บทที่166 ฉันจะพยายามตัดเธอออกไป
สองคนจ้องตากัน หลินเวยมี่มองเห็นสายตาที่เย็นชาของเขาอย่างเห็นได้ชัด ใจรับรู้ชัดเจนว่าความโกรธของเขายังคงไม่หายไปแอบกัดริมฝีปากตัวเองทั้งตัวพิงไปที่เขา
“เฉิน ฉันปวด หัวมึนๆ”ที่จริงครั้งนี้เธอไม่ได้พูดโกหก ถึงแม้จะหลับไปตื่นหนึ่งแต่เธอกลับรู้สึกว่าตัวเธอไม่มีแรงและปวดหัว
ใบหน้าที่เย็นชาของฉู่เฉินซีมองไปยังผู้หญิงที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ผลักเธอไปอีกฝั่งอย่างไม่แยแส “ปวดก็ไปหาหมอ ฉันก็ไม่ใช่หมอ มาหาฉันก็ไม่มีประโยชน์”
ตอนเขาพูดเอวก็รู้สึกเกร็งหญิงสาวด้านหลังก็พิงมาอีกครั้ง
“นายไม่สนใจฉัน!”เสียงหวานพูดขึ้นมาในคำพูดที่แสดงความไม่พอใจออกมา ฟังดูแล้วเหมือนกำลังออดอ้อนอยู่
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วแกะมือของเธอออกและลุกออกจากเตียง
เธอเกาะหลังเขาไว้แน่น คำพูดหวานพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “นายจะทิ้งฉันไว้ที่นี่อีกแล้ว!ไม่ยอมให้ไป”
“อย่าวุ่นวาย” เห็นได้ชัดฉู่เฉินซีเหมือนไร้หนทาง อยากที่จะแกะมือเธอกลับพบว่าเธอเกาะเขาไว้แน่นมาก
“ไม่ยอมให้ไป ไม่ยอมให้ไป”เธอพูดด้วยความโกรธ ใบหน้าเล็กแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่เธอทำสิ่งที่น่าอายเช่นนี้ เขาก็ดีซะจริง สักนิดก็ไม่สนใจเธอยังคงทำท่าเย็นชา
“ฉันจะไปห้องน้ำ ถ้าเธอยังรั้งฉันไว้แบบนี้ฉันคงทำได้เพียงอุ้มเธอเข้าไปด้วยกันแล้ว” ฉู่เฉินซีพูดอย่างไร้หนทางหันกลับไปอุ้มเธอ “ที่แท้เธอก็มีงานอดิเรกแบบนี้ด้วย”
หลินเวยมี่หน้าแดงขึ้น ดึงมือกลับมาอย่างเขินอายยิ้มแห้งๆ “ฉันไม่ไปหรอก”
พูดจบก็หันตัวกลับและเอาผ้าห่มคลุมตัว ช่างเป็นสิ่งที่น่าอายจริง ๆ
ไม่นาน ฉู่เฉินซีปรากฏตัวมาอีกครั้งในห้อง มองไปที่หญิงสาวที่คลุมตัว “ไม่ร้อน?”
หลินเวยลี่กัดปากไม่ยอมพูด เมื่อกี้มันช่างน่าอายเธอไม่อยากที่จะเจอหน้าหรือคุยกับฉู่เฉินซีตอนนี้ เกือบไปแล้ว
นานเข้าไม่ยอมตอบ ฉู่เฉินซีเดินก้าวออกไปข้างนอกจงใจปิดประตูเสียงดัง
หลินเวยมี่ถอนหายใจ นอนคว่ำอย่างหมดแรงบนเตียงใหญ่ ความรู้สึกแบบนี้ช่างยากที่จะรับได้ ความจริงเธอรับไม่ได้กับท่าทีเย็นชาของเขา ที่จริงเธอยังอยากที่จะคอยดูแลเขา เธอคงถูกพิษเข้าไปลึกแล้ว
สมองหนักๆ นอนคว่ำอย่างหมดแรงอยู่บนเตียงในใจรู้สึกกังวลไม่รู้ต้องทำยังไงถึงทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนกลับมาเหมือนเดิม ปกติเป็นฉู่เฉินซีที่ง้อเธอ ตอนนี้เธอจะง้อฉู่เฉินซียังไง?
เรื่องเมื่อวานเขาดูโกรธอย่างมาก ต้องไม่ยอมยกโทษให้เธอง่ายๆแน่นอน
เสียงเปิดประตู เธอรีบคลุมผ้าห่ม หูก็ได้ยินเสียงเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ในใจเธอรู้สึกผิดหวังไปชั่วขณะที่ไม่ใช่ฉู่เฉินซี
“คุณหลิน นายให้มาถามว่าจะกินอาหารกลางวันไหม”
“ไม่กิน” เธอตอบกลับไป แอบอยู่ในผ้าห่มไม่ออกมา
ฉู่เฉินซีหลับตาลง นั่งอยู่บนโซฟา หมอประจำตระกูลใส่ยาให้เขาอย่างระมัดระวัง มองดูปากแผลแล้วช่างน่าตกใจ โชคดีที่ตอนนี้เป็นแผลเป็นแล้ว
“นาย คุณหลินบอกว่าไม่กิน” คนรับใช้พูดด้วยเสียงเบา
ฉู่เฉินซีลืมตาขึ้นมามองคนรับใช้จนคนรับใช้ตกใจทั้งตัวสั่น ก้มหัวลงอย่างรีบร้อน
“รู้แล้ว ออกไป” เสียงที่เยือกเย็นไม่มีอารมณ์ใดใด
หมอประจำตระกูลใส่ยาให้อย่างรวดเร็ว ฉู่เฉินซีใส่เสื้อเชิ้ตและก้าวเท้ายาวไปยังห้องนอน
ที่แท้หญิงสาวยังคงนอนอยู่ เมื่อเห็นฉู่เฉินซีใบหน้าเล็กของเธอก็หันกลับไปอีกฝั่ง
ฉู่เฉินซีนั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกฝั่ง เทน้ำชามาแก้วหนึ่งและจิบชาอย่างเงียบๆ
นอกเหนือจากนี้ ในห้องก็มีแต่ความเงียบ
ในที่สุดหลินเวยมี่ก็ลุกขึ้นมานั่ง มองไปยังฉู่เฉินซี
“เฉิน ฉันรู้สึกตัวร้อน” เสียงที่นุ่มนวล เมื่อพูดจบก็จงใจออกมาสองครั้ง
ฉู่เฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองตาของเธอ ใบหน้านิ่งเรียบ “อีกแปบหมอก็มาแล้ว”
“แต่ว่า…..”
“รอหายแล้ว ก็กลับบ้านเถอะ”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของหลินเวยมี่แข็งทื่อ ใจรู้สึกตกลงไปข้างล่างความหมายของเขาก็ยังคงต้องการให้เธอไป?
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้ากัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกปวดแสบที่ออกมาจากใจอย่างไม่หยุด ไม่นานหยดน้ำตาใหญ่ก็ไหลลงมา รีบเช็ดน้ำตาไม่อยากที่จะให้ฉู่เฉินซีผิดสังเกต
แต่ก็ยังคงรู้สึกกระวนกระวาย ยากที่จะรับได้อย่างมาก
“ที่แห่งนี้คือบ้านของฉัน บ้านของพวกเรา!” เธอพูดอย่างดื้อรั้น เธอก็เป็นคนแบบนี้ เรื่องที่แน่ใจแล้วไม่ว่ายังไงก็สามารถจะวิ่งไปให้ถึง ในเมื่อตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ก็จะยอมทุกอย่างเพื่อรัก
มือที่จิบชาของฉู่เฉินซีหยุดนิ่งลง รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวลแต่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนกลับมาเป็นเย็นชาเช่นเดิม
หลินเวยมี่กัดฟันยิ่งนานเขาก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ หยดน้ำตาใหญ่ไหลลงบนมือเธอ เธอเช็ดออกอย่างลวกๆจ้องไปยังชายที่อยู่ไม่ไกล
ดวงตาชื่นครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็เช็ดมันออกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ใจกลับยิ่งรู้สึกปวดแสบ
หลินเวยมี่รู้สึกว่าอากาศเหมือนค่อยน้อยลง สูดหายใจเข้าลึก หัวรู้สึกปวดแน่น
มองไปที่หน้าด้านข้างของฉู่เฉินซี ดวงตาที่เหมือนกำลังต่อสู้กันอยู่
“หลินเวยมี่ก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่ต้องการอิสระหรือไง?ครั้งนี้ฉันให้อิสระเธอ ปล่อยเธอไป”ฉู่เฉินซีวางแก้วชาลงอย่างนิ่งเรียบเงยหน้ามาจ้องไปยังหลินเวยมี่
ความอ่อนโยนความนุ่มนวลในอดีตไม่รู้ว่ามันหล่นหายไปที่ไหนกัน ตอนนี้นอกจากความเย็นชาก็มีแต่ความเย็นชา
“ตอนที่ฉันต้องการนายไม่ให้กลับมาให้ในตอนที่ฉัน………” ตอนที่ฉันรักนายไปแล้วค่อยให้อิสระเธอ ทำไมเขาถึงทรมานเธอแบบนี้
“ฉันคิดได้แล้ว รั้งเธอเอาไว้ไม่สู้ปล่อยเธอไป รักที่แย่งมาต้องไม่จบด้วยดี”
“งั้นนายยังรักฉันอยู่ไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่จะร้อง หายใจเข้าไปในจมูก
บรรยากาศที่ดูอ้างว้าง เขาไม่ได้พูดอะไรแต่กลับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูดมันนิ่งๆสายตาที่นิ่งเรียบไม่รู้ว่าเขากำลังคิกอะไรอยู่
หลินเวยมี่รู้สึกบรรยากาศมันช่างน่าอึดอัดยากที่จะรับได้
“รักไม่รักแค่นี้มันตอบยากหรือไง?” เธอถามคำถามที่บีบคน
“ฉันจะพยายามตัดเธอออกไป” เขาพูดออกมาเสียงเบาเพื่อแสดงสิ่งที่คิดออกมา
หลินเวยมี่สีหน้านิ่งไป เขาชอบพูดว่าเธอเป็นยาพิษที่ทำให้เขาต้องการไม่หยุดซึมลึกเข้าไปในกระดูกตัดไม่ออก
“ไม่อนุญาต ฉันไม่อนุญาต” หลินเวยมี่กัดฟันแน่น ต่อต้านอย่างไม่พอใจ
ดวงตาที่มีหยดน้ำ เธอหายใจเข้าลึก ลุกลงมาจากเตียง
ฉู่เฉินซีมองเธออย่างเฉยเมยไม่เอ่ยคำพูดใดใดออกมา
ถ้าหากเป็นเวลาปกติ เขาต้องบอกเธอไม่ให้ไม่ใส่รองเท้าลงจากเตียงเป็นแน่ แต่สำหรับตอนนี้อะไรก็ไม่พูด ท่าทางที่ไม่สนใจใยดีซักนิดแบบนั้นหรือว่าเขาจะทิ้งเธอไปแล้วจริง ๆ?
“ฉู่เฉินซี ฉันไม่อนุญาตให้นายทิ้งฉัน” เธอยืนอยู่ต่อหน้าเขารู้สึกเศร้าที่จะเอ่ยปากพูด
เขายังคงไม่พูดและมองเธออย่างเฉยเมย สายตาที่ดูเย็นชาแต่ว่าก็ได้พูดทุกอย่างอย่างชัดเจนไปแล้ว
หลินเวยมี่ยังคงดื้อรั้นจับหน้าของเขาหันมาและถาม “ฉู่เฉินซี วันนั้นฉันถือเป็นกบฏ ฉันกลัวว่านายจะทำร้ายกู้จุนเฟิงดังนั้นเลยใช้โทรศัพท์นายส่งข้อความไปให้เขา……….”
หลินเวยมี่จ้องเขานิ่ง ใบหน้าที่เฉยเมยของเขาที่จริงเขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ในเมื่อนี้เป็นบทลงโทษที่ฉันหลอกลวงนาย อย่างนั้นฉันก็จะไป” เธอหายใจเข้าลึกหันหลังเดินจากไป
ทันใดนั้นมือก็ถูกดึงไว้ ใจของเธอเต้นอย่างแรง
“ช่วยฉันทำแผลให้ดี”
หลินเวยมี่หันกลับมา ใบหน้าเล็กแดงขึ้นอีกครั้ง ดวงตาที่มีความสุข ที่เขาพูดแบบนั้นแสดงว่าน่าจะให้เธออยู่ต่อแล้ว?
ร่างโค้งง้อที่ยื่นอยู่ตรงหน้าของเขา ถอดเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างระมัดระวัง สายตามองเห็นบาดแผลของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
อยู่ดี ๆเอวก็รู้สึกเกร็ง แขนของเขาออกแรงโอบเธอไว้ให้เธอนั่งลงไปที่ขาของเขา
หลินเวยมี่หน้าแดงขึ้น เงยหน้าขึ้นไปมองเขา มองเข้าไปในตาที่ลึกเข้าไป
“หลินเวยมี่ต่อจากนี้ไม่อนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับกู้จุนเฟิง”
ดวงตาของหลินเวยมี่ส่องประกายอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“ได้”
ฉู่เฉินซีอุ้มเธอขึ้นมาเบาๆวางเธอลงบนเตียงจูบลงบนหน้าผากของเธอ “นอนลงไป ฉันไปเรียกหมอมา”
เพียงตอนที่เขาหันกลับมาสายตาก็แสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์ ถ้าเขาไม่บังคับเธอเช่นนี้กลัวว่าเธอก็ยังคงคิดอะไรไม่ได้แบบนี้ ไม่รู้ว่าผู้ชายของตัวเองคือคนไหน
หลินเวยมี่รู้สึกเพียงสมองหนักๆจึงหลับยาวตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึง###ช่วงเที่ยงของวันที่สอง ถึงได้รู้สึกเหงื่อออกทั่วร่างกายทำให้รู้สึกสบายอย่างมาก
เธอเดินออกมานอกประตูและเดินต่อไปทางสวน และก็พบเขากับฉู่เฉินซีที่กำลังนอนอาบแดดอยู่ในสวยลึกของสวน
เธอเดินย่องเข้าไปจึงค้นพบว่าเขาเหมือนจะหลับไปแล้ว ปัดผมออกเส้นหนึ่งจับจมูกเขาอย่างระมัดระวัง
ตาของเขาก็ลืมขึ้น มือใหญ่คว้าเธอให้เขาไปอยู่ในอ้อมกอด
“เธอเจ้าเด็กไม่ดี”
หลินเวยมี่ยิ้มมือยันอยู่บนตัวของเขา
เขาหายใจไม่เป็นจังหวะและรัดเอวของเธอไว้แน่น
“ถ้ายังไม่หยุดนิ่งแบบนี้ฉันคงจะคุมตัวเองไม่ไหวแล้วนะ”
หลินเวยมี่ไม่ได้คิดอะไรทันใดนั้นก็มีเงามืดแว๊บขึ้นมา เธอถูกฉู่เฉินซีกดเอาไว้
สองคนสี่ตามองประสานกัน เขาก้มลงประกบริมฝีปากเธอดูดกลืนลมหายใจของเธอจนหมด
ความรู้สึกร้อนรุ่มที่คุ้นเคยเกิดขึ้นมา เธอกอดเอวเขาอย่างไม่ทันได้คิด
“เจ้าปีศาจน้อย เธอทำให้ฉัน”
“เป็นนายที่ไม่มีกำลัง รู้ว่าฉันกำลังล่อนายอยู่ นายก็ยังมาติดกับ” หลินเวยมี่พูดจบ ก็ผลักเขาออกเบาๆ
“โอเคสำเร็จ ฉันหิวแล้วจะไปกินข้าวแล้ว”
“คิดจะหนี?” เขายิ้มเบาๆและกอดรัดเอวเธอไว้แน่น
หน้าที่แดงของหลินเวยมี่ มือเล็กที่ไม่รู้ว่าควรวางไว้ตรงไหนแถมไม่ทันระวังกดทับลงไปยังอกที่นูนขึ้นมาของเขา
มุมปากที่ยกโค้งขึ้นมาของเขา เสียงทุ้มแหบที่พูดมาอย่างอดกลั้น “ทำไม? อดใจรอไม่ไหวแล้ว?”