บทที่168 สองคนอยู่ด้วยกัน
ใครจะไปรู้ว่าฉู่เฉินซีจะหันกลับมาพอดีที่จะเห็นกับสายตาของเธอ ใบหน้าเล็กของเธอแดงขึ้นมารู้สึกเหมือนถูกจับได้แบบนั้น
ฉู่เฉินซีปรากฏรอยยิ้มที่มีเลศนัย สายตาส่องประกายซึ่งเป็นประกายที่กำลังข่มขู่
เธอยังพยายามที่จะจ้องเขาดุๆต่อ ทำเสียงฮึก่อนที่จะหันกลับไปอีกด้าน
อยู่ดีก็รู้สึกหนักๆที่ไหล่ หันกลับไปมองก็พบเข้ากับป่ายห้าวที่ยิ้มสดใส “เวยมี่ สีหน้าของเธอทำไมถึงได้ไม่น่ามองขนาดนั้น? เป็นเพราะเรื่องครั้งที่แล้วยังโทษฉันอยู่หรือเปล่า?”
หลินเวยมี่จ้องไปทางฉู่เฉินซีครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ชอบฉู่เฉินซี
“ไม่มี จะเป็นไปได้ยังไง” หัวเราะแห้งๆออกมาสองครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอยู่ที่นี่ช่างอึดอัดและคิดว่าไม่สู้ขึ้นไปอยู่ข้างบนคงดีกว่า
“พวกนายคุยกันไปก่อน ฉันขึ้นไปข้างบนแล้ว” พูดจบก็ก้าวเท้ายาวเดินไปยังชั้นบน
“รอก่อน ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอช่วยเป่าผมให้ฉันหน่อย” ฉู่เฉินซียิ้มไปทางที่เธอเดิน ไม่แคร์ว่าที่ห้องรับแขกยังมีคนอยู่อีกสามคน
หลินเวยมี่มองไปทางพวกเขาครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่โกรธของElis ป่ายห้าวก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยแถมสายตาของฐาลี่ที่นิ่งเรียบใบหน้าเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจแต่เธอก็ยังเห็นร่องรอยของความผิดหวัง
แต่ว่าอารมณ์ที่แสดงออกมาแบบนั้นบนใบหน้าของฐาลี่ก็ยังดูน่ามองและเหมาะสม
“ฉันไม่สน” เธอพูดอย่างไม่ไว้หน้า รีบก้าวเท้ายาวขึ้นไปข้างบน
อยากที่จะล็อกประตูกลับถูกกั้นไว้ด้วยมือใหญ่ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองฉู่เฉินซีที่แสดงสีหน้าเหมือนจะหัวเราะแต่ก็ไม่หัวเราะ ใจตกลึกลงไปปากพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ทำไมนายไม่ไปดูแลพวกเขา?”
“เธอไม่ใช่ส่งสายตามาให้ฉันอยู่ตลอดหรือไง ฉันเข้าใจว่าเธอเรียกให้ฉันขึ้นมา”ปากที่เม้มอย่างมีเลศนัย สายตาเผยรอยยิ้มขึ้น
หลินเวยมี่เกือบที่จะสำลักและอ้วกออกมา เธอไปส่งสายตาให้เข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เธอเพียงแต่ไม่ชอบเขาถึงได้จ้องไปที่เขา ทำไมถึงได้กลายเป็นส่งสายตาให้เขาได้ล่ะ?
“นายพูดเหลวไหล ฉันไม่ได้ส่งสายตาให้นาย”
“งั้นที่เธอมองฉันด้วยความคับแค้นอยู่ตลอดเพื่ออะไร?ฉันก็เข้าใจว่าเธอหึง ไม่ยอมให้ฉันอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ” ฉู่เฉินซีผลักประตูออกอย่างตามใจทำให้เธอติดเข้ากับกำแพง
ใบหน้าเล็กของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความเขินอาย ก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่อยากที่จะให้เขาเห็นแก้มที่แดงทั้งสองของเธอ
“ฉันเพียงแต่…….ฉันเพียงแค่เหนื่อย ไม่อยากที่จะพูดกับนาย” เธอรีบหันหน้ากลับไปอีกข้างแต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาของเขาที่มองหน้าของเธออยู่
“เหนื่อยแล้ว? ยังไม่เริ่มก็เหนื่อยแล้ว?” เขาพูดอย่างมีเลศนัย มือใหญ่วางอยู่บนกำแพงข้างๆเธอ พอดีทำให้เธอเขามาอยู่ในอ้อมกอด
“นายจะทำอะไร” หลินเวยมี่รีบแย่งเส้นผมกลับคืนมา ใบหน้าจ้องมองเขาอย่างแปลกประหลาด
“เธอหอมจัง” เขาผ่อนลมหายใจออกมาลำคอขยับเล็กน้อยและร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่จริงเขาไม่ควรที่จะเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็เหมือนตกอยู่ในมนต์เสน่ห์
“บ้าหรือไง” เธอมองเขาอย่างไม่พอใจ “เอาแขนออกไป ฉันเหนื่อยแล้วจะไปพักผ่อน”
“แต่ฉันไม่นะ?” เขายิ้ม รอยยิ้มเหมือนดอกไม้พร้อมกับความสุข
เห็นได้ชัดว่าหลินเวยมี่ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ ขมวดคิ้วเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ “ฉู่เฉินซีฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นกับนาย นายอยากเล่นก็ไปหาฐาลี่ของนาย!”
พูดจบก็ไม่สนใจเขาก้มลงออกจากวงแขนของเขาคิดที่จะหลบหน้าเขา กลับไม่คิดว่าในวินาทีต่อมาเอวจะถูกรัด เขาใช้แรงดึงครั้งหนึ่งทั้งตัวก็ถูกดึงเขาไปในอ้อมแขนเขา
อ้อมแขนที่ร้อนๆของเขาสามารถที่สัมผัสได้ถึงใจที่เต้นอย่างรวดเร็วของเขา
ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นมา ที่จริงแล้วเธอนั้นรู้สึกสงบเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา
ฉู่เฉินซีหัวเราะหมุนเธอกลับมาทั้งสองตาจ้องตากันทันใดนั้นเขาก็ก้มลงมา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก เสียงตกใจที่ดังมาจากนอกประตู
ทั้งสองคนรีบแยกออกจากกัน หันไปมองElisที่จ้องมาอย่างพูดไม่ออกอยู่นอกประตู
สีหน้าฉู่เฉินซีเปลี่ยนเป็นมืดหม่นขึ้นมา คำรามเย็นชา “ออกไป!”
Elisมองมาที่ทั้งสองคนครั้งหนึ่ง ก่อนจะออกมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ฉู่เฉินซีปิดประตูเสียงดัง สายตาแสดงความหงุดหงิดที่สุด
หลินเวยมี่หัวเราะออกมา เดินไปยังระเบียงเปิดประตูหน้าต่างออก ลมพัดเข้ามา ทำให้ผ้าม่านสีชมพูจนมันพลิ้วไปมาดูแล้วช่างน่ามองอย่างมาก
สายตาเขาที่ดูทนไม่ไหว นำร่างหญิงสาวที่พิงอยู่ที่ระเบียงมาไว้ในอ้อมกอด พูดเสียงทุ้ม “เธอเจ้าคนปากเสีย”
“ไม่ได้ปากเสียก็แค่เดาถูก” สายตาหลินเวยมี่ที่เหลืออด ผู้หญิงอย่างElis ไม่มีทางมีโอกาสให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันตามพัง? ยังดีที่ฉู่เฉินซีไม่ใช่ผู้ชายของElis ไม่งั้นไปเขาห้องน้ำก็คงจะตามไปกลัวว่าผู้ชายของเธอจะทรยศเธอ
นี่ถึงต้องค่อยระวัง………เธอส่งเสียงฮึออกมาส่งสายตาที่ดูถูก
ฉู่เฉินซีรัดไปที่เอวของเธอแน่น เม้มปากอย่างไม่พอใจ “ช่างหน้าผิดหวังจริง ๆ”
หลินเวยมี่หัวเราะเบาๆสายตามืดหม่นลง ในสมองคิดถึงฐาลี่โดยไม่รู้ตัว
เมื่อนึกถึงฐาลี่ ที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆทำไมถึงได้ไม่เหมือนกันล่ะ? เป็นฐาลี่ที่ความคิดดีกว่า?
แต่ถ้าพูดตามความจริงเมื่อเทียบกันแล้วผู้หญิงอย่างElisนั้นรับมือง่ายกว่า แต่ถ้าเป็นผู้หญิงแบบฐาลี่ ยิ่งเดาก็ยิ่งยากไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ยากที่จะรับมือ
“เธอไม่ชอบใจ?”
คางถูกยกขึ้นมองไปที่ดวงตาทั้งสองของฉู่เฉินซี เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัวออกมา
“ไม่มีความเห็นใดใด แล้วแต่เธอจะทำ”
“คำพูดตามใจแบบนี้ของเธอทำให้ฉันรู้สึกแย่ เหมือนกับเธอไม่เคยแคร์ฉันเลย”
มือเล็กของหลินเวยมี่วางอยู่บนอกของเขา เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกยุ่งเหยิ่งสุดท้ายแรงก็เหมือนถูกดึงออกไปทำได้เพียงเกาะร่างกายของเขาไว้
ฉู่เฉินซีมองดูดวงตาทั้งสองที่เบลอของหญิงสาวโค้งริมฝีปากเล็กน้อย
Elisลงมาชั้นล่างด้วยความโมโห มองฐาลี่ที่นั่งจิบชานิ่งเรียบอยู่อีกข้าง อดไม่ได้ที่จะแย่งชามา
“พี่ พี่ยังมีใจมาดื่มชา?”
ฐาลี่เหมือนรู้ว่าเธอต้องการพูดอะไร อดไม่ได้ที่จะจ้องเธอรอบหนึ่ง ส่งสัญญาณบอกเธอว่ารอบๆยังมีคน
ป่ายห้าวยิ้มออกมามองไปยังพวกเธอ “ที่จริงฉันยังมีธุระต้องไปทำ เย็นถึงค่อยกลับมา”
ฐาลี่พยักหน้าเบาๆ “ได้ รอนายกลับมา”
ป่ายห้าวลุกขึ้นยืน ก่อนที่จากไปก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก้าวเดินอย่างเร็วไปที่ประตูทางออก พูดขึ้นหญิงสามคนในที่เดียวกัน ดูแล้วหลายวันนี้ฉู่เฉินซีต้องครึกครื้นเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าก็แสดงออกอย่างมีความสุขกับความโชคร้ายนี้
Elisมองดูป่ายห้าวจากไป ถึงได้ลงมานั่งข้างฐาลี่ พูดด้วยความโมโห “พี่ สามีพี่ก็ให้คนอื่นแย่งไปได้ พี่ยังนิ่งได้ไงกัน?
ฐาลี่เงยหน้ามองกวาดตาไปยังElis พูดอย่างเฉยชา “Elis เธอยู่งมากไปแล้วไหม?”
Elisได้ยินพี่สาวพูดแบบนั้นก็ไม่มีความสุขไปพักหนึ่ง ใบหน้าเล็กอดไม่ได้ที่จะพูด “พี่ ฉันหวังดีกับพี่ พี่ไม่ได้เห็นพวกเขาสองคนใกล้ชิดกันขนาดนั้นนะ! พี่ซิถึงเป็นภรรยาที่ถูกต้อง พี่ควรที่จะปกป้องสิทธิ์ของพี่นะ?”
ใบหน้าเรียบนิ่งของฐาลี่เผยสีหน้าหมดความอดทน หันกลับไปมองElis “ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดฉันควรจะทำยังไงถึงจะดี”
Elisยกคิ้วขึ้นกัดฟันพูด “แน่นอนไล่ปีศาจจิ้งจอกนั้นออกไป ไม่ให้เธอได้เข้าใกล้เฉินแม้แต่ก้าวเดียว”
ฐาลี่ยิ้ม สายตาอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นสายตาที่โหดร้าย “Elis ถึงยังไงเธอก็ยังอ่อนโยนเกินไป”
Elisอดไม่ได้ที่จะกระตุกคิ้วมองไปยังฐาลี่ “ฉันทำอะไรไม่ถูกหรือไง?”
“ฉันกับฉู่เฉินซีมีความสัมพันธ์กันยังไง? ฉันมีสิทธิ์อะไรไปไล่หลินเวยมี่?” เธอกลับไปดื่มชาอีกครั้ง รับรู้รสของชาอย่างช้าๆ ใบหน้าที่แสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจ
Elisช่างเกลียดการแสดงออกแบบนั้นของพี่สาวจริง ๆ เหมือนกับเธอไม่ได้สนใจแบบนั้น “พี่ ถ้าพี่ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป กลัวว่าถึงตอนที่พี่สนใจพี่เขยขึ้นมา พี่เขยคงถูกปีศาจจิ้งจอกนั้นเอาไปตั้งแต่แรกแล้ว”
ใบหน้าของฐาลี่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและยังคงนั่งจิบชาต่อ พูดขึ้นอย่างเรียบนิ่ง “ในเมื่อเรียก “พี่เขย” อย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องของฉันกับเฉิน เธอจะมากังวลทำไม?”
Elisถูกเธอถามจนพูดไม่ออก สักพักถึงค่อยตอบกลับ “ฉันก็ไม่ใช่ทำเพื่อพี่หรือไง?”
“อืม?” ฐาลี่ ยักคิ้วขึ้นช้าๆ ใบหน้าแสดงอารมณ์หยอกล้อ “เพื่อฉันหรือเพื่อตัวเธอเอง?”