บทที่139 ฉันจะทำให้เธออ้อนวอนฉัน
หลินเวยมี่ชักสีหน้า เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องระหว่างเธอและโจ่วชิงช๋วน แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย และเขามีสิทธิ์อะไรที่จะมาบงการว่าเธอควรแต่งงานกับใคร?
“ฉู่เฉินซี นายไม่มีอำนาจในการบงการฉัน!”
ฉู่เฉินซียิ้มมุมปากอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่สามารถหาความอบอุ่นจากตัวเขาได้ เพราะรอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงออกมาทางสายตา
เธอรู้สึกว่าอากาศในรถยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง และยังถูกเขาจ้องขนาดนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอิสระ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เธอกำลังอยู่ในอ้อมอกของเขา
อิริยาบถในตอนนี้ ทำเธออึดอัดใจไม่น้อย เธอจึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากเขา แต่ก็ไม่คิดว่า เขาจะเอาตัวเธอกลับมาได้เร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างพวกเขาสองคนกลับสนิทสนมกันมากกว่าเดิม
“ต้องทำยังไงถึงจะเรียกว่ามีอำนาจ?” เขาก้มหน้าและจ้องไปที่แววตาของเธออย่างหนักแน่น นัยน์ตาเขาแฝงไปด้วยความดูหมิ่น “จอดรถ!”
รถถูกจอดในทันที คนขับรถที่เข้าใจสถานการณ์ จึงลงจากรถไป ในรถเหลือแค่เพียงพวกเขาสองคน ยิ่งเขาปฏิบัติกับหลินเวยมี่แบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่
“ต้องให้ฉันสร้างความสัมพันธ์กับเธอก่อนใช่ไหม ถึงจะเรียกว่ามีอำนาจ?” แม้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลุ่มหลง แต่เมื่อหลินเวยมี่ฟังแล้วกลับไร้ความรู้สึก
“ฉู่เฉินซี นายอย่ามาทำซี้ซั้ว นายมีอานหยานแล้วนะ! เลิกยั่วโมโหฉันซะที!”
เธอตะโกนออกมาอย่างร้อนใจ ภาวนาว่าชื่ออานหยานนี้จะดึงสติเขากลับมาได้ แต่ผิดคาด หลังจากที่ฉู่เฉินซีได้ยินชื่ออานหยาน สีหน้าเขากลับอึมครึมกว่าเดิม
“หลินเวยมี่ เธอคิดว่าจะหนีพ้นหรอ? ชีวิตนี้ เธอเลิกคิดที่จะหนีซะ”
หลินเวยมี่ถอนหายใจอย่างเยือกเย็น สีหน้าแววตาที่ดูอ้างว้าง พลางตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง “ตอนแรกนายเป็นคนบอกฉันเองว่า นายปล่อยฉันแล้ว ! นายจะพูดจากลับกลอกแบบนี้ไม่ได้นะ!”
เขาแสยะยิ้มหนึ่งที ก่อนจะค่อยๆใช้มือปลดเนคไทออก และนำมามัดมือทั้งสองของเธออย่างเอื่อยเฉื่อย
“วันนั้นฉันพูดว่าจะปล่อยเธอไป แต่ไม่ได้หมายความว่า วันนี้ฉันจะปล่อยตัวเธอ”
หลินเวยมี่กัดฟันกรอด สีหน้าดูบูดบึ้ง เธอบ่นในใจ ผู้ชายเลวทรามแบบเขา! ทำไมต้องหยอกล้อเธอแบบนี้!
“ทำตัวได้อันธพาลสิ้นดี!”
“เชิญเธอด่าได้ตามใจชอบ”
เขาปลดคอเสื้อโดยไม่สนใจคำด่าของเธอ แผงอกอันแข็งแรงได้ปรากฏออกมา มือใหญ่ๆของเขาก็ดึงเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมอก และใช้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของเธอ
เขาแนบชิดกับใบหูเธอพลางพูดอย่างแผ่วเบา “ที่จริงแล้ว เธอชอบให้ฉันสัมผัสตัวเธอแบบนี้ ใช่ไหมหละ?”
หลินเวยมี่รู้สึกว่า ทั้งตัวของเธอไวต่อความรู้สึกนี้มาก เพียงเขาสัมผัสกับตัวเธอ เธอก็กังวลจนอยู่ไม่สุข
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ก็ทำให้เธอรู้สึกขวยเขินเข้าไปใหญ่ และเธอเองก็ค่อยๆหลอมละลายตาม
การสัมผัสที่โอนอ่อนตามเขา
เขาค่อนข้างรู้ดีว่าเธอไวต่อส่วนไหน ก็จะเอามือเธอไปสัมผัสตรงนั้นอย่างตามใจชอบ และเธอเองก็เก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ไม่ได้ และสติที่มีก็เลอะเลือนไปชั่วขณะ
เธอเกลียดตัวเองในสภาพนี้ แม้ในใจลึกๆอยากจะต่อต้านแค่ไหน แต่เธอได้ทำได้เพียงยอมรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“อยากได้ก็เร็วๆหน่อยสิ!” เสียงของเธอที่ฟังดูค่อนข้างนิ่งเฉย แต่สามารถรับรู้ได้ว่าลึกๆแล้วเธอหงุดหงิดแค่ไหน
มือของเขาชะงักงัน สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเฉยชา ไม่เลวเลย ผู้หญิงคนนี้ยั่วเขาให้โกรธได้สำเร็จอีกครั้ง
สายตาดุจสัตว์ป่าของเขาจ้องไปที่เธอ เขาปรับเบาะที่นั่งลง ทั้งสองเอนกายอยู่บนเบาะที่นั่ง หลินเวยมี่คร่อมอยู่บนตัวเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจ
คิ้วขมวดเป็นปมอันได้รูป แววตาที่สะท้อนออกมาถึงความรำคาญใจ เธออดไม่ได้ที่จะดิ้นให้หลุด เพราะมือทั้งสองข้างถูกเขามัดไว้เข้าด้วยกัน พยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
“หลินเวยมี่ ฉันจะทำให้เธออ้อนวอนฉันอย่างทุกข์ทรมาน เพื่อขอให้ฉันเอ่ยปากพูดว่าฉันต้องการเธอ”เขายิ้มมุมปากอย่างเลือดเย็น จากนั้นเขาก็สลับตำแหน่งขึ้นคร่อมเธอด้วยความรวดเร็ว
เธอมองดูสายตาเขาอย่างนิ่งๆ เธอเห็นตัวเองจากนัยน์ตาของเขา ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บนเบาะนั่ง ใบหน้าเล็กๆของเธอที่ดูซีดเซียว ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
”เลวที่สุด! ฉู่เฉินซี นายมันเลว อย่าซี้ซั้วทำนะ!” เธอตวาดใส่เขา มือของเธอชุ่มเหงื่อเพราะความตึงเครียด และเธอจะไม่มีวันยอมเห็นตัวเอง ในสภาพที่ถูกเขากลั่นแกล้งอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้
เธอรู้ดีว่า ขอเพียงแค่ให้เขาได้ยั่วยุตามใจชอบ ก็จะไม่มีแรงต่อต้านนั้นอีกต่อไป
“ซี้ซั้วทำ? นี่ไม่ใช่การซี้ซั้วทำครั้งแรกสักหน่อย หลินเวยมี่ เธอคงลืมรสชาติของฉันแล้วสินะ? “ เขาพูดอย่างเฉยเมย ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ช่วงเช้าที่โจ่วชิงช๋วนจูบเธอ เขาก็รู้สึกอิจฉาจนแทบจะคลั่ง ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ตามมาจับตัวเธอถึงที่นี่!
ฉู่เฉินซีจับผมของเธอไว้ เพื่อดึงเธอเข้ามา จากนั้น เขาก็จูบเธอแบบกัดริมฝีปาก เพื่อเป็นการทำโทษ เสมือนว่าเป็นการทำให้รสชาติของชายอื่นสิ้นสลายหายไป “นายมัน……”
ทันทีที่หลินเวยมี่กำลังจะเอ่ยปากว่า เขาก็ใช้โอกาสนี้ประกบปากเธออย่างดูดดื่ม ท่าทางบ้าคลั่งกวาดทุกลมหายใจของเธอ และเขาก็กลายเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้ายในชั่วพริบตา ที่พร้อมจะแย่งความหวานละมุนจากเธออย่างตามอำเภอใจ
“อื้อ……”เธอพยายามหลบหลีก แต่สู้กับความบ้าบิ่นของเขาไม่ไหว
ลมหายใจโอบล้อมทั้งสองคนไว้ ค่อยๆนำพาทั้งสองคนแนบชิดเข้าด้วยกัน แนบชิดเสมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เขาปล่อยตัวเธอ พลางก้มหัวและจ้องไปที่เธออย่างไม่ละสายตา ใบหน้าเล็กๆของเธอนั้นแดงระเรื่อดุจดอกท้อที่บานสะพรั่ง บวกกับเสียงลมหายใจที่ยั่วยวน
เพราะความบ้าบิ่นเมื่อครู่นี้ทำให้รีมฝีปากทั้งแดงและบวม กลีบปากชุ่มช่ำระเรื่อเสมือนคริสตัลที่วาววับ ยั่วยวนไปทุกขุมของประสาทสัมผัสของเขาอย่างเงียบๆ
“ฉู่เฉินซี! นายมันชั่วช้าที่สุด “เธอด่าเขาด้วยความโกรธ ประหนึ่งว่าการด่าเขาพอจะทำให้อารมณ์โมโหนั่นแผ่วลงได้บ้าง
รัศมีความโกรธแผ่ออกมาจากใบหน้าอันหล่อเหลาของฉู่เฉินซี เขาเอื้อมมือออกไปกดยังริมฝีปากสีแดงเล็ก ๆ ของเธอ พลางพูดอย่างแผ่วเบา “สิ่งที่พวกเรามีก็คือเวลาแห่งความสนุก”
“ฉันจะทำให้เธอต้องมาร้องขอฉัน เพื่อให้ฉันพูดเองว่า ฉันต้องการเธอ”
เขาเริ่มเผยความชั่วร้ายออกมา ทว่ารอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความหมายที่ตรึงใจ
หลินเวยมี่กัดริมฝีปาก และมองเขาด้วยสายตาที่ดูเย็นชา หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ เหมือนจิตใต้สำนึกของเธอสั่งการให้เธอกลั้นหายใจ ในใจค่อนข้างวิตกกังวล
“นายรับปากว่า นายจะปล่อยฉันเป็นอิสระ และนายก็มีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว ทำไมไม่ปล่อยฉันไปสักที? น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นัยน์ตามีละอองน้ำเอ่อล้นออกมา
“ความหมายของเธอคือ เธอแคร์เรื่องที่ฉันมีหญิงอื่นหรอ?” สายตาเขาดูฉงนใจ และยากต่อการคาดเดา พลางจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง
หลินเวยมี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และรีบชายตามองไปที่อื่น “ฉันไม่ได้แคร์นายเรื่องนี้! ฉันแค่อยากให้นายปล่อยฉันไปซะที ฉู่เฉินซี ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
ฉู่เฉินซีเม้มปาก สายตาที่คาดหวังกลายเป็นสายตาพิฆาตในทันใด ดีเลย ในเมื่อเธอไม่แคร์สักนิด ทำไมต้องตอบตกลงแต่งงานกับโจ่วชิงช๋วนหละ?
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ ความอิจฉาริษยาก็เข้ามาครอบงำเขาทุกโสตประสาท ทำเขาไม่สามารถไตร่ตรองในแง่ดีได้เลย
ยิ้มมุมปากของฉู่เฉินซีที่เฉยชาขึ้นเรื่อยๆ พลางใช้มือจับไปที่คอเสื้อของเธอ และพูดกับเธอ”หลินเวยมี่ เธอมักทำให้ฉันควบคุมความโกรธของฉันเองไม่ได้”
สีหน้าอันเฉยเมยของหลินเวยมี่ แววตาเศร้าสร้อยที่ทำได้เพียงปิดตาลงเพื่อยอมรับโชคชะตา สภาพเธอในตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้ความโกรธของฉู่เฉินซีปะทุขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แกล้งทำเป็นไม่สนใจหนะหรอ? ถ้าอย่างนั้น เขาก็มีวิธีที่จะทำให้เธอต้องร้องขอความเมตตาจากเขา
นิ้วมือที่เย็นเฉียบค่อยๆเลื่อนลงมายังเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยของเธอ เขาปลดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ และมือก็เลื้อยไปอยู่ด้านหลังของเธอ
เขาโยนเสื้อผ้าทิ้งลงข้างตัว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง
เขาก้มหน้าลงไปก็เห็นหลินเวยมี่ที่กัดฟันกรอด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกับความรู้สึกอันประหลาดนี้ได้ คิ้วนั้นผูกเป็นปม และดูไม่ได้กังวลกับความร้อนที่แผ่ออกมา
เขาชโลมจูบบนตัวเธออย่างนุ่มละมุน เสมือนหิมะที่ตกหนักในฤดูหนาวที่ตกใส่หน้าและค่อยๆจางหายไป แต่ยังคงความรู้สึกเย็นเล็กน้อยไว้
ยิ่งลงไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเหมือนเป็นการลิ้มรสอาหารชั้นยอด
“อ้า……”เสียงครางเบาๆ ทำเอาหลินเวยมี่หน้าแดง เพราะเธอเพิ่งจะส่งเสียงที่น่าละอายออกมา! จนกัดลิ้นตัวเองอย่างเต็มแรง และความเจ็บปวดนี้ก็เรียกสติเธอกลับมา
ฉู่เฉินซีไม่ได้ใส่ใจ เขาใช้มือเลื้อยลงไปด้านล่าง หลินเวยมี่รีบกั้นทาง ไม่ให้เขาสัมผัสส่วนนั้น
ทันใดนั้น ความรู้สึกที่เจ็บและเซียวซ่านั้น ทำให้เธอต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เธอกัดฟันแน่น พลางลืมตามองเขาอย่างเฉยชา ประกายแห่งความโศกเศร้าสื่อออกมาจากแววตาของเธอ “ฉู่เฉินซี!”
เสียงขู่ทำให้ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขากลับยิ้มด้วยความร้ายกาจ ไม่รอให้เธอพูดต่อ เขาก็สอดเข้าไปทันที
ความรู้สึกของการถูกบางอย่างค่อยๆรุกล้ำเข้ามา เธอหายใจเฮือกใหญ่ และจ้องเขม็งไปที่เขา พลางกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่ความเกลียดชังนั้นฝังลึกอยู่ในสายตาคู่นั้นของเธอ
“ถึงอย่างไร เธอก็เป็นผู้หญิง เรือนร่างของเธอยังซื่อสัตย์กว่าปากเธอเยอะเลยนะ”คำพูดของเขาทำหลินเวยมี่อับอาย หางตาชุ่มไปด้วยหยดน้ำ ค่อยๆรับรู้ถึงความรู้สึกที่เปรี้ยวฝาด เธอรีบหลับตาลง เพื่อไม่ให้เขาเห็นถึงความปกติของเธอ
จังหวะที่เธอหลับตาลง เธอก็รู้สึกว่าเรือนร่างของเธอขยายขึ้น และจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา
กายร้อนราวกับมีไข้ หากวัดระดับความร้อน ก็เสมือนปลาตัวหนึ่งตากแดดอยู่ริมหาด ที่อยากได้อะไรบางอย่างแบบฉุกละหุก
ลมหายใจของเฉินฉู่ซีเริ่มร้อนผ่าว เขารู้สึกถึงความสวยสดงดงามของผู้หญิงคนนี้ และเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมได้ขนาดนี้
เขาก้มหัวลง
หลินเวยมี่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง จึงรีบลืมตาขึ้นมา แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือน ท่อนล่างมีกระแสไฟแล่นเข้ามา จนเธออดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางออกมา
ทำไมเขาถึง……