บทที่173 เสียใจ
ในปากของป่ายห้าวที่เคี้ยวน่องไก่แสดงสีหน้ายากที่จะมอง จะกินก็ไม่ใช่จะไม่กินก็ไม่ใช่ มองหลินเวยมี่อย่างอึดอัด
หลินเวยมี่เงยหน้ามากวาดตามองครั้งหนึ่ง “รีบช่วยติดต่อให้ฉัน ฉันรู้นายสามารถหาเธอพบ”
ป่ายห้าวยิ้มอย่างขมขื่น “เธอเจ้าเด็กนี้! เธอจะให้ฉันพูดอะไรดี ถ้าเธอไม่อยากมาพบเธอล่ะ?”
สีหน้าเธอเศร้าลงสายตาหันไปมองนอกหน้าต่าง “งั้นคงต้องดูความสามารถนายแล้วล่ะ ป่ายห้าว”
ใบหน้าลำบากใจของป่ายห้าว หัวเราะแห้งๆออกมา “โอเค ฉันจะช่วยถามเธอสุดความสามารถ ถ้าเธอไม่อยากเจอเธอ ฉันก็หมดหนทางแล้ว”
หลินเวยมี่เดินอยู่บนถนนใหญ่ ใจสงบลงอย่างมากเหมือนกับน้ำที่นิ่งไม่มีคลื่นใดใด คิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเธอกับฉู่เฉินซีใจก็รู้สึกปวดแสบ
ตัวเธอเองก็ไร้หนทาง สองคนที่มองไม่เห็นปลายทางแต่ก็ไม่อาจที่จะปล่อยวางลงได้ ความสัมพันธ์แบบนี้ก็เหมือนน้ำแข็งบางเพียงแค่โดนลมพัดเบาๆก็แตกได้
“พี่สาว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
เสียงที่คุ้นเคยดังออกมา หลินเวยมี่หันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างหลินซินหยาน ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบาง
“ซินหยาน”
“พี่ พี่ควรออกมาเดินเล่นตั้งแต่แรกแล้ว ตัวพี่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนดูโทรมอย่างมาก”หลินซินหยานจับแขนเธอไว้อย่างคุ้นเคย สีหน้าใบหน้าหน้าเล็กที่ดูอ่อนแอ “ฉันรู้ด้านหน้ามีร้านหม้อไฟหม่าล่า ดูแล้วไปเลวพวกเราไปลองกันเถอะ”
ไม่รอให้หลินเวยมี่ได้ตอบ เธอก็ลากแขนของเธอเดินก้าวใหญ่ไปด้านหน้า
“พี่ พี่อย่าเอาทุกอย่างเก็บไว้ในใจ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเก็บไว้อย่างนั้นแน่นจนป่วยได้นะ”
หลินเวยมี่กระตุกริมฝีปากเล็กน้อยสายตาที่เย็นชาค่อยละลายลง ครอบครัวไม่ว่าตอนไหนก็สามารถทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
“ได้”
หลินซินหยานมองเธออย่างอดไม่ได้ ถอนหายใจออกมาดึงแขนเธอเข้าไปในร้าน เลือกที่นั่งข้างกระจกอย่างไม่ได้คิดอะไรสองคนนั่งฝั่งตรงข้ามกัน
หลินเวยมี่มองกลุ่มคนที่เดินไปอยู่ด้านนอก ใจก็รู้สึกนิ่งเงียบขึ้นมาช่างสงบอย่างมาก
“พี่ พี่กับคุณน้าเป็นยังไงบ้าง?” หลินซินหยานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและถามออกมาอย่างลวกๆ แทบไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของหลินเวยมี่
“ก็ไม่มีอะไร”
หลินซินหยานฟังเสียงที่ดูไม่ถูกต้องถึงได้เงยหน้าขึ้นมาเหมือนคิดอะไรได้ พูดปลอบใจ “พี่ ไม่รู้จริง ๆจะแนะนำพี่ยังไงดีแต่ฉันได้ยินแม่พูดคุณน้าต้องแต่งงานกับฐาลี่….”
มีเพียงใบหน้าที่นิ่งเรียบของหลินเวยมี่ สายตามองออกไปข้างนอกอยู่ตลอด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษอะไรเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจ
“อืม ฉันรู้” สักพักถึงได้ตอบออกไป
หลินซินหยานมองเธอก่อนที่จะดื่มน้ำผลไม้คำหนึ่ง “พี่ งั้นพี่วางแผนยังไงไว้”
หลินเวยมี่เบลอไปชั่วขณะ หันกลับไปมองหลินซินหยานส่ายหน้าไปมา “ไม่มีแผนอะไร รักหนึ่งวันก็คือหนึ่งวัน”
ใครใช้ให้เธอทำหัวใจหล่นไปอยู่ที่ฉู่เฉินซีกันล่ะ ไม่อย่างนั้นเธอคงออกไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะแต่งงานกับใคร เพียงแค่ตอนนี้ใจตกหล่นไปแล้วคงไม่มีทางที่จะถอนตัวออกมาได้
“รัก……” สีหน้าที่หมองของหลินซินหยาน สายตาลดลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลินเวยมี่หัวเราะออกมา “เด็กน้อย เธอคงไม่ใช่เจอคนที่เธอรักแล้วใช่ไหม?”
หลินซินหยานเงยหน้าขึ้น แก้มทั้งสองแดงแถมก้มหน้าลงอย่างเขินอาย “ยังไม่มี”
“หน้าแดงขนาดนี้ ยังพูดว่าไม่มี” หลินเวยมี่ยกมุมปากขึ้นสายตาว่างเปล่า รักคำนี้พูดออกมาช่างง่ายแต่กลับคนที่ทรมานที่สุดเพียงไม่ทันระวังร่างกายก็จะถูกทรมานไปทุกส่วน
“พี่ หรือว่าคุณน้าไม่เคยพูดเรื่องอนาคตกับพี่?”หลินซินหยานกระพริบตา ใบหน้าที่ดูงงงวย
คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของหลินซินหรานกำลังทรมานใจของหลินเวยมี่ แน่นอนฉู่เฉินซีแทบไม่เคยพูดอะไรกับเธอแม้แต่ทำให้เธอมั่นใจ เธอก็ยังไม่เข้าใจพวกเขาทั้งสองคนที่แท้มันคืออะไร
“อนาคตต้องเกิดจากคนสองคน” เธอยิ้มบางสายตามองไปข้างนอกอีกครั้งก็พบรถที่คุ้นเคยคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ ดวงตาหดลงจ้องไปยังรถคันนั้น
ฉู่เฉินซีลงจากรถมา ก่อนที่จะเดินไปอีกฝั่งของรถเปิดประตูออกมา ฐาลี่ลงมาด้วยรอยยิ้มไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน ฉู่เฉินซีหยุดเดินแถมฐาลี่ก็จูบลงที่ริมฝีปากของเขา
พวกเขาสองคนยืนอยู่บนถนนใหญ่อย่างไม่หลบซ่อนทำให้หลินเวยมี่ตะลึงไป พวกเขาดูเป็นปกติมากขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะสนว่าคนอื่นจะว่ายังไง
พวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกันดูแล้วช่างเหมาะสม ชายหล่อหญิงงามบดบังคนที่อยู่รอบๆนั้นไปหมด
รีบหันสายตากลับมาเหมือนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ก้มลงคีบปลาชิ้นหนึ่งเข้าปาก รสที่ฉุนเผ็ดร้อนเข้ามา เผ็ดจนเธอน้ำตาไหลออกมา
“เผ็ดจริงๆ” เธอถอนหายใจหยิบน้ำที่อยู่ด้านข้างมาดื่ม
“พี่ เผ็ดมากไปหรือ?” หลินซินหยานรีบหยิบน้ำของตัวเองมาให้
หลินเวยมี่รีบรับมาอย่างลนลานตอนที่กำลังจะรับน้ำมือก็คลายลงทำให้น้ำทั้งแก้วหกใส่เสื้อผ้า
เธอรีบลุกขึ้นแล้วรีบใช้มือเช็ด พูดออกมาอย่างตกใจ “ฉันไปห้องน้ำล้างออกก่อน”
พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องน้ำ หลินซินหยานมองดูด้านหลังของเธอก่อนจะกระตุกยิ้ม สายตามองไปยังรถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล บรรยากาศแถวนี้ก็ไม่เลว พอดีสามารถมองเห็นฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
หลินเวยมี่เช็ดเสื้อผ้าอย่างเหม่อลอย ปากก็ยังเผ็ดอยู่ น้ำตาก็หยดไหลลงมาใช้หลังมือเช็ดออกเล็กน้อยแต่น้ำตากลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น
วางมือลงบนอ่างล้างหน้าอย่างไม่มีแรง เงยหน้าขึ้นมามองตัวเองบนกระจก ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
เธอไม่อยากให้ใครเห็นเธอที่เพื่อฉู่เฉินซีถึงได้ดูไร้เรี่ยวแรงน่ากลัวแบบนี้ เช็ดหยดน้ำตาให้แห้งและยิ้มให้กระจก
ผู้หญิงในกระจกที่ฝืนยิ้ม ยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล ดวงตาที่ว่าเปล่าปรากฏความเสียใจออกมา
เธอก้มลงความเผ็ดที่ทำให้เธอทนไม่ได้ ดวงตาเริ่มชื่นขึ้นอีกรอบ ในสมองไม่หยุดคิดถึงร่างของฉู่เฉินซีกับฐาลี่ ในใจรู้สึกรับไม่ได้อย่างมาก
สิ่งที่เรียกว่ารัก ช่างทรมานคนจริง ๆ
เปิดประตูห้องน้ำคิดที่จะเดินออกไป ก็พบผู้ชายใส่ชุดดำหมวกดำยื่นต้อนรับ ไม่รอให้เธอได้โต้ตอบผู้ชายคนนั้นก็ลากเธอเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
“ไม่ไม่!” หลินเวยมี่ถูกเขาปิดปากไว้ ทั้งตัวถูกผลักไปติดกำแพง ทำได้เพียงส่งเสียงที่อ่อนแอออกไป
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ปากเผยรอยยิ้มประหลาดใจ “อย่าส่งเสียง”
หลินเวยมี่ชะงักไป มองดูคนตรงหน้าอย่างเฉินเห้าหมิง ดวงตาที่ดูถูกไม่หยุดสายตาที่ปรากฏความรังเกียจ
เฉินเห้าหมิงปล่อยเธออย่างช้า ๆ ปากเผยเยาะเย้ยตัวเอง “ดูเธอแล้วไม่ค่อยดี ทำไม? ฉู่เฉินซีทำผิดต่อเธอแล้ว?”
“นายหมายความว่าอะไร?” จิตใต้สำนึกบอกให้เธอถอยหลัง ถามอย่างเย็นชา
“เมื่อกี้ฉันเห็นฉู่เฉินซีกับฐาลี่ ดูแล้วดูดีอย่างมาก ฉันเข้าใจว่าเธอถูกทิ้งแล้วซะอีกแถมเธอที่ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว…..”เขากระตุกปากจ้องไปที่ดวงตาของเธอ เหมือนเห็นเขาไปถึงจิตใจของเธอ “ไม่ลองพิจารณาฉันหน่อยหรือไง?”
หลินเวยมี่ที่ยืนติดกำแพงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างดูถูก “กับนาย? กลับไปเป็นเหมือนหนูข้างถนนวิ่งไปวิ่งมาแบบนั้น?”
เฉินเห้าหมิงปรากฏสายตาเยือกเย็นพูดออกมาอย่างดุร้าย “หรือไม่ใช่ฉู่เฉินซี! ที่ส่งคนมาตามฆ่าฉัน!”
หลินเวยมี่มองไปที่เขาอย่างแปลกใจ ในใจเข้าใจชัดเจน เฉินเห้าหมิงขายฉู่เฉินซี เอารูปภาพไปให้โจ่วลี่เฉียงส่งผลกระทบร้ายแรง ฉู่เฉินซีจะปล่อยเขาไปได้ยังไงกัน?
“นายสมควรโดน”
ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบ เฉินเห้าหมิงจ้องเธอด้วยสายตาที่โหดร้ายพูดอย่างเยือกเย็น “หลินเวยมี่ เธอคิดว่าเธอดีขนาดนั้น? ตอนนี้ไม่ใช่ถูกเขาทิ้งให้รออย่างไม่สนใจใยดี?”
“ฉันมีความสุข”
เฉินเห้าหมิงหัวเราะอย่างดูถูก มองดูใบหน้าที่ทำปากแข็งอย่างหลินเวยมี่ที่เผยสายตาดุร้าย “เธอมีความสุข? ที่แท้ก็ยังมีผู้หญิงที่โง่อย่างเธออยู่ ถึงแม้เธอจะแคร์ฉู่เฉินซีขนาดไหนแล้วมันจะเป็นยังไง เขาก็ไม่มองเธอมากขึ้น”
“เฉินเห้าหมิง ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องของนาย?”เธอผลักมือของเฉินเห้าหมิงออกอย่างรุนแรงเดินออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว
เพียงก้าวได้ก้าวเดียวแขนก็ถูกจับไว้ เฉินเห้าหมิงดึงแรงๆให้เธอเขามาอยู่ในอ้อมกอด
“ฉันไม่เข้าใจเลย ฉู่เฉินซีมันมีอะไรดี? ทำไมเธอไม่มองมาที่ฉันบ้าง?” เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธๆอยู่บ้าง
หลินเวยมี่ถูกเขาขังไว้ในอ้อมกอดใช้แรงดันออกอยู่หลายครั้ง พูดอย่างไม่พอใจ “ดูนาย? เฉินเห้าหมิงสมองนายไม่ดีใช่หรือเปล่า? ปล่อยฉัน!”
“หลินเวยมี่ เรามาทำข้อตกลงกันเป็นไง?” เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ
“ฉันไม่อยากทำข้อตกลงอะไรกับนาย”
“ฉันช่วยเธอสืบเรื่องของเธอให้ชัดเจน”
คำพูดของเฉินเห้าหมิงทำให้หลินเวยมี่เงียบลง ใบหน้าที่ประหลาดมองไปยังเฉินเห้าหมิง อดไม่ได้ที่จะถาม “นายรู้อะไรมา?”
“ฉันเพียงแค่รู้ว่าคุณท่านแก่ฉู่กับเธอมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน” เฉินเห้าหมิงถอนหายใจ พูดด้วยเสียงเบา “มีครั้งหนึ่งฉันอยู่ที่ห้องสมุดของคุณท่านแก่ฉู่ เห็นเอกสารเกี่ยวกับการคลอดของเธอแต่ว่าฉันไม่ได้ดูเนื้อหาด้านใน”
หลินเวยมี่นิ่งไป สายตาที่มองไปทางเฉินเห้าหมิงอย่างตรงๆ ใบหน้าที่หมอง “นายบอกว่าคุณท่านแก่ฉู่……”
“แถมฉันยังรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของเธอรั่วหรานกับคุณท่านแก่ฉู่” เฉินเห้าหมิงเผยปากเยาะเย้ย “คนรักของคุณท่านแก่ฉู่มีต้องมากมาย”
หลินเวยมี่สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด พูดอย่างไม่อยาดเชื่อ “นายพูดเหลวไหล!”
“ฉันไม่ได้พูดเหลวไหล หากเธอไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” เขายักไหล่ยักคิ้ว กระตุกปาก
ใบหน้าขาวซีดของหลินเวยมี่พิงไปด้านข้าง ในสมองคิดแต่เพียงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้เจอกับคุณท่านแก่ฉู่ เขาพูดตลอดว่าเธอไม่ควรปรากฏตัวหรือว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับคุณท่านแก่ฉู่?