บทที่ 125 กลับไปยังอดีตไม่ได้อีก
หลินเวยมี่มองเย่หนิง หรือว่าผู้กำกับคนนี้อยากที่จะใช้เย่หนิงเพื่อเป็นเครื่องมือปูทางกับฉู่เฉินซี?
เพียงแต่ว่านี่กลับเป็นจริงไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะหนีออกมาจากฉู่เฉินซี เธอก็ไม่อยากที่จะไปก่อเรื่องเขาอีก
” ผู้กำกับจาง จริงๆแล้วฉันไม่ได้รู้จักกับคุณชายฉู่ เขาเพียงแต่แค่จะมาตามหาเพื่อนของฉัน เรื่องนี้คุณมาตามเอากับฉันคงจะผิดคนแล้วล่ะค่ะ”เย่หนิงแสร้งยิ้ม ยกน้ำที่อยู่ตรงหน้าขึ้นจิบ
สีหน้าของผู้กำกับจางนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู แล้วพูดถามต่อว่า” งั้นหรอครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณชายฉู่นั้นอยากที่จะมาตามหาเพื่อนคนไหนของคุณกันแน่”
“อันนี้…. ฉันไม่สะดวกที่จะพูด”เย่หนิงขมวดคิ้วพูด ดูเหมือนว่าผู้กำกับจางจะยังไม่ตายใจ ในใจคงคิดว่าความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่เฉินซีนั้นจะมีความสนิทสนมกันเลยอยากที่จะเข้ามาข้องเกี่ยว
ไหนเลยจะรู้ว่าหลินเวยมี่นั้นอยู่ที่นี่แล้วยังคงหลบฉู่เฉินซีและเธอก็จะหักหลังหลินเวยมี่ไม่ได้
“อ่อ เพื่อนคนนี้ของคุณพบกันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นนะ หรือว่า….”นัยน์ตาของผู้กำกับจางเปล่งประกาย แล้ว ตรวจสอบมองอาการของคนทั้งสองอย่างละเอียด
หลินเวยมี่ก้มหน้าไม่พูด แต่เย่หนิงกับตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด
” ผู้กำกับจางล้อเล่นอะไรกันคะคนอย่างพวกเราจะไปมีสิทธิ์รู้จักกับคุณชายฉู่ได้ยังไง”เย่หนิงหัวเราะแห้งๆสองที สีหน้าไม่ธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด
” ไม่ทราบว่าคุณคนนี้ชื่ออะไร” สายตาของผู้กำกับจางตกมาอยู่ที่ร่างของหลินเวยมี่ ถามยิ้มๆ
ยังไม่ทันรอให้หลินเวยมี่นั้นได้ตอบ ประตูในห้องนั่งนั้นก็ถูกเปิดออก ผู้หญิงสามคนใส่เสื้อผ้าแฟชั่นสวมแว่นตาสีดำก็เดินเข้ามาอย่างกระฟัดกระเฟียด
“ดี จางฉินโฉ่ว ตอนนั้นพวกเราพูดไว้ยังไง ตอนนี้คุณอยากได้หน้าแล้วลืมหลังใช่ไหม?” หนึ่งในผู้หญิงที่ เป็นหัวหน้านั้นก็เข้ามา ยกแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะสาดเข้าไปที่หน้าของจางฉินโฉ่ว
จางฉินโฉ่วน้ำอะไรมาเยอะ แต่ก็ยังคงถูกท่าทางของพวกเธอทำให้ตกใจ นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นทำอะไรไม่ถูก และปล่อยให้เหล้าที่อยู่บนใบหน้านั้นหยดลงมาทีละหยด
“นี่ พวกคุณ…”
เย่หนิงอยากที่จะช่วยแต่กลับถูกหลินเวยมี่ดึงไว้
” พวกเรารีบไปกันเถอะ”
พวกเธอสองคนถือโอกาสที่วุ่นวายนั้นวิ่งออกมา จนกระทั่งออกมาจากร้านอาหารพวกเธอถึงโล่งใจ
หลินเวยมี่เม้มปากยิ้มแล้วเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากอดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า”เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหน้าตาดีในสตูดิโอนี้ที่ก่อหายนะจริงๆด้วย”
เย่หนิงมีสีหน้าเมินเฉยและยักไหล่”ปกติมาก มันแฝงไว้อยู่แล้ว ไม่งั้นทำไมพวกเธอถึงได้เป็นนักแสดงตัวหลักล่ะ”
คนทั้งสองเงียบสงบอยู่ชั่วครู่ เดินจูงมือกัน หลินเวยมี่ก้มหน้าจับมือของเย่หนิงแน่น
” เย่หนิง ฉันคิดว่าฉันควรจะไปได้แล้ว”
เธอเงยหน้ามองสีหน้าที่ไม่เข้าใจของเย่หนิง แล้วพูดต่อว่า” ฉันอยู่ก่อความวุ่นวายให้เธอที่นี่ไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าฉู่เฉินซีจะกลับมาก่อความวุ่นวายอีกเมื่อไหร่”
” เธอก็รู้จริงๆว่าฉันนั้นไม่กลัว”เย่หนิงจับมือของเธอแน่น พูดยักคิ้ว
หลินเวยมี่ส่ายหน้า” ความระแวงสงสัยของเขานั้นมีมาก บางทีอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้เธอ ฉันอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้”
เย่หนิงเห็นน้ำเสียงของหลินเวยมี่เด็ดเดี่ยว แล้วก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธอีกเลยทำได้แค่ตกปากรับคำเธอไป
เมืองเล็กๆบริเวณชายฝั่ง หลินเวยมี่คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะกลับมาที่นี่อีก แต่ว่าเธอก็ได้กลับมาแล้วจริงๆ สูดหายอากาศลมทะเลที่มีรสเค็มนั้นอารมณ์ก็ผ่อนคลาย
พอเดินเข้าไปข้างทางนั้นก็มีของกินเยอะแยะมากมาย เธอเดินไปที่บ้านของกู้จุนเฟิง ระหว่างทางก็บังเอิญพบกับคุณป้าที่เจอเมื่อครั้งที่แล้ว
” นี่เป็นภรรยาของจุนเฟิงไม่ใช่หรอ จุนเฟิงไม่ได้มาด้วยหรอหนู”
หลินเวยมี่หน้าแดง ส่ายหน้า” เขายุ่งอยู่นะคะ”
ในใจเหี่ยวเฉา กู้จุนเฟิงก็คงเดาไม่ถึงว่าเธอจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ มุมปากยิ้ม เธอไม่มีที่ไปจริงๆอีกทั้งที่นี่ยังคงเป็นที่ๆกู้จุนเฟิงนั้นอยู่มาหลายปี
ยังไงก็ตามเธอก็รู้สึกดีต่อที่นี่ กุญแจอยู่ในกระถางหน้าประตู เธอยื่นมือออกไปคลำก็เจอ
เปิดห้องแล้วมองดูเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ข้างใน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าทั่วร่างนั้นสงบลง
ทำความสะอาดแบบง่ายๆ แล้วจึงหรี่ตามองท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก หลายวันมานี้เธอนั้นนอนน้อยมาก อยู่ในสภาวะที่กลัวลนลานตลอดดังนั้นก็เลยนอนหลับได้ไม่ดี
ตกกลางคืนลมทะเลที่อยู่ข้างนอกก็พัด แต่คนที่อยู่บนเตียงนั้นไม่ง่วงและนอนฟังเสียงที่อยู่ด้านนอกอย่างสงบ
ในสมองอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงฉากที่อยู่ในสตูดิโอวันนั้นฉู่เฉินซีทรุดลงไปต่อหน้าเธอ ด้วยความอ่อนแอขนาดนั้นข้างหลังก็มีเลือดสดเต็มไปหมด
ความกังวลอดไม่ได้ที่จะทะลักเข้ามาภายในหัวใจ ดูเหมือนว่ารอยแผลของเขานั้นจะรุนแรง คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
เธอเกาหัวอย่างแรงแล้วย้อนคิดถึงหยิ่งกับอ้านเย่ที่อยู่ข้างกายเขาแล้วก็ยังมีหมอเซียวหย่า คงจะไม่เกิดปัญหาอะไรใหญ่หรอกมั้ง?
จะว่าไปต่อให้เธอนั้นมาปรากฏตัวจะทำอะไรได้เธอก็ไม่ใช่หมอ ช่วยอะไรไม่ได้เลย
ถอนหายใจเข้าลึกๆ เอาความกังวลกลั้นลงไปชั่วขณะ งอขารู้สึกถึงลมทะเลที่คำรามอยู่ข้างนอก
อากาศตอนเช้านั้นครึ้มเหมือนฝนเตรียมท่าจะตก เธอใส่กระโปรงยาวลวดลายดอกไม้เดินออกไปด้านนอกก็ให้รู้สึกหนาว
กำลังอยากที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องก็พอดีคุณป้าที่อยู่ด้านข้างห้องตะโกนเรียกเธอไว้”ภรรยาของบ้านจุนเฟิง นี่หนูจะทำอะไร”
หลินเวยมี่ฉีกยิ้ม ใบหน้าแดงแล้วเอ่ยปากพูดว่า” เดิมทีอยากจะออกไปซื้ออาหารแต่ว่าดูเหมือนฝนใกล้จะตกแล้วค่ะ”
” เข้ามาในบ้านป้าก่อน” คุณป้านั้นเดินเข้ามาอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอแล้วดึงเธอเข้ามาในห้อง
บ้านของคุณป้าสะอาดเธอนั่งลงบนเก้าอี้เล็ก มือนั้นถือปูชิ้นใหญ่ของคุณป้าก็ให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจนัก
“หนู จุนเฟิงน่ะลำบากมาไม่น้อย ตอนนี้เขาเพิ่งพาความสามารถของตัวเองทำให้มันเป็นจริงได้แล้ว ป้าเห็นป้าก็ดีใจ” คุณป้าถอนหายใจแล้วเอานมร้อนยื่นส่งให้เธอ
” คุณป้าคะ คุณป้าเล่าเรื่องของจุนเฟิงให้หนูฟังหน่อยได้ไหม”หลินเวยมี่รับนมร้อนมาให้รู้สึกอุ่นมือแล้วพลางถามขึ้น
” ป้าก็แค่ได้ฟังมานะ สำหรับฐานะของเขาทั้งหมดนั้นป้าไม่ได้รู้หมดทุกอย่าง ได้ยินมาแค่ว่าพ่อแม่ของเขาถูกพี่น้องวางแผนลอบทำร้ายเพื่อเอาทรัพย์สมบัติ ทำลายจนบริษัทนั้นล้มละลาย และเป็นหนี้สินมากมาย พ่อแม่ของจุนเฟิงไม่มีวิธีเลยทำได้แค่พาเขามาหลบที่นี่” คุณป้าถอนหายใจ รู้สึกปลงอย่างเห็นได้ชัด”ดีที่จุนเฟิงเด็กคนนี้มีความสามารถ ทำกิจการออกมาได้ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ก็คงพัง”
มือของหลินเวยมี่กำแน่น คิดไปถึงปฎิกิริยาของหลินจ่านหงหลังจากที่ได้เห็นจุนเฟิง แล้วยังมีคำพูดที่หลินจ่านหงพูดกับเธอก็จะตาย
หรือว่าเป็นหลินจ่านหงที่ทำลายครอบครัวจุนเฟิงจริงๆ?ในใจรู้สึกเย็นยะเยือกทันที ในสมองคิดไปถึงจุนเฟิงที่สายตาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มให้รู้สึกเจ็บปวดนัก
ตกลงว่าเขานั้นได้รับความเจ็บปวดมากมายเพียงใด ทุ่มเทไปเท่าไหร่ถึงจะเดินมาถึงวันนี้
เดินกลับมาถึงบ้านอย่างงงงวย รูปภาพผู้หญิงที่ยิ้มอ่อนโยนอยู่บนโต๊ะ ในใจก็เสียใจ
เธอไม่กล้าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง เป็นหลินจ่านหงที่ทำจริงๆหรอ ไม่น่าละตอนนั้นหลินจ่านหงไม่ให้เธอซักถามเรื่องราวทั้งหมด
เธอจินตนาการไม่ได้เลยจริงๆว่าหลายปีที่ผ่านมานี้กู้จุนเฟิงใช้ชีวิตอย่างไร พ่อของเธอทำลายครอบครัวของกู้จุนเฟิง
ในใจรู้สึกเสียใจ คิดไม่ถึงว่าหลินจ่านหงจะเป็นคนทำเรื่องนี้ทั้งหมด กู้จุนเฟิงจะเกลียดเธอขนาดไหน
ปวดใจจนทำอะไรไม่ถูก ทันใดก็ได้ยินเสียงฝนตกซู่ใหญ่อยู่ด้านนอก ทำไมอารมณ์ของเธอไม่มีทางเยียวยา
ตลอดมานึกว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บตลอด คิดไม่ถึงว่ากู้จุนเฟิงนั้นก็เป็นด้วย แล้วเธอจะชดใช้สิ่งนี้แทนหลินจ่านหงอย่างไร
หางตาค่อยๆบวม เธอเปิดหน้าต่างออก ลมข้างนอกพัดเอาฝนเข้ามาในทิศทางที่เธอเปิด เธอขดตัว อารมณ์นั้นสงบขึ้นมาบ้าง
เรื่องราวความเป็นจริงนั้นยากที่จะรับได้มากกว่าสิ่งที่จินตนาการไว้ แวบนึงก็เห็นโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้าง ในที่สุดก็โทรหากู้จุนเฟิง
“ฉันเอง”
ไม่รอให้กู้จุนเฟิงพูด หลินเวยมี่เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน ในใจไม่รู้ว่าควรถามกู้จุนเฟิงอย่างไรดี นี่คงเป็นบาดแผลในหัวใจเขา
“เธออยู่ตำบลเล็กชายฝั่งทะเลหรอ”กู้จุนเฟิงส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาแล้วตามมาด้วยเสียงปิดประตู แล้วพูดต่อว่า”รอฉันอยู่ที่นั่น ฉันจะไปหา”
วางโทรศัพท์ลง หลินเวยมี่มองไปข้างนอก ฝนนั้นได้ชำระล้างทุกสิ่งไป ถนนนั้นสะอาดอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่มีบางเรื่องที่พอทำพลาดไปแล้วก็ไม่มีโอกาสที่จะย้อนกลับมา
ก็เหมือนเธอกับกู้จุนเฟิง กลับไปเป็นเด็กไม่ได้อีกแล้วก็กลับไปยังอดีตไม่ได้อีก
เสียงเครื่องยนต์ได้ดังขึ้น เธอเงยหน้ามองคนที่มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ลมหายใจถี่
กู้จุนเฟิงไม่ได้กางร่มแต่วิ่งเข้ามา ในวินาทีที่เห็นหลินเวยมี่ บนใบหน้าก็ปรากฏความดีใจ
ในที่สุดเมื่อหลินเวยมี่เห็นกู้จุนเฟิงก็ตาแดง เห็นเขาแล้วก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรดี
“เสี่ยวชี ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่”เขาถามอย่างประหลาดใจระคนดีใจ สาวเท้าเดินเข้ามาแต่กลับรู้สึกว่าเสื้อผ้านั้นเปียกหมดแล้ว ยิ้มโง่ๆและไม่ได้เดินเข้ามาอีก
“ฉันไม่มีที่ไปก็เลยมาที่นี่”เธอถอนหายใจและไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก คำพูดนั้นจุกอยู่ที่ลำคอแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา
เห็นคราบน้ำที่อยู่บนพื้น เลยเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “เธอรีบไปอาบน้ำอุ่นเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”
กู้จุนเฟิงมองเธออย่างลึกซึ้ง ไม่มีความเห็นต่างอะไรเลย แล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้อง
หลินเวยมี่ได้ยินเสียงน้ำไหล จิตใจห่อเหี่ยว ไม่แน่ใจกับตัวเองว่าควรจะเอ่ยปากถามออกไปไหม ถ้าถามออกไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอจะไปไม่รอดหรือเปล่า
เสี่ยวจื๋อจะเกลียดเธอไหม
เพียงแต่แม้ว่าแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้ เขาจะไม่เกลียดเธออย่างนั้นหรอ
ความจริงก็คือความจริงไม่ว่าจะยังไงก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้และมันได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าเธอจะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่สามารถชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้
“เสี่ยวชี เธออยู่ที่นี่ตลอดเลยหรอ”กู้จุนเฟิงใช้ผ้าขนหนูเช็ดศีรษะแล้วพันผ้าเช็ดตัวเดินออกมา
หลินเวยมี่จ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง เงียบอยู่นานเลยเอ่ยปากถามขึ้นว่า”เสี่ยวจื๋อ เธอเกลียดฉันใช่หรือเปล่า”
กู้จุนเฟิงตกใจ สายตาปรากฏความลึกซึ้ง”เธอรู้อะไรเข้า”