บทที่122 เป็นเด็กดีรอฉันกลับมานะ
เก้าอี้ที่ส่ายอยู่กลางบ้าน หลินเวยมี่นอนหงายเงียบๆอยู่บนเก้าอี้ ลมพัดมา เป่าเข้าที่ผมจนพันกัน เธอเงียบสงบมากกว่ากลุ่มขาวดำ
ทันใดนั้น กลิ่นยาเข้มๆก็เตะเข้าจมูก เธอขมวดคิ้วทันที ใบหน้าเล็กหันขึ้น มองไปที่เซียงหย่าที่กำลังเดินเข้ามา
“มาเร็ว ที่รัก ”เซียงหย่ายิ้มตาหนีถือถ้วยยามาตรงหน้าเธอ
หลินเวยมี่มองยาสีดำอย่างงต่อต้าน กลืนน้ำลายลงคอ “เซียงหย่า ฉันไม่ดื่มได้ไหม?”
เซียงหย่ามองงหน้าเธอแล้วส่ายหัวอย่างแรง “เอว่าไงล่ะ?”
“ฉันไม่อยากดื่ม มันขมเกิน ”หลินเวยมี่หดตัว หน้าตากลุ้มใจ
จากที่ฉู่เฉินซีค้นพบว่าให้เธอทานยา ทกวันก็จะให้เซียงหย่าถือถ้วยยาดำๆมาให้เธอดื่ม บอกว่ามีสรรพคุณบำรุงร่างกาย
ความจริงก็ไม่อยากให้รีบท้อง เธอถอนนหายใจอย่างจำนน อารมณ์ที่กำลังดีๆก็หายไปทันที
“เซียงหย่า ฉันไม่อยากดื่ม ”เธอปฏิเสธหน้ากลุ้ม
“ที่รัก เธอก็รู้อารมณ์ของเฉินดี เธอคิดว่าเอหนีไปได้เหรอ?ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องดื่ม ทำไมต้องให้เขาบังคับเธอด้วยล่ะ?”เซียงหย่าเกลี้ยกล่อมอย่างขมขื่น
หลินเวยมี่มองยาสีดำๆ ส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่ดื่ม ฉันดื่มไม่ลงแล้ว ”
“เธอไม่ดื่มฉันก็ทำได้แค่โทรหาเฉินแล้วล่ะ ”เซียงหย่าทำท่าจะโทรหาฉู่เฉินซีจริงๆ ส่วนหลินเวยมี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ สีหน้าตั้งมั่น
ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ดื่มเจ้านี่ต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ต้องหนีออกไป ทนรับการควบคุมของเขาไม่ได้แล้ว
“เซียงหย่า เธอช่วยฉันได้ไหม?”หลินเวยมี่ดึงชุดเธอ ใบหน้าเฝ้าหวัง “เธอช่วยฉันหนีไป ฉันไม่อยากยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะต้องบ้าตายแน่ ”
เซียงหย่ามองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ ถามอย่างเห็นอกเห็นใจ “เฉินดีกับเธอขนาดนี้ ทำไมเธอถึงอยากจะหนีล่ะ?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว หลับตาลง “ฉันไม่อยากเป็นสัตว์เลี้ยงภายใต้การควบคุมเขา ช่างเถะ ในเมื่อเธอไม่ช่วยฉันก็ช่างเถอะ ”
ใบหน้าผิดหวัง ในรู้อยู่แล้วเซียงหย่าจะต้องไม่ช่วยเธอ เพราะยังไงเซียงหย่าก็เป็นคนของฉู่เฉินซี จะช่วยเธอได้ยังไงกันนะ?
ฉู่เฉินซีกลับมาอย่างไว เซียงหย่าเห็นก็ออกจากห้องไป
หลินเวยมี่ถอนหาหยใจ สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ เงยหน้ามองเขาอย่างน้อยใจ พูดพึมพำ “ฉันไม่อยากดื่ม ”
“ทำไมล่ะ?”เขานั่งลงข้างเธอแล้วพูดนิ่งๆ ไม่มีสีหน้าใดๆ จับที่แขนเธอเบาๆ ใช้น้ำเสียงปรึกษาสนทนากัน “ขมเหรอ?”
หลินเวยมี่เงยหน้ามองเขา แล้วยัดหัวลง สีหน้าไม่อยาก
“ฉันจะขมด้วยกันไปกับเธอนะ ”
เขาพูดจบก็กระดกยาไปหนึ่งคำ ค่อยๆส่งยาเข้าไปในปากเธอ
หลินเวยมี่จ้องเขา เหลือแต่คราบยาที่มุมปาก เขาสายตาเจ้าเล่ห์ กลิ่นหอมของยาเต็มอยู่ในปากของทั้งสองคน
“จะดื่มเองหรือจะให้ฉันป้อนเธอด้วยวิธีแบบนี้?”เขาปล่อยเธอ ถามเบาๆ
หลินเวยมี่เขินเล็กน้อย ตอบแบบลน “ฉันดื่มเอง ”
พูดจบก็ดื่มยาที่เหลือจนหมด ขมวดคิ้วแน่น ขมเอาเรื่อง
ในปากกลับหวาน ก้อนน้ำตาลในปากกลมกลืนกับรสขม เธอเงยหน้ามองฉู่เฉินซี สบสายตาอ่อนโยนกับเขาก็รีบหันหน้าไปอีกฝั่ง
ให้ตายเถอะ แค่เธอมองเขาก็ใจเต้นเร็ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
ขมวดคิ้วแน่น กลุ้มใจสุดๆ
“ยังขมอยู่เหรอ?”เขาเห็นท่าทางขมวดคิ้วของเธอก็อดถามไม่ได้
“นิดนึง ”
คางถูกแหงนขึ้น สบตาของเขา เขาโน้มเข้ามาใกล้
เธอโอบคอเขาตามสัญชาตญาณ ตอบสนองเขาอย่างเร็ว ก้อนน้ำตาลในปากถูกเขาตวัดไป ตวัดไปในปากเขา หลินเวยมี่แย่งกลับมาอย่างไม่ยอม
เป็นแบบนี้อยู่สามสี่ครั้ง ทั้งคู่ก็ปล่อยกันพร้อมกับสูดอากาศหายใจ
“คุณแย่งของมันไม่ได้หรอก!”หลินเวยมี่ยิ้มแล้วพูด สีหน้าพอใจ
ฉู่เฉินซีมองเธอที่เป็นแบบนี้ ก็ยิ้มกว้าง ลูบหัวเธอ ยิ้ม
“ฉันจะไปต่างจังหวัดสองสามวัน เธอเป็นเด็กดีรอฉันเข้าใจไหม?”เขาจูบลงบนหน้าผากของเธอ
หลินเวยมี่ตาเป็นประกาย “งั้นฉันออกไปข้างนอกได้ไหม?”
“ให้หยิ่งไปเป็นเพื่อน ”เขาลูบแก้มเธอ สายตาตำหนิ “ทำไมแค่ฉันบอกว่าจะไป เธอถึงได้ดีใจขนาดนี้?”
ใบหน้าน้อยๆของหลินเวยมี่แข็งทื่อแล้วส่ายหัว “เปล่า ”
“ตัวแสบ ”เขายิ้มอ่อนโยน สายตามีเลศนัย
กาศดีเหมือนเดิม หลินเวยมี่นั่งอยู่บนเตียงกว้าง ฉู่เฉินซีออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ ความรู้สึกผ่อนคลายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ค่อยๆเข้ามา ยืดเส้นยืดสาย หยิบกระโปรงสีฟ้า แล้วออกไปข้างนอก
ไม่ทันได้ตั้งตัว หยิ่งเฝ้าอยู่หน้าประตู “คุณหลิน เจ้านายกำชับว่าคุณหญิงไปที่ไหนให้ตามไปทุกที่ ”
หลินเวยมี่เบะปาก ถอนหายใจตอบรับ
เดินลงไปข้างล่างก็เห็นอาหารเช้าที่เตรียมไว้เรียบร้อย ทานไปเล็กน้อย แล้วก็อยากออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะบอกว่ายังไง เธอไม่ได้ออกด้านนอกนานแล้ว ตอนนี้อดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ
บนถนน หลินเวยมี่เดินตลอดทาง หยิ่งเดินตามหลังเธอเงียบๆ
ตอนแรกเธออยากลับตระกูลหลิน แต่หยิ่งตามเธออยู่แบบนี้ เธอจะกลับไปยังไง?ยิ่งถ้าถูกฉู่หรานเห็นเข้าไม่แน่อาจจะคิดว่าหยิ่งเป็นคนของเธออีก
คิดถึงเท่านี้ ก็ไม่คิดที่จะกลับไปแล้ว แค่เมลืองตั้งใหญ่โต เธอไม่รู้ว่าจะไปไหน
เดินหน้าไป หยุดที่ร้านอาหาร ด้านในภัตตาคารมีเปียโนใหญ่อยู่ เธอจำไม่ได้แล้วว่าเธอไม่ได้เล่นเปียโน
เกือบเดินเข้าไปอย่างอดไม่ได้ นั่งลงข้างเปียโน เสียงเปียโนเบาๆบรรเลงมาอย่างไพเราะ นิ้วเธอแข็งแล้ว ดังนั้นจึงเล่นได้ไม่ดีนัก
เล่นจบไปหนึ่งเพลง เธอก็ลุกขึ้นแล้วไม่เล่นต่อ
จนถึงตอนนี้ยังจำได้ เพียงเพราะตอนเด็กเสี่ยวจื๋อบอกว่าเขาชอบฟังเปียโน ดังนั้นเธอจึงแอบเรียน เพียงจะได้เล่นให้เขาฟังตอนวันเกิดเขา
แต่ทำไมถึงได้นึกถึงคำว่าความไม่แน่นอนสี่คำนี้ได้นะ?
เธอเองก็ไม่คิด เจอกันอีกครั้ง พวกเขาก็ตกมาอยู่ที่จุดที่กลับไปหากันไม่ได้
เขาเป็น เธอเป็นด้วย
ในใจแห้งเหี่ยว เดินออกจากภัตตาคาร เดินไปที่ถนนอย่างเร็ว รู้สึกเหมือนว่างเปล่า ราวกับสูญเสียอะไรไป
เอี๊ยด——
เสียงรถเบรกอย่างแรงตรงหน้าเธอ เธอยังไม่ทันได้ตกใจ ประตูรถก็เปิด ก็มีมือคู่หนึ่งออกแรงดึงเธอเข้าไปในรถ
มีมืออุดจมูกอยู่ กลิ่นหอมก็ค่อยๆลอยมา แต่ในหัวกลับยิ่งหนักขึ้น จนหมดสติไป
จนเธอฟื้นขึ้น ก็นอนอยู่ในที่แปลกตา หัวยังคงมึนๆ รีบนั่งแล้วหันมองรอบด้าน
ห้องกว้างใหญ่ และสวยงาม แต่เธอกลับรู้สึกแปลก ตกลงใครลักพาตัวเธอมา?
“มีใครอยู่ไหม?”เสียงทั้งแห้งและแหบ ขณะที่จะลงไปจากเตียง ก็ตกใจ เท่าถูกตรึงไว้
แววตาเธอหด ความรู้สึกกลัวค่อยๆเข้ามา เรียกอย่างลน “ตกลงเป็นใครกัน?ออกมานะ!”
“มี่มี่ แต่อยากเชิญเธอมาเป็นแขกบ้านฉัน ถึงกับตกใจขนาดนี้เลย?”เสียงขี้เกียจดังเข้ามา คนค่อยๆเข้ามาจากตู้เหล้า
“เฉินเห้าหมิง!”ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอไม่คิดเลยว่า เฉินเห้าหมิงจะกล้าลักพาตัวเธอ!เขาไม่เคารพฉู่เฉินซีเลยเหรอ?
“เห็นฉันแล้วตกใจขนาดนี้เลย?”เขาถือแก้วไวน์ในมือ เขย่าไวน์ตลอดเวลา ค่อยเดินเข้ามาหาเธอ
“เฉินเห้าหมิง นายปล่อยฉันนะ!นี่ตายรับแขกแบบนี้เหรอ?”เธอพูดเย็นชา ออกแรงขัดขืน แต่กลับขยับไม่ออก
“ปล่อยเธอเธอก็ไม่ซื่อสิ ตอนนี้หัวฉันยังเจ็บอยู่เลยนะ ในเมื่อเธอเป็นเม่นน้อย ฉันก็จะถอนหนามเธอออกให้หมด ”เขายิ้มเบา ยกแก้วไวน์ขึ้นเม้มจิบอย่างสง่า
“เฉินเห้าหมิง!นายอย่าลืมสิ!ว่าฉันเป็นผู้หญิงขิงฉู่เฉินซี!”เธอเรียกอย่างลนลาน ที่คฤหาสน์ฉู่เฉินซีเขาไม่กล้าไร้มารยาทกับเธอ ตอนนี้อยู่ที่เขตเขาแล้ว มันขึ้นอยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือเปล่า?
คิดถึงเท่านี้ ใจเธอก็นิ่งลง ความหวาดกลัวค่อยๆเข้ามา
“ฉันไม่ลืม ก็เพราะเป็นของของเขาฉันถึงจะแย่งมาให้หมด ”เขายิ้มแล้วเข้ามาใกล้เธอ ก้มมาที่ริมฝีปาก ไอร้อนของกลิ่นเหล้าเบาๆค่อยๆเข้ามา
“ฉู่เฉินซีไม่ปล่อยนายแน่!”เธอขบฟันแน่น ในใจกลับไม่มีหลุม สามวันฉู่เฉินซีกว่าจะกลับ น้ำที่อยู่ไหลดับไฟไม่ได้
“เธอสบายใจได้เลย เขาอีกสามวันเขาถึงจะกลับมา ส่วนเราก็มีเวลาดื่มด่ำกันได้ถึงสามวัน ”เขาเทไวน์ลงบนตัวเธอ แล้วกดเธอลง ค่อยเลียไวน์ลงบนตัวเธอจนเกลี้ยง
หลินเวยมี่รู้สึกหนาวๆแค่ช่วงหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ชุดเธอเปลี่ยนไปเป็นชุดนอน!
“เฉินเห้าหมิง!หยุดนะ!”เธอตะโกนด้วยความโกรธ สีหน้ากระสับกระส่าย
เธอได้ยินเสียงก็ไม่หยุดลงกลับกันยิ่งเพิ่มแรงเข้าไปอีก จ้ำรอยเชอร์รี่ลงบนตัวเธออย่างแรง แล้วค่อยเงยหน้า
ลมหายใจอุ่นสาดลงบนหน้าเธอ จ้องเธออย่างหลงไหล “ไม่น่าล่ะฉู่เฉินซีถึงไม่เบื่อเธอ เธอมีมนต์ที่ทำให้คนไม่อยากหยุด ”
เขาหัวเราะเบาๆ ก้มหัวลงกัดเธอ
ควบคุมความต้องการไม่อยู่ แทรกลิ้นไปในกลางปากเธอ ความเจ็บปวดก็ค่อยๆเข้ามา เจ็บจนผลักหลินเวยมี่ออกไปอย่างแรง เขาเช็ดมุมปาดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“มี่มี่ เธอกล้ากัดฉัน ”
“นายอย่าเข้ามานะ!เฉินเห้าหมิง ฉันจะบอกนายให้นะ ฉู่เฉินซีจะต้องมาช่วยฉัน!”
หลินเวยมี่ใจฝ่อลง คิดไม่ถึงจริงว่าในเวลาสำคัญแบบนี้ เธอใช้อำนาจกับคนอื่นได้แค่ฉู่เฉินซีสามคำนี้
เฉินเห้าหมิงยังคงไม่สนใจ จับเข้าไปที่คางของเธอ หัวเราะเบาๆแล้วถาม “หรือว่าเธอสงสัยว่าทำไมถึงถูกฉันจับมาง่ายดายขนาดนี้?