บทที่ 150 ฉันต่ำต้อย แต่คุณสูงส่ง
เฉินเห้าหมิงมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย มือสองข้างล้วงกระเป๋า เดินไปทางหลินเวยมี่ช้าๆ ปากเอ่ย “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณจะเป็นห่วงเขา”
จิตสำนึกของหลินเวยมี่บอกให้หลีกหนีจากเขา แต่เขากลับจับข้อมือเธอเอาไว้ สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“ในใจของคุณตอนนี้มีเขาอยู่แล้วใช่ไหม?” สีหน้าของเขามืดมิดอ่านไม่ออก คล้ายกำลังหดหู่ และคล้ายโกรธเกรี้ยว
บรรยากาศหนักอึ้ง เขาค่อยเข้ามาใกล้ชิดเธอ เอื้อมมือมาจับคางเธอ กดดันเธอไปติดกับบันได
“คุณหลีกไปนะ!” จิตสำนึกสั่งให้หันหน้าไปด้านข้าง ไม่ยินยอมที่จะสนทนากับเขา แต่เมื่อคิดได้ว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นของฉู่เฉินซี ก็ไม่สามารถที่จะปล่อยไปได้
ในใจเธอโกรธมาก แต่ว่าก็จนปัญญา
“บอกผม ในใจของคุณให้ฉู่เฉินซีเข้าไปแล้วใช่ไหม?” เขาโน้มเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนรนอยู่ข้างแก้มของเธอ จนจมูกได้กลิ่นของน้ำหอม เหมือนกำลังหลงใหลในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
หลินเวยมี่ขยับไปด้านข้างไม่ได้ ท่าทางแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เฉินเห้าหมิงแทบจะกดเธอเข้าไปอีก แม้จะรู้สึกได้ถึงลมที่เบาอยู่ข้างหู
“ปล่อย!” เธอขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“หลินเวยมี่ บอกผมมา คุณรักฉู่เฉินซีแล้วใช่ไหม?” เขายังถามต่อ ราวกับว่าไม่เห็นท่าทางดิ้นรนของหลินเวยมี่
ใบหน้าที่หงุดหงิดของเธอ จ้องเขม็งไปที่เขา เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฉันจะรักใครมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? อย่ามายุ่ง!”
เฉินเห้าหมิงจ้องเขม็งไปที่เธอไม่กี่ครั้ง ยิ่งเพิ่มแรงกดเธอเข้าไปอีก ทั้งสองคนใกล้ชิดกันแนบแน่น มีเพียงเสื้อผ้ากั้นไว้ จนเขาสามารถรู้สึกถึงความดีงามของหญิงสาวได้
กลิ่นน้ำหอมกระจายไปสักพัก ทำให้เขาตกอยู่ในนั้นไปเรื่อยๆ และยังต้องการมากยิ่งขึ้น
เขาโอบเอวเธอไว้ ขยับแนบชิดเธอไม่หยุด
“ผมแค่อยากรู้”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว แววตามีความตื่นตระหนกแฝงอยู่ แต่ก็ได้แต่เก็บเอาไว้
“คุณคงไม่ได้รักฉันหรอกนะ?”
คำพูดของหลินเวยมี่ทำให้เฉินเห้าหมิงตกตะลึง แล้วเขาก็ยิ้มออกมา สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความลุ่มหลง หลังจากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของความเกียจคร้าน
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น?” เขาหัวเราะเบาๆ ใช้นิ้วไล้แก้มของเธอ เฉยคางของเธอขึ้นมาให้สบตากัน
หลินเวยมี่จ้องตาเขาตอบอย่างไม่กลัวเกรง สายตาเยียบเย็น
“ไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงได้ทำตัวไม่ชัดเจนกับฉัน?” แน่นอนว่าน้ำเสียงของเธอก็เยียบเย็น เหมือนว่าคาดเดาเจตนาของเขาได้แล้ว จึงพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดาย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยแม้แต่น้อย แต่ฉันเกลียดคุณมาก!”
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม” ไม่พูดอย่างไม่ใส่ใจ มือจับเอวของเธอ รู้สึกว่าเธอตัวแข็งเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต ก็ยิ้มอย่างอดไม่อยู่
“ไม่คิดว่าคุณจะไม่อยากรู้แล้วว่าฉู่เฉินซีถูกใครพาไปแล้ว?”
หลินเวยมี่มีสีหน้าแข็งค้าง พูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่คนของสถานีตำรวจหรือ?”
“คนของสถานีตำรวจสามารถทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ง่ายขนาดนั้น?” เขาถามกลับ มองตาใส
หลินเวยมี่มองเขา สายตามีร่องรอยของความสับสน ผ่านไปสักพักจึงถามออกมา “คุณต้องการอะไร?”
คิ้วของเขากระตุก ใบหน้าปกคลุมไปรอยยิ้มแฝงความนัย “มันเป็นธรรมดา”
มือของเขาขยับขึ้นอย่างช้าๆ เบนสายตาออกจากแสง
สีหน้าของหลินเวยมี่ตึงขึ้นมา ยกเท้าขึ้นมา แล้วเหยียบเท้าเขาหนึ่งครั้ง เขาถอยกลับอย่างรวดเร็ว ทำสีหน้าดูไม่ได้ ไม่ทันได้คิดว่าหลินเวยมี่จะเหยียบเขา
“ตัวแสบ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่อยากรู้แล้ว?”
หลินเวยมี่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นอะไร”
พูดเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่าง คล้ายว่าไม่กังวลอย่างไรอย่างนั้น มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ตัวเองดี เธอรู้สึกไม่สงบจริงๆ ในใจตึงเครียด
มีเพียงอย่างเดียวที่เธอชัดเจนดี เฉินเห้าหมิงไม่สามารถพูดในสิ่งที่อยากพูดได้ ดังนั้นเธอก็จะไม่ยอมเสียสละตัวเองแน่
มีเพียงทางเดียว นั่นคือรอข่าว รอฉู่เฉินซีกลับมา
บริเวณทางเข้า Elisปรากฏตัวพร้อมกับกอดแมวเปอร์เซียไว้ เธอยิ้มเหมือนไม่ยิ้มมองมาที่หลินเวยมี่ แล้วค่อยๆเดินมาทางเธอ
“ช่วยฉันอุ้มมันหน่อย” Elisออกคำสั่ง
หลินเวยมี่สีหน้าเย็นชา ตั้งแต่เด็กเธอกลัวสิ่งที่มีขนเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กลัวสวิ่นเหินขนาดนั้น
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ขยับ มองElisเงียบๆ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ”
แม้ว่าเธอจะพูดออกมาอย่างสงบ แต่เมื่อดูจากสายตาของElis หลินเวยมี่ต้องการปฏิเสธเธอ และต่อต้านเธอ
ความโกรธพุ่งขึ้นมา Elisสาวเท้าเข้ามา มองเธออย่างดูถูก “เธอมันก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ”
“แต่ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ!” พูดจบ เธอกับหมุนตัวออกไป ตอนนี้ไม่อยากทะเลาะกับElis
ใครจะรู้ เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว แขนก็ถูกจับเอาไว้ และมือของElisก็แข็งแรงมาก ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกเจ็บแขนเป็นอย่างมาก
“ห้าวหมิง ฉันเพิ่งเคยโดนปฏิเสธเป็นครั้งแรก รู้สึกไม่ถูกใจจริงๆ” Elisพูดอย่างเกียจคร้าน แต่ทว่าก็ฟังได้ไม่ยากถึงความเป็นศัตรู
และมือที่จับหลินเวยมี่ก็ยิ่งแน่นมากขึ้น คล้ายอยากจะให้แขนเธอหัก
หลินเวยมี่คิดไม่ถึงว่าแรงมือของElisจะมากขนาดนี้ ในเวลานั้นรู้สึกเจ็บแขนอย่างมาก ไม่มีทางที่จะสลัดหลุดได้เลย
“Elis ทำไมไม่บอกสถานการณ์ตอนนี้กับเธอ” เฉินเห้าหมิงยิ้มเมื่อเธอผ่อนแรงมือ ขยิบตาให้หลินเวยมี่
หลินเวยมี่ออกแรงนวดแขน อยากขึ้นไปชั้นบน แต่ก็โดน Elisจับเอาไว้
Elisทำสีหน้าไม่พอใจมองเฉินเห้าหมิง แล้วพูดอย่างเย็นชา “คิดไม่ถึงว่าคุณก็จะปกป้องเธอ?”
เฉินเห้าหมิงยักไหล่ “เปล่า คุณคิดมากไปแล้ว ผมไม่ได้ปกป้องเธอ”
Elis ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด และเอาแมวเปอร์เซียโยนใส่อ้อมแขนของหลินเวยมี่
หลินเวยมี่ตัวแข็งทื่อราวกับโดยไฟดูด ร้องตกใจ แล้วโยนแมวไปด้านข้าง
มองกระโดดไปอยู่บนชั้นวางเหล้าที่อยู่ด้านข้าง ตกลงพื้นแล้วชักไปหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
“พระเจ้า เธอทำอะไร!” Elisตะคอกเสียงหลง
หลินเวยมี่ทนกับอาการปวด มองแขน ที่โดนแมวข่วนเมื่อครู่ เธอถึงได้ทำแมวตกไป บนแขนมีรอยเลือดสามรอย
“พอเถอะElis แค่แมวตัวเดียว” เฉินเห้าหมิงตบไหล่Elisเพื่อปลอบใจ
Elisมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา จ้องเขม็งมาที่หลินเวยมี่ แล้วตีมือของเฉินเห้าหมิงออก สาวเท้าเข้าไปข้างหน้าของหลินเวยมี่
“เธอจงใจทำใช่ไหม?”
หลินเวยมี่มองตัวเองบาดเจ็บด้วยสายตาเย็นชา พูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่ เป็นมันที่ข่วนฉันเป็นแผล”
“เธอมันเป็นสิ่งที่ต่ำต้อย คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำแบบนี้กับแมวของฉัน” Elisยังพูดยิ่งโกรธ ยกมือขึ้นจะตบมาทางเธอ
เสียงตบดังขึ้น ฝ่ามือตกลงบนหน้าของเธอ เธอไม่ได้หลบ และยังคงมองอย่างไม่ใส่ใจ
“พอแล้ว! Elis” เฉินเห้าหมิงตะคอกออกมาหนึ่งคำ เข้าไปขวางหน้าElisเอาไว้ “ในเมื่อตบไปแล้ว ตอนนี้รีบไปดูแมวของคุณเถอะ ไม่งั้นก็ขอโทษเธอก่อนไหม?”
“ยังจะบอกว่าไม่ได้ปกป้องเธออีกหรือ ฉันตีแล้วก็คือตี ถ้าหากเฉินรู้เข้า ก็ไม่ว่าอะไรฉันแน่” Elisพูดเสียงเย็น เหมือนไม่ได้อารมณ์เสีย เฉินเห้าหมิงดันเธอไปอีกด้าน ยืนอยู่หน้าหลินเวยมี่
แก้มของหลินเวยมี่บวมขึ้นเล็กน้อย แต่เธอก็เย็นชาจนทำให้Elisโกรธอย่างไม่มีเหตุผล
ถ้าเป็นผู้หญิงปกติคงจะบ้าคลั่งไปแล้ว แต่เธอกลับไม่สนใจอะไร ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ทว่า ยิ่งแสดงออกแบบนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธ
“ทำไม ฉันตบเธอ เธอไม่โกรธงั้นหรือ?” เธอเข้าไปใกล้หลินเวยมี่ ถามเสียงเย็น
หลินเวยมี่เงยหน้าเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชา “ทำไมฉันจะต้องโกรธ เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนกับคุณ ถ้าคิดว่าจะทำให้ฉันขาดสติแบบนั้นได้ ช่างเด็กเสียจริง”
คำพูดของเธอคือน้ำมันที่ราดบนกองไฟ โดยเฉพาะน้ำเสียง ลักษณะคล้ายเสียงของเฉิน ทำให้Elisรู้สึกท้าทายยิ่งขึ้น
มองจากภาพรวม คล้ายว่าจะเป็นElisหาเรื่องผิด
เมื่อฟังจบสีหน้าของElisก็เปลี่ยนทันที ยกแขนขึ้นอีกครั้งเพื่อจะตบเธอ แต่ว่าครั้งนี้หลินเวยมี่จับข้อมือไว้ได้
“คุณหนูElisคะ ฉันสามารถอดทนกับคุณได้ครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอดทนกับคุณเป็นครั้งที่สอง คุณอย่าให้มันมากเกินไป”
“หึ เธอพูดแบบนี้กับฉันทำไม” สีหน้าของเธอคล้ำ ใบหน้าที่เดิมทีหวานสวยติดดุเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
ดวงตาของหลินเวยมี่หรี่ลง พูดอย่างเย็นชา “ฉันต่ำต้อย แต่ว่าคุณสูงส่งอย่างนั้นหรือ?”
“พวกเราล้วนเป็นคน แต่ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม อย่ามายุ่งกับฉัน” หลินเวยมี่พูดจบ ก็ปล่อยมือของเธอออก มุมปากยกยิ้มขึ้น
“เด็กที่นิสัยเสียล้วนใช้แต่กำลังแก้ไขปัญหาใช่หรือเปล่า?Elisฝ่ามือนี้ฉันจะจำเอาไว้” เธอพูดจบ ก็สาวเท้าเข้าไปในห้อง
Elisมีสีหน้ามืดครึ้ม ทุกคำพูดของหลินเวยมี่ล้วนกระแทกโดนสมองของเธอ ตอนที่อยู่ด้านหน้าของหลินเวยมี่ ราวกับว่าเธอกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยก้าวร้าวคนหนึ่ง
ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ ช่างเหมือนเด็กอนุบาล แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้ช่างน่าอึดอัด เธอต้องการทำให้หลินเวยมี่ไม่สบายใจ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบที่เธอพูดออกมา!
เฉินเห้าหมิงหรี่ตามองไปทางหญิงสาวที่เดินขึ้นชั้นบนไป สายตาเต็มไปด้วยความสนใจ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาตกใจมาก น่าสนใจมากจริงๆ
“เฉินเห้าหมิง คุณบอกใช่หรือเปล่าว่าพวกเราต้องเพิ่มเติมให้เรื่องราวสักเล็กน้อย?” Elisถามอย่างไม่ใส่ใจ
เฉินเห้าหมิงบิดมุมปากขึ้น พิงด้านข้างอย่างเกียจคร้าน พูดเสียงเบา “เพิ่มเติมอะไร?”
“ตอนนี้เฉินกำลังเอาใจใส่เธอมาก คุณบอกว่าจะต้องให้เฉินรู้ว่าผู้หญิงคนนี้นอนกับผู้ชายคนอื่น มันจะเกิดอะไรขึ้นกัน?จะถึงกับฆ่าผู้หญิงคนนี้ไหมนะ?” ดวงตาของเธอฉายแววมึนงง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยจนเห็นได้ชัดเจน
“Elis การที่คุณแสดงออกแบบนี้ทำให้ผมคิดว่าคุณกำลังหลงรักฉู่เฉินซีเข้าแล้ว นี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอกนะ” เฉินเห้าหมิงส่ายหน้าแล้วยิ้มอ่อน คล้ายไม่เห็นด้วย
Elisหัวเราะเบาๆ มือจับไหล่ของเขา มองด้วยดวงตาลึกลับ “หากว่า ตัวเอกคนนั้นคือคุณ คุณจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ไหม?”
เฉินเห้าหมิงกะพริบตาปริบๆ สายตาเต็มไปด้วยความสนใจ รอยยิ้มแปลกๆก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ในหัวคิดไปถึงเมื่อสักพักที่ทั้งสองคนเพิ่งใกล้ชิดกันมาอย่างแนบแน่น