนหน้าของเธอ ใสชุดขาว น่าจะเป็นพยาบาล
“ไม่ต้องการยา ”เธอพูดเสียงแหบ ดวงตาเศร้าหมอง
หญิงสาวขมวดคิ้วหน่อยๆ นั่งลงบนเตียงข้างๆเธอ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเซียวหย่า
เฉินให้ฉันมาค่ะ ”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้เรียกเขาว่าเฉิน ถ้าอย่างงั้นน่าจะสนิทกันสินะ?รู้สึกรังเกียจในใจ หลับตาไม่สนใจเธอ
“แบบนี้ไม่ได้นะคุณ แผลที่ตัวไม่ทายาจะเจ็บมากนะ คนดี ให้ฉันทายาให้นะ ”เธอพูดอย่างกับว่าเธอกล่อมเด็ก
“ออกไป บอกเขาด้วย ว่าฉันไม่ทา ”เธอพูดนิ่ง
“ไอหย๋า เธอทำไมต่อต้านตัวเองกันนะ อีกอย่างถ้าหากว่าเธอไม่ทายา คนที่เจ็บก็เธอเองนะ คิดไม่ตกจริงๆ ”เซียงหย่าทำปากจู๋แล้วพูดต่อ “ว่าแต่ทำไมเฉินถึงทำแบบนี้กับคุณได้ล่ะ เธอทำอะไรผิดมาใช่หรือเปล่า?”
“งั้นก็เร็วๆละกัน ”หลินเวยมี่พูดอย่างหงุดหงิด ที่จริงเซียงหย่าพูดก็ไม่ผิด เธอไม่จำเป็นต้องต่อต้านตัวเองจริงๆ คนที่เจ็บก็ไม่ใช่ฉู่เฉินซี การเอาตัวเองมาเปิดศึกกับเขานั้นเป็นอะไรที่คิดน้อยอ่อนต่อโลกมาก
เซียงหย่ายิ้มมุมปาก ทายเสร็จอย่างไว นวดยาให้เธออย่างระมัดระวัง “ถ้าเจ็บก็บอกมาเลยนะ อย่ากลั้นไว้ ”
หลินเวยมี่กัดฟันแน่นไม่พูดไม่จา ร่างกายมันเจ็บจนชาไปนานแล้ว จะว่าไปมันก็แค่แผลด้านนอก ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
“หน้าเธอบวมจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว เฉินทำไมถึงทำได้ลงนะ!”เซียงหย่าขมวดคิ้วทายาอย่างระวัง
หลินเวยมี่ลืมตามองหน้าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ในสายตาเบิกขึ้นอย่างมีความหวัง เธอจะสามารถเป็นที่พึ่งพิงช่วยผู้หญิงคนนี้หนีออกไปได้ใช่ไหม?
“เซียงหย่า เธอช่วยอะไรฉันสักอย่างได้ไหม?”
เซียงหย่ามองเธออย่างอึดอัดใจ ถามกระซิบเบาๆ “นอกจากช่วยทายาให้เธอแล้วฉันช่วยอะไรได้อีกเหรอ?”
“ฉันอยากไปจากที่นี่ ถ้าฉันไม่ไปจากที่นี่ เขาก็จะทรมานฉันจนตาย ”
เซียงหย่าขมวดคิ้วแน่น ส่ายหน้า “เฉินไม่ทำหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ แต่ฉันว่าเขาจะไม่ทำแบบนี้กับเธอแน่ ”
หลินเวยมี่ตานิ่งเข้มดำทันที พูดได้ว่า เซียงหย่าไม่ช่วยเธอแน่ สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง หรือว่าเธอต้องอยู่ถูกฉู่เฉินซีทรมานอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต?
แล้วจะทำยังไงถึงจะทำให้ให้ฉู่เฉินซีเกลียดเธอนะ?
เซียงหย่าสะพายกระเป๋ายาเดินออกไป สายตาไปเห็นชายที่รออยู่ด้านนอก ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นายรออยู่นี่ตลอดเลยเหรอ?”
“เธอว่าไงบ้าง?”ฉู่เฉินซีมือคีบบุหรี่อยู่ น้ำเสียงกลุ้มลำบากใจ
“เธอบอกว่านายจะต้องทรมานเธอจนตาย ”เซียงหย่าเหลือบตาใส่ฉู่เฉินซี พูดอย่างเจตนาดี “ฉันถามหน่อยว่านายตบผู้หญิงได้ยังไง?นายดูสิมีแต่แผลเต็มตัวเธอไปหมด ไม่รู้จริงๆว่าทำไมนายถึงทำได้ลง ”
“เอาล่ะ หยุดพูดเถอะ ถ้าเธอว่าก็มาอยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อยละกัน ”ฉู่เฉินซีถอนหายใจ แล้วหันหลังจากไป
เดิมทีอยากเขาไปใกล้เธอ แต่ตอนนี้กลับทำให้มันกลับกลายเป็นแบบนี้ เขาช่างโง่จริง ทำแบบนี้กับหลินเวยมี่ได้ยังไงนะ?ทั้งๆที่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้ก็จะทำให้ทั้งสองยิ่งห่างกัน
เพียงแค่เขารับไม่ได้ที่หลินเวยมี่กับกู้จุนเฟิงเคยอยู่ด้วยกัน ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาเองที่ไม่ยอมให้เขายอมรับมัน
กู้จุนเฟิง หรี่ตาขึ้น ในแววตาสาดรังศีอันตราย
หลายวันนี้ หลินเวยมี่อุดอู้อยู่แต่ในห้องตลอด แผลบนกายเริ่มดีขึ้นมาก เหลือแต่บนหน้าที่ยังบวมอยู่ เซียงหย่ามาอยู่คุยกับเธอบ่อยๆ เธอจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
ส่วนฉู่เฉินซี หลังจากวันนั้น เธอก็ไม่เจอหน้าเขาอีกเลย
เพียงแต่ทำไมตอนค่ำของทุกวัน เธอถึงรู้สึกว่ามีคนมานอนกอดเธอ?แต่พอตื่นขึ้นวันถัดมา กลับไม่มีคนข้างกาย หรือบางทีเธออาจฝันไปเอง?
พิงหน้าต่าง เห็นก็เหมือนมองไม่เห็นท้องฟ้า เธอเหมือนถูกปิดล้อมไว้ในกรงทองตลอดเวลา ไม่ว่าจะยังไงเธอก็หนีไปจากกรงดอกไม้นี่ไม่ได้
ฟ้าค่อยๆมืดลง เซียงหย่าผลักประตูเข้ามา มองคนที่นั่งพิงหน้าต่างอยู่แล้วยิ้มกว้าง
“มา ที่รัก ดื่มนมเร็ว ”
หลินเวยมี่ส่งสายตามอง มองรอยยิ้มของเซียงหย่า “วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวไปดื่ม ”
“เธออย่าลืมดื่มนะ นมดีต่อคนที่นอนไม่หลับ ”เซียงหย่าดูนาฬิกาตลอด เหมือนว่ามีเรื่องด่วน “เอาล่ะ งั้นฉันไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ ”
ภายในห้องเงียบเหงาลงอีกครั้ง เธอถอนหายใจแรง กอดผ้าห่มแน่น
ในฝัน ฉู่เฉินซีมองจ้องเธออย่างน่ากลัว จิกหัวเธอ แล้วทุบตีเธออย่างแรง ซักถามเธอว่าทำไมต้องไปขึ้นเตียงกับกู้จุนเฟิง เพราะอะไรถึงไม่รักเขา
“ฉันเปล่า ฉันเปล่า!”
“ไม่นะ ฉันเปล่า!ฉันเปล่าจริงๆ!”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก เธอตกลงมาอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น เธอกอดคนที่อยู่ข้างๆอย่างแน่น เหมือนกับตอนที่จับฟางช่วยชีวิตไว้ได้ในตอนที่กำลังจะจมน้ำ
ไม่รู้ว่าทำไมในก้นบึ้งของหัวใจถึงได้น้อยใจนัก น้ำตาไหลออกมาจากหางตา
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัว ”เสียงปลอบโยนเบาๆดังขึ้น มืออุ่นลูบคลำที่แก้มของเธอ ปาดน้ำตาบนแก้มให้แห้ง
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกแปลก ลืมตาปะทะกับฉู่เฉินซีที่มีสีหน้างงงัน
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
เสียงเย็นซักถามอย่างตำหนิทำให้ฉู่เฉินซีไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เขาชะงักนิ่งตะโกนบอกเธออยู่ที่เดิม มองเธอ
“เธอฝันร้าย ”เสียงเข้มพูด “ฉันแค่อยากบอกเธอว่า ฉันอยู่ข้างๆเธอ อย่ากลัวไปเลย ”
หลินเวยมี่ยิ้มมุมปากขึ้นเย้ยหยัน ผลักเขาอย่างแรง ไม่อยากได้กลิ่นใดๆจากตัวเขา
“แต่ คุณไม่รู้เหรอว่าคุณคือฝันร้ายของฉัน?”
คำพูดเย้ยหยันประโยคเดียวทำให้ฉู่เฉินซีสั่นไปทั้งตัว เขามองเธออย่างประหลาดใจ สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ที่แท้ ฝันร้ายของเธอก็คือเขา ปวดไปหมดทั้งใจ รู้สึกผิดมากกับเรื่องที่ทำวันนั้นอย่างไม่มีอะไรเปรียบได้ การกระทำของเขาในวันนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง กลับไปสู่จุดเริ่มแรก
“มี่มี่ วันนั้นฉันแค่โกรธมาก ขอโทษนะ ”
“โกรธ?ถ้าวันไหนคุณโกรธแล้วฆ่าฉันขึ้นมาล่ะ แค่พูดขอโทษก็ได้ใช่ไหม?”สายตาเธอมีแต่ความเกลียดชัง “ฉู่เฉินซี ของบางอย่างไม่ใช่แค่ว่าพูดขอโทษแล้วมันจะเติมเต็มกลับมาได้นะ ”
คำพูดของเธอเหมือนดาบแหลมเสียมทะลุแรงๆเข้าที่กลางใจของเขา เขาเองก็รู้ แต่เรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้ว เขาจะยังพอมีโอกาสชดเชยเธอได้ไหมนะ?
เธอก็เหมือนกับเม่นตัวเล็ก สามารถทิ่มแทงหัวใจของเขาได้ทุกเมื่อ
สายตาของหลินเวยมี่เย็นเยือกขึ้นเรื่อยๆ สายตากวาดไปเห็นแก้วนมข้างหน้าต่างที่ยังไม่ได้ดื่ม มุมปากยกยิ้มเย้ย “คุณเข้ามาทุกคืนใช่ไหม?”
“ฉันคิดถึงเธอ ”เขาก้มหัวลง หลับตาลง น้ำเสียงกลัดกลุ้ม
ถ้าไม่ใช้วิธีแบบนี้ หลินเวยมี่จะยอมให้เขาโผล่หน้ามาไหม?
เธอเกลียดเขาขนาดนั้น กลัวเขา กลัวว่าชาตินี้เธอจะไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก แค่เขาไม่โอเค เขามองไม่เห็นหัวใจของเธอก็รู้สึกโหวง เจ็บปวดเหมือนกันกับสูญเสียของอะไรไป
“ออกไป!”เธอพูดนิ่งๆ สายตารำคาญ
ฉู่เฉินซีนิ่งแข็งอีกครั้ง เงยหน้ามองท่าทางเกลียดชังของเธอ ถอนหายใจหนัก แขนยามเอื้อมดึงเธอ จับเธอกอดเข้าอ้อมอก
ไอร้อนแผดเผาโถมเข้ามา หลินเวยมี่หายใจอึดอัด จนเขาจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
ยังไม่ทันได้หายใจเข้า เขาเพียงแค่จูบเธอด้วยความลุ่มหลง ครู่ใหญ่จึงพูดขึ้น “ฉันไม่อยากไป ”
“เลว!”เธอด่าเสียงต่ำ หยิกเข้าแรงๆที่แขนของเขา
เหมือนกับวันนั้นที่เขาหยิกเธอ แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับไม่เจ็บเลยสักนิด โอบเธอลงบนเตียง โอบเธอเข้าในอ้อมแขน
“เธอหยิบเลยนะ ถ้ามันระบายความโกรธได้ก็หยิกเลย แต่ถึงยังไงฉันก็จะไม่ไปไหน ”เขายิ้ม จูบลงเบาๆลงบนปากของเธอ
“ทำไมคุณถึงได้เสเพลแบบนี้!”หลินเวยมี่สูดหายใจเข้า เธอจนปัญญากับเขาแล้วจริงๆ คนเลวคนนี้!
“เธออยากพูดอะไรก็พูด ”เขาโอบเธอแน่น
หลินเวยมี่หันหลังด้วยความโกรธ หันหลังให้เขา ไม่อยากเจอหน้า
ใครจะไปรู้ว่าเขาเขยิบเข้ามาใกล้อีกแล้ว ใบหน้าเธอแดงไปถึงลำคอ
ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เขาก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอีก!ม้าตัวนี้นี่!ใบหน้าเย็นชา ไม่อยากสนใจเขา ขยับขึ้นไปด้านหน้า ไม่อยากใกล้เขา
ใครจะไปรู้ เขากลับขยับติดขึ้นมาแนบเธออีกครั้ง เสียงที่เขาเก็บไว้ในใจแผ่เข้ามาข้างหู “ถ้าเธอขยับไปมา ฉันจะไม่เกรงใจความต้องการที่ฉันมีต่อเธอจริงๆนะ ”
“งั้นก็อย่างมาแนบติดฉันสิ!”เธออพูดอย่างโมโห
“ไม่ได้หรอก ไม่แนบติดเธอ งั้นจะให้เธอได้ไออุ่นจากฉันได้ยังไงกัน?ทำไมถึงรู้สึกได้ว่าฉันกลายเป็นคนบ้าเพราะเธอกันนะ?”
“ปลิ้นปล้อน!”เธอหน้าแดง คำแบบนี้เขาช่างพูดออกมาได้ เธอยอมเขาเลย!
“ฉันปลิ้นปล้อนแค่กับเธอคนเดียวนะ แปลกจัง แค่ฉันได้กลิ่นกายเธอก็มีปฏิกิริยาแล้ว ตกลงเธอพ่นพิษอะไรใส่ฉันกันแน่ ทำเวทมนต์อะไรใส่ฉัน?”เขาพูดเบาๆ
เธอออกแรงดึงมือของเขาออก ถอนหายใจไปหนึ่งครั้ง ไม่ต้องการสนใจคนเสเพลคนนี้