บทที่ 148 ฉู่เฉินซีเป็นคนชั่วร้าย
สีหน้าของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก นั่งเก้าอี้เงียบๆ แม้จะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับกู้จุนเฟิง เขาบอกว่ามันไม่หนทางที่จะหยุดได้ คิดไม่ถึงเลยว่าทุกอย่างจะต้องดำเนินต่อไปแบบนี้งั้นหรือ?
“เสี่ยวชี อย่าใส่ใจเรื่องนี้เลย ใช้ชีวิตของเธอเองให้ดีก็พอแล้ว” กู้จุนเฟิงทำหน้าเศร้า ในตอนนี้อย่างเราเขาก็ไม่ยอมดึงหลินเวยมี่เข้ามาเด็ดขาด
หลินเวยมี่เงียบไปสักพัก แล้วเงยหน้าขึ้น ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “สิ่งที่ถูกเก็บไว้ภายในตู้เซฟของพ่อฉันมันคืออะไรกันแน่?”
“ผมไม่รู้” กู้จุนเฟิงส่ายศีรษะเล็กน้อย ถอนหายใจยาว
สีหน้าของหลินเวยมี่แข็งทื่อ ในเวลานั้นจิตใจก็นึกกระวนกระวายขึ้นมา แม้กระทั่งกู้จุนเฟิงก็ยังไม่รู้ว่าตู้เซฟเก็บอะไรเอาไว้ ที่สุดแล้วของสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
ใจซึมเศร้า หงุดหงิดอย่างรุนแรง จึงหยิบแก้วเหล้าด้านข้าง ดื่มเข้าไปอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา
รสร้อนแรงของเหล้าไหลจากลำคอลงไปถึงกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องที่อึดอัดอยู่แล้วยิ่งเจ็บขึ้นไปอีก
“เสี่ยวชี!” เขาเรียกชื่อเธอ แล้วดึงแก้วเหล้าออกไป “คุณดื่มมากไปแล้ว”
หลินเวยมี่ส่ายหน้า แล้วเรอออกมา จากนั้นจึงพูด “กู้จุนเฟิง คุณรู้ไหม นั่นเป็นของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายที่พ่อของฉันทิ้งไว้”
กู้จุนเฟิงตะลึงไปทั่วร่าง มองไปทางใบหน้าเล็กที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเจ็บปวด ในใจก็ราวกับโดนมีดเล็กๆ ทิ่มแทง ทำให้หัวใจเป็นแผลไม่หยุด
พ่อของเขาเสียไปแล้ว และพ่อของเธอเสียไปแล้วเช่นกันอย่างนั้นหรือ
“ฉันไม่โทษคุณ ฉันจะไม่ทาคุณจริงๆนะ” แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นพร่ามัว ยิ้มขึ้นมา “เป็นเพียงความไม่พอใจของฉัน ฉันแค่อยากรู้ ว่าพ่อของฉันได้เก็บอะไรไว้ให้ฉัน”
“เสี่ยวชี ผมขอโทษ” เขาจับมือเธอแน่น แม้จะไม่รู้ว่าควรพูดปลอบใจอย่างไร เอกสารนั่นเขาเอามาไม่ได้ เขาเห็นเพียงแค่ผู้หญิงคนนั้นเอากุญแจไป
“ฉันบอกแล้วว่าจะไม่โทษคุณ” เธอตบไปที่โต๊ะหนึ่งครั้ง ดวงตาชื้นมีน้ำตาไหลลงมา เพราะว่าดื่มเหล้าไปมากใบหน้าเล็กจึงแดงระเรื่อ
“เสี่ยวจื๋อ อยู่ที่นี่ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะถามคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม ถึงแม้ว่าชีวิตต่อจากนี้ไปจะไม่มีอะไรชัดเจน แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นคือครอบครัวของคุณถูกทำลายแล้ว” เธอหายใจเข้าทางจมูก สมองมึนไม่หมด ที่จริงก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังพูดอะไร
“ทั้งหมดนี้เป็นพวกเราที่ติดหนี้คุณ” เธอร้องไห้ขึ้นมา สีหน้ารู้สึกผิด
“เสี่ยวชี อย่าทำอย่างนี้” กู้จุนเฟิงดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน อย่างไม่รู้จะพูดปลอบโยนอย่างไร ในใจรู้สึกเจ็บปวด
เสี่ยวชีที่เป็นแบบนี้ เขาจะเกลียดลงได้อย่างไร ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าเรื่องจะจบลงอย่างรวดเร็ว เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีก
เธอเอนใบหน้าไปซบหน้าอกเขา น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด คล้ายว่าทำความผิดมามาก
กู้จุนเฟิงตบไหล่เธอเบาๆ สายตายิ่งฉายความกังวลมากขึ้น
“เสี่ยวจื๋อ จะทำอย่างไรดี ฉันจะต้องทำอย่างไรถึงจะชดใช้ให้คุณได้ ความขมขื่นของคุณ ความเจ็บปวด” เธอร้องไห้และถามด้วยเสียงแหบต่ำ “อย่าทำอะไรพวกเขา ฉู่เฉินซีจะทำร้ายคุณนะ”
“อย่ากังวล” เขาเม้มริมฝีปากไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเธออย่างไร
“ฉู่เฉินซี เป็นคนไม่ดี เขาจะทำร้ายคุณ” เธอพูดเสียงต่ำ สมองตีกันวุ่นวายเพราะแววตาที่ดุร้ายของฉู่เฉินซีที่ปรากฏออกมา
ผู้ชายที่ราวกับเป็นหมาป่า กู้จุนเฟิงไหนเลยจะสามารถเป็นคู่มือของเขาได้ ?
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงผม” กู้จุนเฟิงปลอบใจเธอ ภายในใจเจ็บอยู่สักพัก ที่จริงที่เธอมาในวันนี้ แค่เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาสู้กันเท่านั้นหรือ
แต่ทว่าก็ไม่มีความสามารถพอที่จะถอยกลับ ทำได้เพียงเดินต่อไปเรื่อยๆ เขาขึ้นบนหลังเสือแล้วยากที่จะลง เขาเองก็หวังว่าคงจะมีสักวัน ที่สามารถอยู่ด้วยกันกับหลินเวยมี่ได้ อยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่าย สร้างบ้านหลังเล็กริมทะเล มีเธอ มีเขา
หรือไม่ก็มีเด็กน่ารักๆ สักคน อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวตลอดไป
เพียงแต่ว่า ความฝันอย่างนั้นสามารถทำให้เป็นจริงได้หรือ?
เสียงประตูห้องชุดเปิดขึ้น ผู้คุ้มกันก็พากันกรูเข้ามา และประจำตำแหน่งของตัวเองทันทีเนื่องจากผ่านการฝึกมาอย่างดี พวกเขาล้อมเข้ามา
หลังจากนั้นฉู่เฉินซีก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าของเขาแลดูเกียจคร้าน และหรี่ดวงตาลง มองทั้งสองคนอย่างเฉยชา
อ้านเย่รีบลากเก้าอี้ด้านข้างมาให้เขานั่ง
ฉู่เฉินซีมองพวกเขาเงียบๆ เฝ้าดูพวกเขาสักพัก เริ่มพูดด้วยเสียงทุ้ม “นายกเทศมนตรีกู้คุณจะปล่อยผู้หญิงของผมได้หรือยัง”
กู้จุนเฟิงขมวดคิ้ว ก้มมองหลินเวยมี่ที่สับสนมึนงง สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ทำไม ปล่อยมาไม่ได้งั้นหรือ?” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ หนึ่งคำ สายตาฉายแววดูถูกออกมา
“แต่ว่านะ เธอไม่ใช่คนที่คุณสามารถโอบกอดได้”
สีหน้าของกู้จุนเฟิงเปลี่ยนทันที มือกำหมัดแน่น “จะใช่หรือ?”
“ทำไม? นายกเทศมนตรีกู้มั่นใจไปไหม?” จู่ๆ ฉู่เฉินซีก็ลุกขึ้น มองเขาด้วยท่าทางที่เป็นใหญ่
“มันต้องมีสักวัน ที่ผมจะชิงเธอกลับมาได้!” สายตาของกู้จุนเฟิงฉายแววโหดเหี้ยม พูดเสียงเย็น
ฉู่เฉินซีหัวเราะเยาะ มือใหญ่ดึงหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของกู้จุนเฟิงออกมา พูดอย่างเย็นชา “ผมจะไม่ให้โอกาสอะไรทั้งนั้นกับคุณ”
“เธอ คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้!”
ประโยคที่หยิ่งผยอง คล้ายจะบอกว่ามันเป็นสิทธิ์ของหลินเวยมี่
เพียงแค่สายตาคมมองคำพูดเขาอย่างตั้งใจ ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินเวยมี่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นอย่าได้คิดเพ้อเจ้อว่าจะได้เธอไป
เดินออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ออกมาจากห้องอาหารสีหน้าของเขาก็มืดครึ้ม รวมกับบรรยากาศมืดมิดจากภายนอก
หลินเวยมี่พูดกระทบ คิ้วขมวดแน่นขึ้น ดึงเสื้อของฉู่เฉินซี
ถามอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย “ฉู่เฉินซี คนนิสัยไม่ดี อย่าทำร้ายเขา”
“คนเลว เลวที่สุด”
ฉู่เฉินซีตัวแข็งทื่อ ก้มมองความวุ่นวายคนเมาอย่างหลินเวยมี่ สีหน้าแข็งทื่อ
ดีมาก ดีมาก นี่คือภาพลักษณ์ของเขาในใจของเธองั้นหรือ ในใจของเธอ เขาเป็นคนที่เลวร้ายขนาดนั้น ต่อให้เขาจะปกป้องเธอหลายครั้ง เปลี่ยนแปลงเพื่อเธอ แต่ภาพลักษณ์ของคนเลวก็หยั่งรากลึกไปแล้ว
เธอคงเกลียดเขามาก ต่อให้พยายามมากแค่ไหนเธอก็ยังคงใจแข็งและไม่มีหัวใจ
ต่อให้เขาควักหัวใจออกมาให้เธอดูจริง เกรงว่าเธอก็คงจะพูดว่ามันน่ารังเกียจ?
ทำไมเธอถึงได้โกรธคนขนาดนี้ได้ ทำให้เขาจนปัญญา
ใช้แรงพาเธอมาวางบนเบาะรถ เห็นเธอขดตัวอยู่บนเบาะรถ ก็อดไม่ได้ที่จะดึงเธอขึ้นมา
ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน มองใบห้าเล็กของเธอที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ดื่มเหล้าไม่ได้ก็ยังจะดื่ม งี่เง่า!”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ดึงคอเสื้อลงมา บ่นพึมพำ “อึดอัดจริงๆ”
“ยังรู้ว่าอึดอัด ลองดูว่าครั้งต่อไปเธอยังจะกินเหล้าอยู่ไหม!เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า” ฉู่เฉินซีพูดกลับเสียงเย็น ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ในมือถือถือผ้าขนหนูชุบน้ำ แก้มเธออย่างระมัดระวัง
หลินเวยมี่ลืมตามองอย่างมึนงง มองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เอ่ยอะไรท่ามกลางความมืดแล้วพูด “เสี่ยวจื๋อ เห็นหรือเปล่า นั่นคือเขา ฉู่เฉินซีคนเลว”
สีหน้าของฉู่เฉินซีมืดครึ้ม บีบผ้าขนหนูในมือแน่น สุดท้ายเสียงตบก็ดังขึ้นมาด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“หลินเวยมี่!” เขาเรียกชื่อเธออย่างคุกคาม
แต่ว่าหลินเวยมี่ในตอนนี้เมาอยู่จึงไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น คิดว่าคนที่อยู่ข้างกายคือกู้จุนเฟิง
“คุณคือคนเลว คุณรังแกเสี่ยวจื๋อของฉัน คุณห้ามรังแกเขา” มือเล็กของเธออดไม่ได้ที่จะตีไปทางเขา เพราะว่ามือไม่มีแรง ดังนั้นแรงที่ตีใบหน้าของเขาจึงอ่อนนุ่ม
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ก็ยังใช้นิ้วมือข่วนแก้มของเขาได้
“พอได้แล้ว!” ฉู่เฉินซีโกรธขึ้นมาขณะหนึ่ง โดยเฉพาะในตอนที่ได้คำพูดของเธอที่ปกป้องกู้จุนเฟิง ในใจก็ยังโกรธมากขึ้น
สุดท้ายแล้วก็ก็ร่วงลงไปบนเบาะรถ ตัวเธอขดเข้าหากัน(กอดตัวเอง) หางตามีน้ำตาไหลออกมา หลับตาพึมพำเสียงเบา “แต่ว่า ทำไมฉันถึงได้รักคนงี่เง่าพรรนั้นด้วย ทำไมกัน”
อ้านเย่เริ่มที่จะขับรถ ดังนั้นฉู่เฉินซีจึงไม่ได้ยินที่เธอพูด
“เจ้านาย หน้าของคุณ……” อ้านเย่มองไปที่เขาอย่างตกใจ แล้วก็มองไปที่ร่างของหลินเวยมี่ จึงทำหน้าเข้าใจ
ฉู่เฉินซีที่ทำหน้าหงุดหงิดใช้กระดาษทิชชูเช็ดเลือดที่อยู่บนหน้า แล้วหันไปมองหญิงสาวที่อยู่บนเบาะ ใบหน้าเล็กมีสีแดงเรื่อเต็มไปด้วยเหงื่อ ขมวดคิ้วแน่นคล้ายกำลังอดทนกับความเจ็บปวดอยู่
เอื้อมมือไปตบหน้าเธอ ถามเสียงเบา “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
หลินเวยมี่หลับตาแน่น กัดฟันพูด “เจ็บ……”
“เจ็บตรงไหน?” ฉู่เฉินซีร้อนรน รีบถาม
“ตรงนี้” หลินเวยมี่กุมบริเวณกระเพาะอาหาร แล้วพูดอย่างเจ็บปวด “มันเจ็บ เจ็บมาก”
“โทรศัพท์หาแพทย์ประจำตระกูล กลับบ้าน” ฉู่เฉินซีสั่งอย่างรีบร้อน
เมื่อกลับถึงบ้าน ฉู่เฉินซีอุ้มหลินเวยมี่เข้าไปภายในคฤหาสน์อย่างเร่งรีบ Elisที่สวมบิกินี่กำลังจะไปว่ายน้ำ เห็นฉู่เฉินซีดูรีบร้อน ก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามไป
“เฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” Elisตามไปถาม ตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนเขา สายตามีร่องรอยของความตกใจ
เธอรู้จักฉู่เฉินซีมาหลายปี ไม่เคยเห็นเขาตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะเยือกเย็นเสมอ และปกติก็ไม่บ่อยนักที่จะแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมา
แต่ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา?
ใจที่กระวนกระวายก็เย็นขึ้น คิดว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงกว่าที่เฉินเห้าหมิงบอกมาไกล คนอย่างฉู่เฉินซีทำไมถึงได้ชอบของเล่นได้กัน?
“เฉิน คุณกำลังทำอะไรงั้นหรือ เธอเป็นเพียงแค่ของเล่นนะ หรือคุณจริงจัง” Elisยังไม่เชื่อ จึงดึงแขนเขาเบาๆ
ฉู่เฉินซีหันศีรษะกลับมา ดวงตาฉายแววดุร้ายและโกรธเกรี้ยว พูดเสียงเย็น “หลีกไป!”
พูดจบก็รีบวางเธอบนเตียงนอน เอ่ยเสียงต่ำกับหมอข้างกาย “เมื่อเช้าเธอไม่ได้ทานอะไรแล้วยังดื่มเหล้า ตอนนี้ปวดท้อง มีวิธีไหนที่ทำให้เธอไม่ปวดไหม?”
เขาก้มลงไปมองหญิงสาวที่เจ็บจนต้องขดตัว แม้กระทั่งหายใจยังเกร็ง
หมอจ่ายยาอย่างระมัดระวัง “ยาจะออกฤทธิ์ภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมงถึงจะเห็นผล”
“อะไรนะ ต้องรอครึ่งชั่วโมงหรือ?” น้ำเสียงที่รุนแรงของฉู่เฉินซีดังขึ้นมา แล้วในช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงนั้นเธอจะเป็นอย่างไร? ต้องทนปวดตลอดหรือ? หญิงสาวคนนี้หวาดกลัวความเจ็บปวด เธอจะสามารถทนได้อย่างไร?
“สิบห้านาที! อย่างช้าที่สุดภายในสิบห้านาทีต้องทำให้เธอหายปวด ถ้าไม่อย่างนั้น คุณก็ออกไปให้พ้นหน้าผม!” ฉู่เฉินซีข่มขู่ออกมา