แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 117 จะเบียดก็ต้องเบียดเข้าไปในใจเธอ
ฉู่เฉินซีดวงตาแน่น มีไฟลุกขึ้นมาทันทีในดวงตา โอบเอวเธอแน่นขึ้น
หลินเวยมี่หน้าแดง ก่นด่าด้วยความโกรธ “คุณมันลามก!”
“เห็นๆอยู่เธอเป็นคนทำตัวเอง ”ฉู่เฉินซียื่นมีไปช้อนเธอขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในห้อง
หลินเวยมี่ที่อยู่ในอ้อมกอดเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น ใบหน้าเล็กอึดอัด เลยใช้มือหยิกเอาอย่างแรง เพื่อระบายอารมณ์
ฉู่เฉินซีวางเธอลงบนเตียง แล้วเอาผ้าหมาดๆเช็ดที่เท้าของเธอ
“ครั้งหน้าห้ามไม่ใส่รองเท้าลงไปข้างล่างแล้วนะ ”
คำสั่งมีอำนาจออกมาจากปากเขา แต่น้ำมือกลับอ่อนโยน มองที่เท้าของเธอคนดี สายตาหยอกล้อ แล้วใช้ลูบวนเบาๆ
หลินเวยมี่รีบหดเท้ากลับไปทันที ใบหน้าขาวก็แดงขึ้น “ฉู่เฉินซี คุณออกไปได้แล้ว อย่ามาอยู่ในห้องของฉัน!”
“นี่มันห้องฉันชัดๆ ”เขาพูดจบก็นอนลงเล่น
หลินเวยมี่ถลึกตาเขาไปหนึ่งที ฉู่เฉินซียิ้มราวกับจิ้งจกให้กับผู้หญิงตรงหน้า เอาล่ะ ทุกที่ที่นี่เผยให้เห็นถึงอำนาจอันเด็ดขาดของเขา แล้วก็กำลังบอกเธอให้ชัดเจน ถึงสถานะอันต่ำต้อยของเธอ
“งั้นก็ดี ก็ไปส่งฉันกลับบ้านสิ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ”
เธอเพิ่งจะพูดจลบ ฉู่เฉินซีก็ยุ่งทันที แววตาดำเข้ม ถามกลับนิ่งๆ “เธอยังอยากจะไปอยู่?”
หลินเวยมี่ตัวสั่น แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา มองเขานิ่งๆ สายตาเต็มไปด้วยความขมขื่นที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ
ฉู่เฉินซีถูกสายตาเธอส่งเข้ามาแบบนี้ ก็ปวดหัวใจ รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น “อย่าบุ่มบ่ามคิดอยากจะไปจากที่นี่ ฉันไม่อนุญาต!”
หลินเวยมี่สูดหายใจลึก เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่อนุญาต อีกทั้งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้องขอ
“คุณไปตระกูลโจ่วเหรอ?”เขาพยายามทำให้เสียงตัวเองนิ่ง เมื่อกี้เฉินเห้าหมิงพูดว่าเขาที่ตระกูลโจ่ว แน่นอนว่าต้องไปก่อเรื่องมาแน่
“ใครบอกให้เธอยากแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นล่ะ!”เขาเสียงนิ่งแย้งถามกลับ สายตาโกรธแพร่กระจาย
หลินเวยมี่ถูกเขาถามแล้วก็ปิดปากเงียบสนิท แล้วก็นึกถึงกู้จุนเฟิง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง ใจคอเหี่ยวแห้ง ทันทีก็เจ็บที่คาง จ้องกับดวงตาของเขา
“คิดถึงผู้ชายคนอื่นอีกแล้วเหรอ?กู้จุนเฟิง?”เขายิ้มหยอก แต่สายตากลับประชดประชัน
“เธอกระโดดตึกเพราะเขา แต่กับคนอื่นเพื่อเขา เขาสำคัญต่อหัวใจเธอมากงั้นเหรอ?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแล้วจ้องเขา สายตาดูถูก แล้วก็คิดถึงสิ่งที่ฉู่เฉินซีได้ทำทั้งหมดขึ้นอัตโนมัติ อยากให้เธอจมน้ำตาย จนถึงที่เขาตบเธอ
ทรราชที่อารมณ์แปรปรวนคนนี้ เห็นอยู่ว่าตอนนี้ยังดีๆอยู่ เสี้ยววินาทีอยู่ดีๆก็ดี เธอรับเขาไม่ไหวจริงๆ
“ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉู่เฉินซี ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณนะ ”หลินเวยมี่พูดเสียงนิ่ง แล้วก็เดินไปที่ระเบียง
นั่งลงบบนเก้าอี้ตรงระเบียง หรี่ตามองดวงอาทิตย์นอกหน้าต่าง หัวใจเป็นทุกข์อย่างมาก เธอไม่รับรู้ข่าวสารอะไรด้านนอกเลย
ตั้งแต่วันที่ถูกฉู่เฉินซีจับกลับมา เธอก็ไม่เหลืออะไรติดตัวเลย ไม่มีการติดต่อสื่อสารใดๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่ากู้จุนเฟิงเป็นยังไงบ้างแล้ว
แกล้งว่าไม่กังวล แต่ปกติก็ไม่กล้าแสดงออก แล้วก็ไม่กล้าถามฉู่เฉินซี
ทำได้แค่อดกลั้นไว้แบบนี้ เมื่อไหร่ที่เขาอารมณ์ดีแล้ว สามารถที่จะปล่อยเธอไป
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ถึงตอนนั้นหรือเปล่า
ทันใดนั้น ดวงอาทิตย์ก็ถูกม่านบัง หลินเวยมี่เบิกตากว้าง มองผู้ชายตรงหน้า ปากตึง หันหน้าไปทางอื่น
“หลินเวยมี่……”ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วเรียกชื่อเธอ สายตาหมดหนทาง “เธออยากไปจากฉันจริงๆเหรอ?”
“ใช่ ฉันไม่อยากอยู่ข้างกายคุณแม้แต่วินาทีเดียว ฉันกลัวว่าคุณจะทำฉันตาย!”เธอพูดอย่างโกรธ ใบหน้ามองเขาอย่างตำหนิ
ทันใดนั้น เขาโค้งตัวมองเธอ ปลอยผมหน้าม้าคลอเคลียที่ใบหน้าเธอ รู้สึกจั๊กจี๋
เธอมองเขาอย่างรำคาญ ปากเล็กๆเจ๋อขึ้น “ออกไป!”
“ยังโกรธเพราะเรื่องนั้นอยู่เหรอ?ไม่งั้นเธอตบคืนเอาไหม?”เขาจับมือเธอเพื่อที่จะตบเข้าหน้าของตัวเอง
หลินเวยมี่ออกแรงขืน มองเขาอย่างรำคาญ
“คุณต้องการอะไรอีก?พออารมณ์ดีให้ลูกอม พออารมณ์ไม่ดีก็พาลใส่คนอื่นเหรอ!ฉันไม่ใช่คนรองมือคุณนะ แล้วทำไมฉันต้องมารองรับอารมณืคุณด้วย?”
ฉู่เฉินซีหรี่ตามองผู้หญิงที่กำลังเหวี่ยงอารมณ์ ฉีกยิ้มขึ้น ก้มหัวลงเบาๆ:“เลิกโมโหได้แล้ว ต่อไปนี้ฉันจะเปลี่ยนตกลงไหม?”
“เปลี่ยน?”เธอเลิกคิ้ว จ้องเขา “อารมณ์ขี้โมโหมันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“งั้นก็ต้องดูว่าทำกับใคร ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ตายไปหลายรอบแล้ว ”เขาพูดเบาๆ ปิดกลั้นความเจ็บปวดในสายตา อุ้มเธอขึ้นแล้วนั่งแทนที่ของเธอ หลังจากนั้นก็จับเธอวางลงบนหน้าตัก
ฉู่เฉินซีหน้าเฉื่อยชา ในใจนั้นหมดหนทางตันไปหมด ทำไมเขาถึงไม่รู้ความคิดของหลินเวยมี่นะ?เธออยากจากไป ไม่อยากเจอเขา หัวใจยังคงมีกู้จุนเฟิงอยู่
แต่เขาจะอนุญาตได้ยังไงกัน?หัวใจดวงนี้ของเธอเขาจองแล้ว ชายอื่นอย่าได้คิดครองแม้แต่ครึ่ง!
ต่อให้เบียดก็จะเบียดเข้าไปในใจของเธอ
คิดแบบนี้ ใจถึงได้สงบลงมาหน่อย ส่วนเฉินเห้าหมิง…….
ปากยิ้มเย็นชาขึ้น เขาเอาใจใส่กับหลินเวยมี่มากไปหรือเปล่า?นี่ไม่เหมือนนิสัยเขาเลยสักนิด
หลินเวยมี่เธอไม่ง่วงนอน ถูกเขากอดอยู่ตอนนี้ตัวก็แข็งไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า มือเล็กจับเกาะแขนของเขาไว้ สายตารำคาญ
“ต้องการกู้จุนเฟิงก็ดี งั้นเธอก็อยู่ข้างๆฉันอย่างซื่อสัตย์ก็แล้วกันนะ อย่าคิดหนีบ่อยๆ ”เขาพูดอย่างขี้เกียจ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอำนาจ
แต่หลินเวยมี่กลับโล่งใจ ดูท่าแล้วกู้จุนเฟิงน่าจะไม่เป็นอะไร
“ตัวเล็กครับ เมื่อไหร่เธอจะเป็นห่วงเป็นใยฉันสักที?”น้ำเสียงหมดหนทางและปวดใจ
“คุณมีคนเป็นห่วงเป็นใยตั้งมากมาย ไม่ถึงคิวฉันหรอก ”หลินเวยมี่พูด น้ำเสียงนิ่งเย็นชา
“หญิงใจร้าย ”ฉู่เฉินซีหยิกเบาที่แก้มเธอ สุดท้ายก็อดไม่ได้ จูบเบาๆลงที่ปาก
คฤหาสถ์ตระกูลโจ่ว กู้จุนเฟิงนั่งเงียบอยู่บนโซฟา สีหน้าเข้มขรึม
“จุนเฟิง ผลตรวจสอบจากเบื้องบนยังไม่ออก ถ้านายโอเคก็ไม่ต้องออกมาด้านนอกนะ เผื่อมีคนสนใจจับเจอจุดอ่อนอีก ”โจ่วลี่เฉียงถือแก้วชา ใบหน้าไม่สบอารมณ์นัก
เขาดูแลกู้จุนเฟิงอย่างดี และกู้จุนเฟิงเองก็ไม่ยอมเอามากๆ ใครจะไปรู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เขาจะทำเรื่องแบบนี้มาได้เพราะผู้หญิงคนเดียว
“ฉู่เฉินซีมาเหรอ?”กู้จุนเฟิงดวงตาสีเข้มส่งสัญญาณที่เก็บไว้ในใจ
โจ่วลี่เฉียงหน้าเปลี่ยนสี พูดเย็นชา “เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้หรอก นายไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเขามากมาย ช่วงนี้ไม่ก่อปัญหาอะไรก็พอแล้ว ”
กู้จุนเฟิงสีหน้าไม่สบอารมณ์ พักใหญ่ก็พูดออกมา “ฉันไม่สนเรื่องของหลินเวยมี่ไม่ได้หรอก เธอไม่อยากอยู่ข้างๆฉู่เฉินซี ”
เขาเพิ่งจะพูดจบ โจ่วลี่เฉียงก็โบกมือเข้ามา ซัดลงหนักๆลงบนหน้าเขา
“นี่มันก็นานแล้ว นายยังหลงผู้หญิงบ้าผู้ชายอยู่ได้!รอนายนั่งตำแหน่งนายกเทศมนตรีแล้ว จะต้องการผู้หญิงคนไหนไหม?”โจ่วลี่เฉียงตะครอก สีหน้าเข้มอยากให้เขาดีขึ้น “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามีใจให้โจ่วซินไหม แต่กับหลินเวยมี่คนนี้นายอย่าได้คิด!มีเรื่องกับฉู่เฉินซีมีแต่รนหาที่ตาย!เขาไม่กลัวที่จะเสีย ดูสถานะตัวเองด้วยสิ!”
กู้จุนเฟิงยังคงไม่ยิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาเทียบกับฉู่เฉินซีไม่ติดจริงๆ เขาไม่ต้องสนใจอะไรมาก แต่ตัวเองก็ไม่โอเค ความรับผิดชอบของเขา ภาระที่แบกอยู่ไม่อนุญาต
“ลูกพี่ไม่ไหว แต่ผมไหว ผมกับหลินเวยมี่เคยเปิดตัวกันที่สาธารณะ เธอคือภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานกันของผม ผมต้องไปช่วยเธอออกมา ”โจ่วชิงช๋วนเดินลงมาจากบันได พูดอย่างมั่นใจ
“ไอ้ลูกบ้า!ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานบ้าบออะไรกัน!ไสหัวไปทางโน้นเลยไป อย่ามาพูดเสเพล!”โจ่วลี่เฉียงด่าชุดใหญ่ กู้จุนเฟิงคนเดียวก็ทำให้เขาโกรธมากพอแล้ว ตอนนี้ลูกชายตัวเองยังมาพูดเสเพลอีก!
“พ่อ แหวนน่ะผมให้หลินเวยมี่ไปแล้ว ทั้งชาตินี้ผมเป็นของเธอแล้ว ”โจ่วชิงช๋วนสะกิดไหล่เขา ท่าทางหาเรื่อง
“อะไร?ไอ้เวรนี่!”โจ่วลี่เฉียงโกรธจนง้างมือขึ้น แต่สุดท้ายก็ตบไม่ลง ใบหน้าเซ็ง
“พวกนาย!ฉันจะว่าพวกนายยังไงดี!หลงผู้หญิงคนนั้นจนกลายเป็นแบบนร้หมดแล้ว!จะช้าหรือเร็วเรื่องต้องเกิดแน่!”โจ่วลี่เฉียงตะคอกรัความโกรธ
โจ่วชิงช๋วนและกู้จุนเฟิงประชันสายตากัน ไม่มีใครต่อคำ
ภายในห้อง โจ่วซินมองเงาของกู้จุนเฟิงที่พาดอยู่หน้าต่าง เจ็บปวดกลุ้มใจเต็มไปหมดทั้งใจ แล้วก็เดินเข้าไป
“จุนเฟิง นายกลับมาแล้ว ”
กู้จุนเฟิงขมวดคิ้วแน่น หันสายตาเย็นชามองที่โจ่วซิน สายตาบนใบหน้าคือความรำคาญ
“มีธุระ?”
“ไม่มี ”โจ่วซินถูกสีหน้าเขาทำให้ตกใจ สุดท้ายก็ไม่กล้าก้าวเข้าไป
“คืนนั้น นายกับหลินเวยมี่อยู่ด้วยกันเหรอ?”โจ่วซินลองถามหยั่งเชิง
“ใช่ ”กู้จุนเฟิงตอบ สีหน้ารำคาญขั้นสุด “ฉันจะไปห้องสมุด ”
พูดจบก็เดินออกไปทางประตู เหมือนไม่อยากอยู่กับโจ่วซินสองคนในห้องเดียวกัน
โจ่วซินได้ยินว่าเขาอยู่กับหลินเวยมี่ หัวใจก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งที่เห็นว่าเขาจะเดินออกไป ก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ไปขวางทางเขา
“จุนเฟิง ตกลงแล้วฉันสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตรงไหน?”เธอค่อนข้างถามกระตุ้น “เห็นๆอยู่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหลือมาจากคนอื่น!ผู้หญิงแบบนี้นายยังอยากได้อีกเหรอ?”
กู้จุนเฟิงได้ยินที่เขาพูดสายตาก็ดุดันทันที “เธอช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยนะ!เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะมาว่าเธอแบบนี้!”
“ฉันพูดผิดตรงไหน!คืนนั้นผู้ชายท่าทางโกรธบุกเข้ามาหาถึงหน้าประตู ทำไมนายต้องแก้ต่างให้เธอด้วย!เธอก็แค่คนที่เป็นคู่ขึ้นเตียงกับใครก็ได้!”
กู้จุนเฟิงผลักเธออย่างแรงไปถึงอีกฝั่ง ความโกรธและหมดคำพูดตีสวนกัน “งั้นก็เด็ดกว่าเธอ!”
เขาเดินออกประตูไปอย่างโกรธแค้น เส้นเลือดที่แขนพองโตเพราะความโกรธ ใครก็ไม่สามารถมาวิจารณ์หลินเวยมี่แบบนี้ได้ ถ้าหากว่าตอนนั้นไม่ได้คิดเอาเองโดยการผลักเธอไปให้ ฉู่เฉินซี ผลลัพธ์ก็จะไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?แล้วตัวเองก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ใช่ไหม?
เขารู้ ว่าโลกนี้ไม่มียาย้อนเวลา และไม่มีคำว่าถ้าหาก