บทที่167 พอใจในตัวฉันหรือเปล่า
หลินเวยมี่ทำปากจู๋แก้มที่แดงเหมือนดั่งดอกท้อดวงตาปรากฏสีหน้าที่น้อยใจพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “คนบ้า”
ฉู่เฉินซียิ้มขึ้นจับมือเล็กดึงมาพูดด้วยเสียงทุ้ม “เธอคงยังคิดอยู่ว่าจะดับไฟยังไงซินะ”
หลินเวยมี่จ้องเขาอย่างไม่พอใจ อยากที่จะดึงมือกลับมาแต่กลับถูกเขาจับไว้แน่น
“ความหมายของเธอไม่ใช่กำลังเชื้อเชิญฉัน…….”
หลินเวยมี่หายใจเข้าลึก ใบหน้าเล็กแดงไปหมดกัดฟันพูด “ฉู่เฉินซีนี้ก็ยังสว่างอยู่แถมตอนนี้ก็ยังอยู่ข้างนอก!”
ที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ไม่รู้ว่าถูกคนไม่รู้กี่คนเห็นเขาแล้ว ช่างน่าอายยังดีที่ฉู่เฉินซียังแสดงสีหน้าไม่ว่าอะไรแบบนั้น
เขากระตุกคิ้วและยิ้มขึ้น “เธอหมายความว่าถ้าไม่ใช่ข้างนอกก็โอเคแล้ว?”
หลินเวยมี่ถูกคำพูดของเขาทำให้นิ่ง เม้มปากไปมาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ทำเพียงจ้องเขาด้วยสายตาเคียดแค้นแสดงความไม่พอใจของตัวเอง
ฉู่เฉินซีกดมือเธอค้างไว้และกดเข้าไปลึกขึ้น สายตามืดหม่นไม่ชัดพูดเสียงเบา “อย่าทำหน้าเคียดแค้นแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นเห็นเขาจะหาว่าฉันรังแกเธอนะ”
หลินเวยมี่แอบกัดปากจ้องไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “นายกำลังรังแกฉัน นายเจ้าคนบ้า”
“เอาเถอะ ฉันน้อยใจน้อยใจเธอก็ทำแบบนั้นเพื่อดับไฟให้ฉันนะ” เขาพูดด้วยเสียงแหบ
ใบหน้าเธอแดงไปหมด ความหมายของฉู่เฉินซีคือให้เธอใช้มือ………
“แบบนั้นฉันไม่เอาหรอก!” เธอพูดอย่างไม่ต้องคิด หลินเวยมี่ปฏิเสธคำขอร้องของเขา ความร้อนจากด้านล่างมือเหมือนดั่งใจของเธอที่ร้อนจนลวก
สายตาของเขาที่นิ่งลึกลงไปลมหายใจที่มีลมร้อนออกมาพูดด้วยเสียงเข้ม “หากเธอไม่ยอมละก็ ในช่วงกลางวันแสกๆเช่นนี้ ฉันคงต้องการเธอบนเก้าอี้หวายนี้แล้ว”
พูดจบเขาก็จงใจหันไปมองรอบ ๆ พยักหน้าอย่างพอใจ “หรือว่าเธอไม่คิดว่าบรรยากาศที่นี่มันช่างงดงาม?”
หลินเวยมี่หายใจเอาลมเย็นเข้าไปหรือว่าเจ้าบ้านี้ต้องการใช้ที่นี่ทำ……………
“ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้” เธอพูดอย่างรีบร้อน ใบหน้าเล็กนานเข้าก็ยิ่งร้อนเหมือนกำลังตัวร้อนอย่างนั้น
“พอใจหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเขาก็มาแนบชิดข้างหูเธอลมหายใจร้อนๆพ่นอยู่ที่หูของเธอ
ใบหูที่ร้อนรีบหันหน้าไปด้านข้าง พยายามระงับใจที่เต้นอย่างแรงของตัวเองพูดพึมพำ “ฉันไม่เข้าใจนายกำลังพูดอะไร”
เธอยิ่งอายเข้าไปใหญ่ มองดูใบหน้ายิ้มแย้มของฉู่เฉินซีช่างน่าโมโหอย่างมาก ออกแรงบีบด้วยเจตนาร้าย
ข้างหูได้ยินเสียงเขาที่ผ่อนคลายอย่างสบายดวงตายิ่งแสดงออกก็ยิ่งนิ่งลึก
“ฉันกำลังถามเธอว่าพอใจกับสิ่งที่เธอกำลังลูบอยู่ไหม?” เขาพูดเบาๆอยู่ข้างหูเธอ หายใจพ่นลงแก้มเธออย่างเจตนาร้าย
เธอเหมือนกำลังเป็นไข้แบบนั้น ร่างกายทั้งตัวรู้สึกเหลืออดอย่างมาก ก้มตัวมาจ้องมองเขาด้วยความคับแค้น
“เจ้าบ้า ขี้เกียจจะสนใจนายแล้ว” เธอพึมพำหันหน้าไปด้านข้างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง หายใจเข้าอย่างลึกควบคุมใจที่ไม่อดทนของเธออย่างสุดกำลัง
มือที่ขยับช้า ๆของเธอก็เร็วขึ้นมา ลมหายใจยิ่งนานยิ่งเร็วขึ้นท้ายที่สุดมือของเขาก็กดมือเธอแน่นขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วในที่สุดก็พ่นออกมา
ฉู่เฉินซีหอบหายใจอยู่บนตัวเธอถึงค่อยลุกขึ้น ยิ้มและกัดลงที่มุมปากของเธอ
“เจ้าปีศาจน้อย”
หลินเวยมี่รู้สึกว่าทั้งมือแสบไปหมด รู้สึกเสียใจอย่างมากเธอคงบ้าไปแล้วถึงได้มายั่วฉู่เฉินซี ท้ายสุดก็เป็นตัวเองที่โชคร้าย
มองจ้องไปยังฉู่เฉินซีอย่างคับแค้น เขากลับเดินไปที่สระว่ายน้ำอย่างสบายใจ ทั้งร่างลงไปในน้ำเหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำเป็นปกติ
หลินเวยมี่รู้สึกว่ามือเหนียวๆ ช่างน่าขยะแขยงอย่างมาก รีบเดินไปทางห้องนอนอย่างเร็ว ถูมืออย่างแรง
“เฮ้ ปีศาจจิ้งจอกล่ะ?” ทันใดนั้นเสียงหยาบคายที่ดังออกมาจากทางด้านนอก
สีหน้าของหลินเวยมี่นิ่งไปชั่วขณะ ล้างมือเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก Elisที่นั่งเมาอยู่ที่ห้องรับแขก หยิบขวดเหล้ามาเทใส่แก้วอย่างตามใจ การกระทำของเธอเป็นปกติอย่างมากเหมือนอยู่ที่บ้านของตัวเองอย่างนั้น
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว มองดูเธอเงียบๆอยู่หน้าห้องน้ำ
Elisเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างรีบหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ตรงห้องน้ำ สายตาปรากฏรอยยิ้มที่ดูเสียดสี
“โย่ว ที่แท้เธอยังอยู่หรอเนี่ย ฉันเข้าใจว่าเธอถูกเฉินทิ้งไปตั้งนานแล้ว”
หลินเวยมี่มองจ้องเธอนิ่ง สีหน้าที่ทนไม่ได้เม้มปากพูด “คุณElisไม่เจอกันตั้งนาน ปากของคุณยังเหม็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ได้ยินเพียงเสียงตะคอกครั้งหนึ่งก่อนที่จะได้ยินเสียงกระแทกเท้าขึ้นไปข้างบน Elisเดินกลับมาอย่างไม่พอใจ ดึงเสื้อของเธอพูดด้วยความโมโห “ปีศาจจิ้งจอก ฉันว่าปากของเธอนั้นแหละที่ควรล้างสักหน่อย” รอยยิ้มที่เยาะเย้ยปรากฏในดวงตาหลินเวยมี่ ปัดมือเธอออกไปและพูดอย่างเย็นชา “เธออย่างเพิ่งพูด ที่เธอกำลังพูดเตือนอยู่นั้น ฉันกลับได้กลิ่นจิ้งจอกตัวหนึ่งจริง ๆนะเหมือนกับว่ามันลอยมาจากตัวของเธอ”
Elisจ้องเธอด้วยดวงตาทั้งสอง ยกมือขึ้นมองดูมือที่ต้องการที่จะตบลงมาก็มีมือขาวที่ดูสะอาดจับไปที่ข้อมือของเธอ
เดิมที่จิตใต้สำนึกของหลินเวยมี่สั่งให้เธอหลับตาลง รอจนถึงตอนที่ลืมตาขึ้นมองไปยังด้านหลังของElisดวงตาก็สั่นขึ้นมา
“Elis เมื่อไหร่นิสัยของเธอถึงจะเปลี่ยนได้?” เสียงที่นุ่มนวลที่พูดออกมาอย่างไม่มีแรง
“ที่แท้คุณฐาลี่ก็มาด้วย” หลินเวยมี่พูดออกมา ใบหน้าเล็กที่ดูซีดขาว ในใจรู้สึกอารมณ์ไม่ดีไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนพี่น้องมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรหรือว่ามาเพื่อบีบ “มือที่สาม” อย่างเธอ?
คิดได้ถึงตรงนี้ ใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ พูดว่าไม่สนใจนั้นคงเป็นเรื่องโกหกโดยเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าฐาลี่ผู้หญิงที่ดูน่าเคารพแบบนี้
ฐาลี่ยิ้มให้หลินเวยมี่ หันหน้าไปมองElisอย่างปกติ “Elis ขอโทษคุณเวยมี่”
Elisมองจ้องและถามกลับ “ทำไมฉันต้องขอโทษปีศาจจิ้งจอกด้วย?พี่สาวพี่ไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”
ฐาลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงที่แสดงออกอย่างไม่ต้องสงสัยเอ่ย “ขอโทษคุณเวยมี่!”
Elisมองไปยังฐาลี่ครั้งหนึ่งจึงยอมอ่อนข้อลงมา หันไปอีกฝั่งอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษ”
หลินเวยมี่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่หยาบคายและไม่มีเหตุผลอย่างElis ในใจก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยที่แท้เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า
“ท่าทีของเธอนั้นมันอะไรกัน? ฉันขอโทษเธออยู่นะ!ไม่คิดจะตอบรับสักหน่อยหรือไง?”Elisพูดอย่างโมโห สายตาแสดงความไม่พอใจ
“Elis!เมื่อไหร่นิสับแบบนี้ของเธอจะเปลี่ยนสักที?” ฐาลี่พูดออกมาอย่างเหลืออด
“ที่จริงเมื่อกี้Elisก็ไม่ได้พูดอะไรกับฉัน” หลินเวยมี่หัวเราะแห้งๆ มองออกไปทางด้านนอก ก็เห็นเข้ากับฉู่เฉินซีที่สวมกางเกงว่ายน้ำเดินใกล้เข้ามาพอดี
เมื่อมองเห็นฐาลี่กับElisเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถามขึ้น “พวกเธอมาได้ยังไงกัน?”
“พี่เขย นายไม่ต้อนรับพวกเราสองพี่น้อง?” Elisจงใจเรียก “พี่เขย” ออกมา เห็นได้ชัดว่าต้องการพูดให้หลินเวยมี่ได้ยิน
สายตาหลินเวยมี่ตกลงมา บรรยากาศเช่นนี้ช่างทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ที่จริงแล้วฐาลี่ถึงจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย มือที่สามเจอกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงรู้สึกไม่ปกติแหละนะ?
ฉู่เฉินซีหันไปมองหลินเวยมี่ก่อนครั้งหนึ่ง รู้ว่าอารมณ์ของเธอตอนนี้ไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัดและก็ไม่ได้ปิดบัง เดินไปทางพวกเธอ
“ไม่ได้ไม่ต้อนรับแค่รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่พ่อฉันเรียกพวกเธอมาใช่ไหม?” เขาเดินไปอยู่ข้างหน้าฐาลี่อย่างเป็นปกติฉู สายตามองสำรวจอย่างชัดเจน
เธอยิ้มน้อย ๆ ใบหน้าไม่แสดงออกอารมณ์ใดใดออกมา พูดเสียงเบา “ไม่ใช่ 楚伯父ไม่ได้พูดอะไรกับฉัน ฉันมาที่นี่เพราะอยากเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่ง”
“照理说 เขาคงใกล้จะถึงแล้ว”
ฉู่เฉินซีเช็ดผมฟังที่ฐาลี่พูด ดวงตาก็เผยรอยยิ้ม “ป่ายห้าว เจ้าเด็กคนนี้เป็นคนที่ตรงต่อเวลา”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมามองเขา พอดีกับที่ทั้งสองคนกำลังยิ้มให้กันมีความลับกันอย่างแน่นอน
ในใจรู้สึกแสบๆแน่ๆ ความสัมพันธ์ห้าปีนั้นไม่ได้แต่งขึ้นมา ความลับของทั้งสองคนไม่ใช่วันเดี๋ยวจะเกิดขึ้นได้
“สาวสวยทั้งหลาย กำลังรอฉันกันอยู่หรือไง?” เสียงที่ฟังไม่ได้ชัดเจนพูดขึ้นมา ทุกคนต่างมองออกไปทางด้านนอก
ในปากขอป่ายห้าวมีเบอร์เกอร์อยู่ เดินก้าวใหญ่มาทาวพวกเขาสายตาที่มาพร้อมรอยยิ้ม “ฐาลี่สาวสวย พวกเราไม่ได้เจอกันมาซักพักแล้วมาให้จูบหน่อย” เขาเดินตรงไปทางฐาลี่ ฉู่เฉินซีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไอแห้งออกมาครั้งหนึ่ง หยุดการกระทำของป่ายห้าวไว้ได้สำเร็จ
“มือของนายมีแต่น้ำมันนะ” ฉู่เฉินซีอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแสดงสีหน้าดูถูก
ป่ายห้าวทำท่ามองดูมือของตัวเองที่แท้ก็มีน้ำมันอยู่ ยิ้มให้ฐาลี่อย่างเขินอาย “เอาเถอะ เอาเถอะ งั้นฉันไปล้างมือให้สะอาดค่อยว่ากัน”
ฐาลี่ก้มลงเม้มปากยิ้ม ใบหน้าไม่มีแม้แต่ความไม่พอใจ “ป่ายห้าว นายไม่คิดๆดูว่านายทิ้งฉันไปกี่เดือนแล้ว?”
สีหน้าที่แสดงอาการทำตัวไม่ถูก แอบมองไปยังสีหน้าของฉู่เฉินซี หลังจากนั้นก็ดื่มชาอย่างไม่สนใจเขา
“ต่อหน้าเฉินอย่าพูดแบบนี้ ง่ายที่จะเข้าใจผิด”
ฐาลี่ยิ้มออกมา แสดงสีหน้าที่มีความสุข
หลินเวยมี่อยู่อีกฝั่งอย่างเงียบๆ เหมือนดั่งคนนอกมองดูพวกเขากำลังสร้างปัญหา ยังไงก็ไม่เข้าไปในโลกของพวกเขา ความรู้สึกผิดหวังเกิดขึ้นอีกครั้งถอนหายใจยาวออกมา
“เวยมี่ก็อยู่ด้วย!” ป่ายห้าวมองหลินเวยมี่ที่อยู่ด้านหลังElisอย่างแปลกใจ สีหน้าชะงักไปอย่างห้ามไม่ได้
หลินเวยมี่ชำเลืองมองไปที่เขาครั้งหนึ่ง เข้าใจความหมายทั้งหมดที่เข้าแสดงออกมา เขาคงยากที่จะเข้าใจเพราะอะไรกันมือที่สามกับภรรยาตามกฎหมายถึงสามารถอยู่ในที่ที่เดียวกันได้ล่ะมั่ง?
คิดได้เพียงเท่านี้ เธออดไม่ได้ที่จะจ้องไปยังทิศทางของฉู่เฉินซีอย่างดุๆครั้งหนึ่ง