บทที่ 121 มีลูกกับฉันมันทำให้เธอขายหน้าเหรอ
ฉู่เฉินซีมองเธอเงียบๆสักพัก ก็ยิ้ม ยืนมีไปลูบคลำที่เส้นผม รอยยิ้มแพร่กระจายเข้าลึกไปในดวงตา
“อย่าเอามือที่คุณจับสวิ่นเหินมาจับฉัน!”หลินเวยมี่หดถอยไปด้านหลัง สายตารังเกียจ ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนอันเดียวกันกับระหว่างเธอกับสวิ่นเหิน
ถึงแม้สำหรับเรื่องสำคัญพวกเขาจะเหมือนกัน แต่เธอก็ยังคงต่อต้าน
ฉู่เฉินซียิ้ม จับเข้าที่คางของเธอ พูดเบาๆ “อยากจะแงะสมองน้อยๆของเธอดูจริงว่าข้างในมีอะไรอยู่ ”
“ขี้เกียจสนใจคุณ!”หลินเวยมี่รีบเดินเข้าข้างในคฤหาสน์ อาหารมื้อนี้น่าผิดหวังที่สุด แล้วกลับมาก็มาโดนสวิ่นเหินทำให้ตกใจอีก ท้องยังร้องจนถึงตอนนี้
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทันทีที่ถึงบ้านก็หิวสุดๆ
เธอหยุดความคิดของเธอชั่วคราว บ้าน ทำไมถึงเรียกที่นี่ว่าบ้านได้?สายตาของเธอเย้ยหยันหนัก ที่นี่เป็นเพียงแค่ที่ที่ฉู่เฉินซีใช้บังคับเธอ
หรือว่าเธอยอมอยู่ใต้อำนาจเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนชินแล้ว?
“หิวแล้วล่ะสิ?ฉันทำอาหารให้ ”เขากอดเธอเบาๆจากด้านหลัง มือล้อมตัวเธอเป็นวง
“เธอวว่าเมื่อไหร่ที่นี่จะแอบมีตัวน้อยๆมาอยู่สักทีนะ?”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลอบอุ่น แต่สำหรับหลินเวยมี่เมื่อได้ยินกลับกลายเป็นว่าราวกับฟ้ามืดมัวสลัว
ร่างกายแข็งตึง สิ่งที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?เขาอยากให้เธอมีลูกงั้นเหรอ?
“พวกเราก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ทำไมถึงไม่มีสักทีนะ?”เขาถามอย่างกลุ้มใจ ลมหายใจร้อนผ่าวสาดมาที่ข้างหู “บอกฉันสิ ว่าทำไม ”
หลินเวยมี่สายตาหดเล็กลง หันมามองที่ฉู่เฉินซีอย่างงงๆ ยิ้มเย็นชา “ฉู่เฉินซี คุณอยากให้ฉันมีลูกให้คุณเหรอ?”
ถึงแม้ว่าการตอบสนองแบบนี้ของเธอจะเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ แต่ฉู่เฉินซีก็ยังรู้สึกปวดใจ
เธอไม่อยากมีลูกให้เขา เหยียดหยามกันมาก ในใจของเธอเขามันแย่มากเลยเหรอ?
“เธอไม่อยากได้เหรอ?”เขาเม้มปากถามกลับ
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้า เด็ก?ตอนนี้แค่คิดเธอยังไม่กล้าเลย ถ้ามีลูกเธอก็ต้องมีห่วง แบบนั้นแล้วเธอก็หนีจากปีศาจตนนี้ไม่ได้
กลัวว่าถึงตอนนั้นเขาก็จะเอาลูกมาใช้อำนาจกับเธอ ซึ่งมันก็น่ากลัวมาก
“เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันที่จะตัดสินใจได้!”หลินเวยมี่สีหน้านิ่ง หมุนตัวจะขึ้นไปข้างบน “ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่ทานแล้ว ”
ผลักประตู หลินเวยมี่คิวขมวดแน่น ยิ้มอย่างนิ่งๆ เธอรู้ ว่าที่ฉู่เฉินซีพาเธอไปต้องมีจุดประสงค์
ตอนแรกเข้าใจว่าจะไปหาเรื่องโจ่วลี่เฉียง ที่แท้สาเหตุก็เพราะเธอ
เปิดกล่องเครื่องประดับ ขวดเล็กๆนั่นไม่เจอตามที่คิดไว้ ข้างในคือยาคุมที่เธอซื้อไว้
แต่ ตอนนี้ควรคิดว่าจะจัดการฉู่เฉินซียังไง วิธีของเขามันบ้ามากเกินไปแล้ว ที่ไว้ตอนแรกว่าพอเวลาผ่านไปเขาก็จะเกลียดเธอ ตอนนี้มันไม่ได้อย่างนั้น
ฉู่เฉินซีเขาขาพาดไปขนโต๊ะชา ใบหน้าสบายๆ แต่สายตากลับจ้องจับอยู่ที่ขวดเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะชา
“เจ้านาย นี่คือที่ของที่ค้นได้มาจากคุณหลินครับ ”หยิ่งมองแล้วพูด
“เข้าใจแล้ว อ้านเย่ยังไม่กลับ?”เขาหยิบขวดเล็กๆขึ้น จับโยนเล่น
“ยังครับ เจ้านาย คุณทำแบบนี้เกรงว่ามันจะเป็นการยั่วโมโหสุนัขจิ้งจอกนะครับ ถึงตอนนั้นมันจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรานะครับ ”หยิ่งขทวดคิ้วพูด
ฉู่เฉินซีแววตาเย็นเฮียบ แล้วโยนขวดเล็กในมือลงถังขยะ
“เขาคิดว่าผู้หญิงของฉันน่ารังแกมากเหรอ?”
หยิ่งต้องการจะพูดอะไร มองเห็นใบหน้าที่โกรธจัดแต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา แต่ใบหน้านั้นกังวลสุดๆ
หลินเวยมี่อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ สิ่งที่เจ้านายทำอยู่ตอนนี้มันอันตรายมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเจ้านายต้องได้รับภัยเพราะผู้หญิงคนนี้แน่
โรงแรมห้าดาว โจ่วซินเดินก้มหน้าอย่า
กลุ้มใจไปที่ลานจอดรถ เปิดรถ ไม่ทันที่เธอจะตั้งตัว ก็ถูกชายสองคนจับเข้าที่ข้อมือ จับเธอยัดเข้าไปในรถ
“พวกนายเป็นใคร?”โจ่วซินถามอย่างกระวนกระวาย สายตาและสีหน้าบ่งบอกถึงความกลัว “พวกนายต้องการเงินใช่ไหม?ฉันจะให้!พวกนายอยากได้เท่าไหร่?”
ผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆเดินออกมาจากที่มืด เขาจ้องมาที่เธออย่างเงียบๆ สายตาเย็นชา มองอารมณ์ไม่ออก
“คุณโจ่วซิน ”อ้านเย่มองเธออย่างเย็นชา พูดนิ่งๆ “เจ้านายบอกว่าตบผู้หญิงของเขา ก็ต้องเอาคืนให้สาสม ”
โจ่วซินม่านตาหดลง สีหน้าหวาดกลัว “ตกลงพวกนายเป็นใครกันแน่ อย่าเข้ามานะ!”
“เปี๊ยะ”
ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าเธออย่างแรง มุมปากเธอมีเลือดออก
“อย่าตบฉัน ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
โจ่วซินตะโกนอย่างลนลาน แสบหูจนอ้านเย่ขมวดคิ้ว แล้วเทมือลงไปอย่างแรงอีกสองสามครั้ง แล้วจากไป
โจ่วซินล้มอยู่ข้างๆรถ ใบหน้าบวมจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง มุมปากมีเลือดเต็มไปหมด มีเสียงโอดโอยอย่างอิดโรยร้องออกมา
หลินเวยมี่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หวาย แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่เป็นสุขใจ โยนหนังสือไปอีกฝั่ง ความคิดที่จะหนีไปจากที่นี่ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ถ้าหากว่าเธอท้องขึ้นมาจริงๆ เธอก็จะหนีไปจากฉู่เฉินซีไม่ได้จริงๆ กลัวว่าหลังจากห้าปีสิบปีไป ฉู่เฉินซีจะเบื่อเธอ เธอเองก็จะแก่ไม่มีใครอยากได้
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจแล้วว่าจะตามที่เขาต้องการไม่ได้ อีกอย่างเรื่องของหลินจ่านหงเธอก็ยังหาความจริงไม่ได้ เธอถูกเขาล้อมอยู่ที่นี่ไม่ได้
เสียงประตูเปิดดังขึ้นข้างหู เธอหันไปมองฉู่เฉินซีแล้วขมวดคิ้วแน่น กังวลอยู่ในใจ
“ทานหน่อยไหม?”เขาถืออาหารอยู่ นำอาหารมาวางไว้โต๊ะเตี้ยๆ
“ไม่อยากทาน ”หลินเวยมี่ถอนหายใจ ยังไงก็คิดว่าฉู่เฉินซีน่ากลัว ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะถามเรื่องยาของเธอตรงๆ ไม่นึกว่าเขาจะทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไร
“ไม่ป้อนเธอให้อิ่ม แล้วเธอจะป้อนฉันให้อิ่มได้ไงล่ะ?”ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม “มาทานข้าว!”
ประโยคหลังมีแต่อำนาจ เธอไม่รู้จะขัดยังไง สุดท้ายก็ต้องยอม ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องทำไม่จำเป็นต้องฝืน
เดินมาที่ข้างๆเขา นั่งทานอาหารเงียบๆ ในใจคิดเรื่องหนีไม่หยุด
“ฉู่เฉินซี คืนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ”หลินเวยมี่ทานเสร็จก็บอกความรู้สึกเขาทันที
ฉู่เฉินซีมองเธอหน้าไม่เปลี่ยนสี ยิ้มเบาๆ “หลินเวยมี่ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เรื่องนี้ควรพูดให้ชัดเจน ”
“มีลูกกับฉันมันทำให้เธอขายหน้าเหรอ?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เขาก็ยังถามถึงเรื่องนี้ ทุกข์ใจ หันหน้าไปทางอื่น พูดนิ่งๆ “ฉันไม่ชอบเด็ก ”
“ฉันเลี้ยงเอง ”
เธอกัดฟันแน่น พูดต่อ “ฉันยังเด็ก อีกอย่างครอบครัวคุณก็ไม่อนุญาตให้คุณมีลูกไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่มีใครมาย่งกับฉันได้ หลินเวยมี่ เธอมีเหตุผลอะไรอีก?”เขามองเธอเหมือนมองเด็กขี้เหร่
หลินเวยมี่แหงนหน้า กำมือแน่น “ฉู่เฉินซี อยากมีลูกก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นให้เธอมีให้ ฉันไม่ยอมหรอกนะ!”
ฉู่เฉินซีมองหลินเวยมี่ที่เหมือนกับกำลังระเบิดอารมณ์แล้วก็ยิ้มกว้างที่สุด “เธอคิดว่าเธอบังคับได้เหรอ?”
เขาพูดจบ ก็ดึงเอวเธอแล้วเทลงบนเตียง เสียงเย็นถาม “หลินเวยมี่ เธอไม่มีสิทธิ์พูด ได้ยินไหม!”
หลินเวยมี่จ้องเขานิ่งๆ สายตาผิดหวัง ที่เขาพูดก็ไม่ผิด เธอก็แค่สัตว์เลี้ยงของเขา เขาต้องการให้เธอเป็นยังไงเธอก็ต้องเป็นแบบนั้น
ความคิดที่จะหนีไปจากที่นี่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เธอจะต้องหนีไปจากผู้ชายน่ากลัวคนนี้แน่!
แคว๊ก——
กระโปรงยาวถูกเขาฉีกออก เขากดลง ฉีกกระโปรงเธอขาดลุ่ย มองเห็นสายตาว่างเปล่าคู่นั้น สงสารขึ้นมาจับใจ แต่ไม่นานก็หายไป
เขารู้ว่าหลินเวยมี่หนักแน่นกับความรู้สึกมาก ใช้ลูกเพื่อให้เธออยู่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่อยากนั้นจะไม่มีวันได้ใจของเธอ
ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธยังไง เขาก็จะทำแบบนี้ ที่สำคัญแค่มีลูก เธอก็ได้ไม่ดูถูกชีวิตตัวเอง
เขาจูบลง ตีลงบนตัวเธออย่าถี่ยิบ
หลินเวยมี่หลับตาควบคุมตัวเองไม่ให้ตอบสนองกลับเขา ความโกรธแค้นในใจเพิ่มขึ้นช้าๆ เธอต้องหนีไปจากที่นี่แน่ แน่ๆ!
กลางมืดดำเต็มไปด้วยอากาศ บรรยากาศที่สวยงามภายในห้อง ทำให้คืนนั้นไม่หนาวนัก
โจ่วลี่เฉียงมองหญิงสาวอย่างกลุ้มใจ ใบหน้าแก่ดื้อลั้น ทันใดก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากลุ้มใจอย่างหนัก
“เขาตบลงได้ยังไง!จิตใจทำด้วยอะไร!”
กู้จุนเฟิงกับโจ่วชิงช๋วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล ไม่มีใครนึกถึงว่าฉู่เฉินซีจะส่งคนมาจัดการกับโจ่วซินแบบนี้
ถึงแม้ว่าโจ่วซินจะตบหลินเวยมี่ไป แต่การลงโทษของฉู่เฉินซีมันเกินไป สายตาต่ำลงมองหญิงสาวที่หน้าบวมไม่เป็นรูปเป็นร่าง ในใจอึดอัด
“ให้ตายสิฉู่เฉินซี!เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง!มี่มี่ก็ถูกเขาจับไปแล้ว ตอนนี้ยังมาจัดการกับพี่สาวที่ไร้ทางสู้อีก!”โจ่วชิงช๋วนพูดด้วยความโกรธ หันหลังเดินออกนอกประตูไป
กู้จุนเฟิงจับสกัดเขา ส่ายหัวไปทางเขา สื่อไม่ให้เขาทำอะไรบุ่มบ่าม
“นายยังกล้าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นให้ฉันได้ยินอีก!ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น พี่นายจะเป็นอย่างนี้ไหม?”โจ่วลี่เฉียงด่าด้วยความโกรธ
ตัวแข็งกลางอากศ โจ่วชิงช๋วนถอนหายใจ เหมือนอารมณ์เสีย
กู้จุนเฟิงแววตาเข้ม ความกังวลในสายตามากขึ้นเรื่อยๆ หรือที่ฉู่เฉินซีทำแบบนี้เพราะเพื่อแสดงว่าแคร์หลินเวยมี่?ตันไปหมด รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“มาพูดอะไรเหม็นๆฉันยิ่งไม่สบายใจ!ฉู่เฉินซีรังแกเยอะไปจริงๆ!”โจ่วลี่เฉียงสายตาโกรธแค้น กำมือแน่น “ในเมื่อยั่วฉันไม่หยุด งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องนิ่งชิน!”
“พ่อ พ่อคิดจะทำอะไร?”โจ่วชิงช๋วนขมวดคิ้วถาม “ไม่ว่าพ่อจะจัดการฉู่เฉินซียังไง อย่าทำร้ายมี่มี่เด็ดขาด เธอไม่เกี่ยว ”
“นายนี่มันหลงจนโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ!”โจ่วลี่เฉียงด่าด้วยความโกรธ “นายดูว่าพี่นายเจ็บจนแบบนี้แล้ว!ยังกล้าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอ!”
โจ่วชิงช๋วนต้องการเล่นลิ้นอะไรอีก แต่เพียงแค่เห็นโจ่วซินที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง คำที่ติดอยู่ลูกกระเดือกก็กลืนลงไป