บทที่161 ไม่มีทางที่จะได้รังแกผู้หญิงของฉันได้ง่ายๆ
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นไปจ้องหน้าเขา แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณฉู่ แผนคุณไม่มีทางสำเร็จหรอก”
“งั้นหรอ เธอหมายความว่าฉันไม่รู้จักน้องชายฉันดีงั้นหรอ” เขายกยิ้มมุมปาก แล้วส่ายหัว
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม เขาพูดถูก ดูจากนิสัยของฉู่เฉินซีแล้ว เขาต้องมีเรื่องชกต่อยกับฉู่เฟยหยางแน่นอน
“ฉู่ชิ่งเจ๋อ คุณมันก็ดีแต่เอาผู้หญิงมาเป็นเครื่องมือ น่าสมเพชที่สุด”
ฉู่ฉิ่งเจ๋อนิ่งไปสักพัก กำแก้วในมือไว้แน่น แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “แล้วไง”
หลินเวยมี่หายใจเข้าลึกๆ พยายามหักห้ามอารมณ์เอาไว้ รอบข้างคนเริ่มทยอยเข้ามานั่งกันเกือบจะเต็มแล้ว เป็นงานเลี้ยงที่ค่อนข้างเงียบเหงา
“เฉิน ทำไมเพิ่งมาล่ะ”
ไม่รู้ใครเป็นคนเอ่ยทักขึ้น หลินเวยมี่กำมือไว้แน่น ไม่กล้าเงยหน้ามอง
“มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยน่ะครับ” ฉู่เฉินซีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“คุณลุง ยิ่งอยู่ยิ่งหนุ่มนะคะเนี่ย” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น หลินเวยมี่อดใจไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง ฉู่เฉินซีพาฐาลี่มาร่วมงานเลี้ยงบ้านงั้นหรอ
ฐาลี่มาในฐานะอะไรล่ะ คู่หมั้นของเขางั้นหรอ เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาดื้อๆ
“ปากหวานจังเลยนะหนูถ่าลี่ สมกับเป็นคู่หมั้นของเฉินเลย”
หลินเวยมี่ตกใจอึ้ง เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ด้วย เธอเป็นคู่หมั้นของฉู่เฉินซี
ฉู่เฉินซีเดินจูงมือฐาลี่เข้ามานั่งที่โต๊ะ สายตาก็สะดุดเข้ากับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ เขาตกใจ แต่ก็พยายามทำตัวปกติ สักพักก็หันไปพบกับสายตาที่ฉู่ชิ่งเจ๋อจับจ้องเขาอยู่
“เฉิน คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ฐาลี่เอ่ยถามเขา
ฉู่เฉินซีทำตัวไม่รู้ร้อน แล้วนั่งลงข้างๆ หลินเวยมี่
จู่ๆ ก็มีคนมากุมมือเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาจับมือเยือกเย็นของเธอไว้แน่น เหมือนกำลังมอบพลังให้เธอ
“แกไม่รู้สึกว่าแฟนของหยางหน้าตาคุ้นๆ หรอ” เขาเอ่ยถามขึ้น
ฉู่เฉินซีตกใจ หันไปมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ถึงเขาจะรู้สึกไม่พอใจมากแค่ไหน ก็คงมาปล่อยที่นี่ไม่ได้
“พี่หมายความว่ายังไง”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของหลินเวยมี่ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยแววตาที่เต้มไปด้วยความคิดถึง
ฐาลี่เห็นท่าทางของทั้งคู่แปลก เธอจึงหันไปมองหน้าหลินเวยมี่ด้วยความสงสัย
“ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าหน้าตาของเธอคล้ายกับผู้หญิงที่พ่อเคยพากลับมาด้วยครั้งก่อนน่ะ” ฉู่ฉิ่งเจ๋อยกยิ้มมุมปาก
หลินเวยมี่ออกแรงกุมมือเขาไว้แน่น กลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น
“หรอครับ ทำไมผมไม่รู้สึก”
“เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับคุณชายสาม ถ้าเกิดคุณจะรู้สึกแปลกตาก็คงจะไม่แปลกหรอกคะ” หลินเวยมี่รีบพูดขัดขึ้น พยายามไม่ให้คนอื่นจับได้
ฉู่เฉินซีหันไปมองหน้าเธอด้วยแววตาสงสาร ออกแรงบีบมือเธอแน่นขึ้น
หลินเวยมี่ผู้หญิงที่ไม่เคยยอมใคร กลายเป็นคนที่ยอมเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง
“ที่รัก เธอคงยังไม่รู้จักคู่หมั้นของน้องชายฉันสินะ” ฉู่เฟยหยางเอ่ยพูดขึ้น แล้วแนะนำหลินเวยมี่ด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มชอบใจ
สีหน้าหลินเวยมี่เปลี่ยนไป เธอหันไปมองหน้าฐาลี่ พยักหน้าทักตามมารยาท
“เธอคงไม่รู้สินะ ตอนนั้นน้องชายฉันตามจีบเธออย่างเอาเป็น…..”
“พี่รอง” ฉู่เฉินซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ”
หลินเวยมี่ถอนหายใจออก ตัวแข็งทื่อ ในใจรู้สึกสับสน ไม่รู้จะทำยังไง นั่งฟังอยู่เงียบๆ
“มันก็จริง ในเมื่อตอนนี้พวกแกก็รักกันแล้ว เรื่องในอดีตก็คงไม่ต้องพูดถึง” ฉู่เฟยหยางพูดเสร็จก็ขยับเข้าไปใกล้เธอ
หลินเวยมี่อยากขัดขืน แต่กลับถูกเขากอดไว้แน่น
“ทำไม ทนฟังไม่ได้หรอ สีหน้าเธอดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ”
เขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ มีเพียงเธอกับเขาได้ยินกันสองคน แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนทั้งคู่กับหลังหวานกันอยู่
ฉู่เฉินซีพยายามห้ามใจตัวเองเอาไว้ เขาจ้องหน้าฉู่เฟยหยางไม่วางตา เขาใกล้ชิดกับเธอมากขนาดนั้น ไม่รู้พูดอะไรกับเธอไปบ้าง
เขาโกรธหน้ามืด กำหมัดไว้แน่น พยายามหักห้ามใจตัวเองไว้
“มานี่หน่อย ขอน้ำชาร้อนๆ ให้ฉันแก้วหนึ่ง” เขาเอ่ยพูดขึ้น
ไม่นานก็มีคนยกมาให้เขา เขายิ้มแล้วยื่นมันให้กับเธอ “ผู้หญิงดื่มชาร้อนๆ ดีต่อร่างกาย”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความงง เธอเอื้อมมือกำลังจะไปรับ แต่ชากลับหกใส่ตัวเธอก่อน
“อ้ะ….” หลินเวยมี่เผลอร้องขึ้นด้วยความเจ็บ
เธอเงยหน้ามองฉู่เฟยหยางด้วยสายตาไม่พอใจ เขากลับยกยิ้มมุมปากไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เขาคงจะตั้งใจทำเธอสินะ
หลินเวยมี่กัดฟันแน่น ก้มมองแขนของตัวเอง
“ขอฉันดูหน่อย แขนเธอเป็นอะไรรึเปล่า” เขาแสร้งทำเป็นห่วงใยเธอ จับเเขนเธอขึ้นมาดูแล้วออกแรงบีบที่แผลของเธอ
“อ้ะ…” หลินเวยมี่ส่งเสียงด้วยความเจ็บปวด เขาตั้งใจบีบที่แผลเธอ
“ฉู่เฟยหยาง” ฉู่เฉินซีตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยความโมโห เดินเข้าไปผลักเขาออก
เขากลับทำหน้าสะใจ “น้องสาม แฟนฉันเจ็บ แต่นายเป็นเดือดเป็นร้อนหมายความว่ายังไง”
ฐาลี่รีบเดินเข้าไปห้ามเขา “เฉิน ใจเย็นๆ อย่ามีเรื่องกันเลย เดี๋ยวคุณลุงลงมาเห็นมันจะไม่ดี”
ฉู่เฉินซีหันกลับไปมองหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของหลินเวยมี่ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แล้วเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของฉู่เฟยหยาง
“ไอ่ฉู่เฟยหยาง แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉันงั้นหรอ”
พูดจบฉู่เฉินซีก็ต่อยเข้าไปที่หน้าของฉู่เฟยหยาง ทำให้เขาล้มลงที่โต๊ะข้างๆ ข้าวของบนโต๊ะตกแตก ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงกรีดขึ้นมา
หลินเวยมี่ตกใจกับภาพตรงหน้า เธอรีบเดินเข้าไปห้ามเขา
“ฉู่เฉินซี หยุดได้แล้ว”
ฉู่เฉินซีไม่สนใจเธอ กำลังโมโหหน้ามืด ต่อยเขาไม่หยุด
“ฉู่เฉินซี ฉันบอกให้พอแล้ว” หลินเวยมี่ตะโกนบอกเขา รีบเดินเข้าไปลากเขา แต่เขากลับสะบัดมือผลักเธอออก ทำให้โดนเข้ากับแผลเธอเต็มๆ
ทำให้หลินเวยมี่ล้มลงที่พื้นด้วยความแรง
ฉู่เฉินซีเพิ่งรู้สึกตัว จึงเดินเข้าไปถามเธอ แล้วเอ่ยถามด้วยความตกใจ “เวยมี่ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
หลินเวยมี่ส่ายหัว หันไปมองหน้าฉู่ชิ่งเจ๋อ เขากำลังยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ
“ฉู่เฉินซี คุณมันโง่” เธอเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ฉู่เฉินซีไม่สนใจ แต่กลับอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินออกจากงานไป
มีคนมากมายกำลังมองอยู่ ถึงพ่อของเขาจะชอบเข้าข้างเขา แต่การที่มีปัญหา เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้น มันก็คงไม่เป็นผลดีกับเขา
ฐาลี่ยืนมองอยู่นิ่งๆ เมื่อกี้เธอเป็นเหมือนคนนอกที่ไม่สำคัญ ได้แต่ยืนมองทุกอย่างอยู่เงียบๆ
“พี่ ทำไมพี่ไม่คิดจะห้ามพี่เขยหน่อยหรอ ปล่อยให้เขาไปง่ายๆ แบบนั้นกับยายนั่นได้ยังไง” Elis เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เธอรีบหันหลังกลับไปมองน้องสาวตัวเอง “ผู้หญิงคนนั้นก็คือหลินเวยมี่งั้นหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ นางหน้าด้าน” Elisทำหน้าไม่พอใจ
ฐาลี่ยกยิ้มมุมปาก เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนึกสนุก “คิดไม่ถึง ว่าครั้งแรกที่เราจะกันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“พี่ไม่โกรธเลยหรอ เขาไปกับผู้หญิงคนอื่นนะ” เธอตะโกนถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น
ฐาลี่ยืนมองแผ่นหลังเขาด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเฉย
ฉู่ชิ่งเจ๋อเดินเข้าไปพยุงฉู่เฟยหยางขึ้นมา ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดเลือดที่เต็มหน้าของเขา
“พี่ใหญ่….” เขาเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่กลับถูกสายตาของเขาดักเอาไว้ก่อน
ฉู่ฉิ่งเจ๋อเอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล “ทำไมคุณพ่อยังไม่มาล่ะ”
ฉู่เฟยหยางยกมือไปจับปากของตัวเอง แล้วเอ่ยถามขึ้น “ไม่มาแล้วงั้นหรอ”
ฉู่ฉิ่งเจ๋อหันไปมองแรงเขา “ถ้าเกิดไม่มาก็เท่ากับว่าวันนี้แกเจ็บตัวฟรี”
ได้ยินดังนั้นฉู่เฟยหยางก็หน้าเสียขึ้นกว่าเดิม
ไม่นาน ประตูในบ้านก็ถูกเปิดออก ก็เห็นสีหน้านิ่งเฉยของผู้ช่วยหลี่ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “วันนี้คุณท่านไม่ลงมาร่วมงานเลี้ยงแล้ว รู้สึกร่างกายไม่ค่อยสบาย”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเขาซีดขาว
ฉู่เฟยหยางถามด้วยความไม่พอใจ “ผู้ช่วยหลี่ เมื่อวานฉันยังเห็นพ่อสบายดีอยู่เลย”
ฉู่ชิ่งเจ๋อเอื้อมมือไปดึงแขนเขาแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “อย่าถามเยอะ เรากลับกันได้แล้ว”
เขาเดินออกมาด้วยความโมโห แล้วเอ่ยพูดขึ้น “พ่อตั้งใจจะเข้าข้างมันอย่างเห็นได้ชัด”
“แกรู้ก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา” เขาเดินเข้าไปในป่าคนเดียวเงียบๆ
ฉู่เฟยหยางกำหมัดไว้แน่นด้วยความโกรธแค้น