รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน – ตอนที่ 159

ตอนที่ 159

บทที่159 ไม่สามารถพูดถึงได้

และเธอเองก็ไม่สบายใจ เธออยากรู้ สำหรับฉู่เฉินซีระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้นเขารักใครกันแน่

ฉู่เฉินซียกยิ้มมุมปาก เอื้อมมือไปบีบจมูกของเธอ “เลิกพูดถึงคนอื่นกันเถอะ”

หลินเวยมี่รู้สึกหนาวใจขึ้นมาดื้อๆ ความรู้สึกที่ไม่มั่นใจในตัวเองเริ่มกลับมาอีกครั้ง สุดท้ายกลายเป็นว่างเปล่า

เธอลุกออกจากอ้อมกอดของเขา เดินไปตรงหัวมุมของเรือ ยืนมองดูทะเลเงียบๆ

สายลมพัดมา เธอสูดลมหนาวเข้าไปเต็มๆ จนเธอจาม

จู่ๆ เธอก็รู้สึกอุ่นขึ้นมา หันไปก็เห็นเขาห่มเสื้อกันหนาวเพิ่มให้เธอ

แววตาของเขานิ่งเฉยไร้ความรู้สึก

“หิวมั้ย ฉันไปตกกุ้งให้”

พูดจบเขาก็เดินไปหยิบเบ็ด เหยื่อ แล้วก็เดินไปยืนตกเงียบๆ คนเดียว

เธอนั่งมองเขาเงียบๆ ความจริงเมื่อกี้เธอไม่น่าพูดถึง “เธอ” ไม่งั้นค่ำคืนที่สวยงามแบบนี้ก็คงไม่กลายมาเป็นแบบนี้แบบนี้ ทำเสียบรรยากาศหมด

เธอเดินเข้าไปนอนลงใกล้ๆ เขา เงยหน้ามองดูพระจันทร์ แล้วเอ่ยพูดขึ้น

“ฉู่เฉินซี ฉันขอโทษ ฉันจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของ “เธอ” อีก”

ฉู่เฉินซี เงียบไปสักพัก แล้วหันไปมองหน้าเธอ ใบหน้าที่นิ่งเฉยของเธอ เป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันซับซ้อนมาก ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ควรจะอธิบายให้เธอเข้าใจยังไง”

หลินเวยมี่พยักหน้ารับรู้ ไม่ไปพูดถึงเรื่องนี้อีก และรู้สึกเหมือนกับว่าความรู้สึกที่ไว้ใจซึ่งกันและกันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมั้ย เพราะเธอเองก็ยังมองไม่เห็นอนาคตของพวกเขา สิ่งที่เธอทำได้คือทำตอนนี้ให้ดีที่สุด ใช้ทุกๆ วันให้มีคุณค่าที่สุด

“พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้ว” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

หลินเวยมี่ตกใจอึ้ง แต่ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด “จะกลับมาเมื่อไหร่”

“ไม่แน่ใจ” แล้วเขาก็หันไปตกกุ้งต่อ

หลินเวยมี่เริ่มรู้สึกหวิวๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ในหัวเหลือเพียงคำพูดสุดท้ายของเขา เขาจะกลับแล้ว และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาทิ้งเธอไปแล้ว

เธออยากจะถามเขาไปตามตรงๆ ว่าพวกเธอเป็นอะไรกัน เป็นแฟนกันหรือไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น

แต่เธอก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่าคำตอบที่ได้จะทำให้เธอผิดหวัง เธอกลัวมากกับคำตอบที่ไม่มีทางแน่นอนแบบนี้

“ฉันจะรีบกลับมา เพราะเรื่องของโจ่วลี่เฉียงยังจัดการไม่เรียบร้อย” เขาถอนหายใจ หลังพูดจบเขาเพิ่งรู้สึกว่ามันค่อนข้างทำร้ายจิตใจคนฟัง เขารีบหันไปมองหน้าเธอ เธอกำลังผิดหวังอยู่จริงๆ

“คุณกลับมาแค่เพียงเพราะเรื่องของโจ่วลี่เฉียงหรอ” เธอถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ไม่ใช่” ฉู่เฉินซี ยกยิ้มมุมปาก เอื้อมมือไปจับแก้มเธอ “ฉันคงคิดถึงตัวเธอแย่เลย”

หลินเวยมี่หันไปมองแรงเขา แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

เธอพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆ อารมณ์ของเธอจะขึ้นอยู่และเปลี่ยนแปลงกับคำพูดของเขา

เช้าวันต่อมา ทั้งคู่นอนกอดกันแน่น เขายกมือไปบีบจมูกเธอ แล้วดึงผ้าห่มไปห่มให้เธอ เขาหันเรือขับกลับไปทางเดิม

หลินเวยมี่เงยหน้าไปเอ่ยถามเขา “คุณบินไฟล์ทกี่โมง”

“สิบโมง”

เธอนั่งเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ

มีลูกน้องมากมายกำลังยืนรอพวกเขาอยู่ท่าเรือ

ฉู่เฉินซีเดินจูงมือเธอขึ้นฝั่ง แล้วหันมาบอกเธอ “เวยมี่ เธอกลับไปก่อน”

หลินเวยมี่พยักหน้า มองหน้าเขานิ่งๆ อยู่สักพัก แล้วจึงเดินขึ้นรถไป

ทางกลับบ้าน ในใจเธอรู้สึกหวิวๆ เหมือนทำของบางอย่างหายไป หลังจากกลับถึงบ้าน เธอยิ่งรู้สึกในใจว่างเปล่า เพราะที่บ้านไม่มีใครเลย

ถึงแม้คนรับใช้และบอดี้การ์ดจะอยู่ครบ แต่ใจเธอก็ยังรู้สึกหวิวๆ อยู่ดี

เธอยืนเงียบๆ อยู่ตรงระเบียง ใบไม้ร่วงลงทุกๆ วัน เธอใช้ชีวิตเงียบๆ ไปวันๆ หนึ่งเดือนแล้วที่เขาไม่กลับมา

หลังจากวันที่แยกจากกันวันนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แม้แต่ทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้ติดต่อกัน

หลินเวยมี่ถอนหายใจ หยิบเสื้อไหมพรมมาใส่แล้วเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้ปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศยิ่งอยู่ยิ่งหนาว

เธอต่อรถไปร้านขายหนังสือ ตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่ไม่สนใจโลก ไม่พูดคุยหรือยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น

เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ จู่ๆ ก็มีคนมายืนบางแสงแดดของเธอ มีเงามืดๆ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้ามอง ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง

ผู้ชายคนนี้มีผมสีแดง ใส่ตุ้มหู เป็นคนที่เต็มไปด้วยความดุร้าย อันตราย

พอเห็นสายตาของเขา เธอมีความรู้สึกเหมือนเขาคล้ายๆ ฉู่เฉินซี เธอมองเขาด้วยความงง และเริ่มรู้สึกกลัว

“ฉันตามเธอมาหลายวัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาคนเดียวแบบนี้” เขายกยิ้มมุมปาก เขายกมือไปขวางเธอเอาไว้ เหมือนกลัวเธอจะหนี

“คุณเป็นใคร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เป็นผู้ชายที่สนใจเธอ” เขายกมือไปจับไหล่เธอ “จะไปกับฉันเงียบๆ หรือจะให้ฉันออกแรงบังคับ เลือกมา”

“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”

พูดจบ เธอก็รู้สึกเจ็บที่ท้ายทอย แล้วหมดสติไป

พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าอยู่บนรถแล้ว เธอตกใจดิ้นด้วยความกลัว และก็พบว่ามือและเท้าของเธอถูกมัดเอาไว้แล้ว

“อยู่เฉยๆ ไม่งั้นเธอได้เจ็บตัวแน่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เขาเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาเป็นอะไรกับฉู่เฉินซีกันแน่

“ที่จริงฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมน้องชายของฉันถึงแคร์เธอนักหนา” เขาเอื้อมมือไปบีบคางเธอ แล้วส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ

จากที่ฟังเขาพูดมา เขาน่าจะเป็นพี่ชายรองของฉู่เฉินซีซินะ

ไม่งั้นหน้าตา แววตาคงไม่เหมือนกันมากขนาดนี้

“ฉันสงสัยมาก อะไรคือเสน่ห์ของเธอ” เขาส่ายหัว ใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู

มองไปสักพัก เขาก็เอ่ยพูดขึ้น “แต่ต้องยอมรับว่าน้องชายฉันฉลาดมาก เขารู้จักหาผู้หญิงที่คล้ายเธอมาหลอกตบตาพวกฉัน ดูจากท่าทางของเขาแล้ว มันคงเป็นห่วงเธอมากและเธอคงเป็นคนสำคัญของมันจริงๆ”

“แต่ฉันอยากรู้จริงว่ามันจะเป็นห่วงเธอมากกว่า หรือจะเป็นห่วงฐาลี่มากกว่ากัน แต่เธอไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวเราก็ได้รู้คำตอบเอง”

หลินเวยมี่จ้องหน้าเขา เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ เขาจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับฉู่เฉินซีหรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเป็นภาระของเขา

“ฉันยังไม่ได้บอกเธอเรื่องชื่อฉันใช่มั้ย ฉันชื่อฉู่เฟยหยาง” เขายกยิ้มมุมปาก แล้วออกแรงบีบแก้มเธอ จนแก้มของเธอแดง

“จำเอาไว้ให้ดี”

เธอถูกปิดปากเอาไว้แน่น ไม่สามารถส่งเสียงร้องอะไรได้

เขาพาเธอมาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง

“ใช่สิ เธอคงคิดถึงมันมากสินะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเธอก็จะได้เจอมันแล้ว”

หลินเวยมี่ตกใจอึ้ง ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอไม่ต้องไปให้เขาเห็นหน้าเลยจะยิ่งดี

หลังจากลงจากเครื่องเธอก็ถูกพาขึ้นไปบนรถคันหนึ่ง

“คงต้องให้เธอพักหายใจหน่อย” เขาพูดยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือไปแกะผ้าปิดปากของเธอออก

“ฉันพาเธอไปเจอมันดีมั้ย”

“คุณปล่อยฉันนะ คุณต้องการอะไรกันแน่ ฉันไม่ต้องการเจอเขา” เธอตะโกนถามเขาเสียงดัง

“ชู เบาๆ อย่าส่งเสียงดัง เดี๋ยวถ้าเกิดมันจับได้ขึ้นมา เธอกับฉันเราจะลำบากด้วยกันทั้งคู่”

ในห้องอาหาร มีช่องสามารถมองเห็นห้องอาหารอีกห้องที่อยู่ติดกันได้อย่างชัดเจน

ฉู่เฟยหยางจัดเก้าอี้เธอให้หันไปทางช่อง เพื่อให้เธอเห็นอีกห้องได้ชัดเจนขึ้น

“ไง อย่าส่งเสียงดัง เดี๋ยวพวกเขาก็มาถึงกันแล้ว”

พอเขาพูดจบ เสียงเปิดประตูข้างห้องก็ดังขึ้น หลินเวยมี่ตกใจตาโต สองคนที่เดินเข้ามาและหนึ่งในนั้นเป็นฉู่เฉินซี คนที่เธอไม่ได้เจอมาหนึ่งเดือน

เขานั่งลงตรงเก้าอี้ที่หันหลังให้กับพวกเธอพอดี และทำให้เธอได้เห็นความจริง

ผู้หญิงที่เข้ามากับเธอ ใบหน้าสวย ท่าทางแพง ดูเป็นผู้ดีมาก

เห็นดังนั้นเธอก็พอจะเดาได้ เธอคงเป็นผู้หญิงที่ชื่อฐาลี่ และคงเป็นรักแรกพบของฉู่เฉินซีสินะ

และต้องบอกเลยว่าฐาลี่เป็นผู้หญิงที่สวยแพงดูเหมาะกับเขามาก จู่ๆ เธอก็รู้สึกสมเพชตัวเอง

“เฉิน ทำไมถึงไม่กินที่บ้านล่ะ ฉันทำให้คุณกินก็ได้” ฐาลี่เอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“อ่อ” เธอยกยิ้ม อยู่ๆ ก็เดินเข้าไปหาเขา “คืนนี้ไปห้องฉันมั้ย วันนั้นคุณบอกว่าห้องนอนฉันสวยอยู่เลย”

เธอยิ้มหวาน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ทั้งสองจูบกันอย่างร้อนแรง

หลินเวยมี่หลับตาลง รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

Status: Ongoing

หลินเวยมี่ดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วก็เมามาย เธอผลักประตูเดินเข้าไปในห้องของโรงแรม เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลที่เข้มลึกนั้น ฉู่เฉินซีรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ ก้มหน้าลงแล้วจูบเธอเบาๆ ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเขาก็เริ่มเกี่ยวพันกัน……….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท