แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 191 มีโอกาสก็เล่นสนุกเป็นบางครั้งบางคราว
หลินเวยมี่หยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมา แล้วก็มองหน้าโจ่วชิงช๋วนอย่างไม่เข้าใจ “โทรศัพท์เครื่องนี้มันเป็นอะไร?”
“แบตหมดแล้ว แต่ว่าก่อนที่แบตจะหมดฉันส่งข้อความไปแล้ว” โจ่วชิงช๋วนฉีกยิ้มออกมา แล้วก็มองหน้าเธออย่างพึงพอใจ
หลินเวยมี่เม้มปากแน่น แล้วก็โยนโทรศัพท์ไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเดาออกมา “นายคงไม่ได้ส่งไปให้กู้จุนเฟิงหรอกใช่มั้ย?”
“เธอฉลาดจังเลย ทำไมถึงรู้ล่ะ?” โจ่วชิงช๋วนตบมือแล้วหัวเราะออกมา แต่ว่าไม่อยากจะให้กระเทือนแผล มันเจ็บจนเขากัดฟันแน่น สีหน้าค้างนิ่ง ตอนนี้เขาดูตลกมาก
“ก็แค่เดา คนที่สามารถช่วยเหลือได้ก็เหมือนว่าจะมีแค่เขาแล้วล่ะ แต่ว่านายแน่ใจหรอว่าเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับฉู่ชิ่งเจ๋อ?” หลินเวยมี่ถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ รู้สึกเป็นกังวล
“ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ กู้จุนเฟิงยังจะสนใจ คุณท่านแก่ฉู่หรือว่าคุณชายรองฉู่อีกงั้นหรอ?”โจ่วชิงช๋วนส่ายหน้าอย่างจำใจ แล้วก็ยิ่งพิงโซฟาอย่างระมัดระวัง
หลินเวยมี่ถอนหายใจออกมา แล้วก็นั่งลงบนโซฟาเงียบๆ ถึงแม้ว่าโจ่วชิงช๋วนจะพูดถูก เธอเองก็รู้ดีว่ากู้จุนเฟิงต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน แต่ว่าวันนั้นเขาก็พูดแล้วไม่ใช่หรอ ว่าแม่ของกู้จุนเฟิงอยู่ในกำมือของพวกเขา?
มันจะก่อเรื่องอะไรให้เขามั้ย?
ตอนนั้นในหัวเธอคิดมากไปหมด ความรู้สึกทั้งหมดล้นออกมา คิดยังไงก็คิดไม่ออก
เช้าวันที่สอง เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมา หลินเวยมี่หรี่ตามองฉู่เฟยหยางที่ยืนอยู่หน้าประตู สายตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“นอนเป็นยังไงบ้าง? เด็กน้อย?” เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วก็จับหน้าเธอให้เงยขึ้นแล้วมองหน้าเธออย่างหยอกล่อ “เกมส์ของเรากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
“โรคขิต” เธอด่าออกมาอย่าโกรธแค้น แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เหมือนกับว่าตอนนี้มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ ว่าตอนนี้เธอรู้สึกเครียดและร้อนรนขนาดไหน
ถึงแม้ว่าเบื้องลึกของหัวใจจะเธอจะรอคอยให้ฉู่เฉินซีปรากฏตัว แต่ว่าเธอก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ฉู่เฉินซีมาไม่ได้ เขาไม่สามารถปล่อยให้ฉู่ชิ่งเจ๋อสำเร็จได้เพราะว่าเธอ
“อีกไม่นานจะดูซิว่าเธอยังจะด่าออกอยู่มั้ย?” ฉู่เฟยหยางดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแรง
“แกจะทำอะไร?” โจ่วชิงช๋วนลุกขึ้นมาอย่างโกรธเคือง แต่ว่าก็โดนบอดี้การ์ดสองคนนั้นกดลงไปบนโซฟาอีกครั้ง
“แกรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพอถึงเวลาฉันจะปล่อยแกไปเอง” ฉู่เฟยหยางพูดออกมานิ่งๆ แล้วกอดเอวของเธอไว้ ดันให้เธอเดินไป
หลินเวยมี่หลบไปด้านหลังอัตโนมัติ แต่ว่าก็โดนเขาดึงแขนไว้ แล้วก็ถึงให้เธอมาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง
ลมหายใจที่ร้อนแรงรดอยู่ที่ข้างหูของเธอ คำพูดที่ชั่วร้ายของฉู่เฟยหยางดังขึ้น
“ที่รัก ฉันรอคอยการปรากฏตัวของฉู่เฉินซีมาก เธอเองก็รอคอยเหมือนกันใช่มั้ย?”
หลินเวยมี่ดิ้น แล้วก็มองหน้าเขาอย่างดุร้าย “เอามือสกปรกๆของนายออกไปเดี๋ยวนี้!”
“มือสกปรกๆงั้นหรอ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นมือหนาก็จับไปที่ร่างกายส่วนที่อุดมสมบูรณ์ของเธอ “ตอนนี้ยังบอกว่ามือฉันสกปรกอยู่อีกมั้ย?”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าอย่างแรง อยากจะด่าออกมา แต่เธอก็คิดว่าถ้าเกิดว่าออกไปฉู่เฟยหยางอาจจะทำอะไรให้เธอรู้สึกอัปยศมากกว่านี้ก็ได้ สู้ปล่อยให้เขาทำแบบนี้ไปดีกว่า
“ฉันล่ะชอบเด็กผู้หญิงที่ประพฤติตัวดี” เขาปล่อยมือออก แล้วก็กอดเอวเธออีกครั้ง แล้วดันให้เธอเดินออกไปด้านนอก
เขาโยนเธอลงที่เตียง แล้วเขาก็นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงเก้าอี้ หรี่ตามองผู้หญิงที่อยู่บนเตียง
“ฉู่เฟยหยาง ที่แท้นายก็ยินยอมขายวิญญาณให้ฉู่ชิ่งเจ๋องั้นหรอ? ทุกครั้งนายก็เป็นคนจัดการ คนที่เหนื่อยและลำบากก็คือนาย แต่ว่าเขาก็แค่นั่งรอให้ผลประโยชน์ไปอยู่ในมือของเขา แบบนี้นายพอใจแล้วหรอ?”หลินเวยมี่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
ฉู่เฟยหยางดับบุหรี่ ดวงตาของเขาส่องประกายแวววาว หลังจากนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ทำท่าทีเหมือนไม่แคร์
“เธอไม่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาทำให้ฉันไขว้เขวหรอก ฉันไม่ติดกับหรอกนะ”
“ฉันก็พูดแต่ความจริงทั้งนั้น มีแต่นายที่โง่ก็เลยเป็นได้แค่ลูกน้องชองเขา ไม่ยังงั้นทำไมเขาไม่มาด้วยตัวเองล่ะ?” หลินเวยมี่พูดต่อ ทุกคำเหมือนทิ่มเข้าไปในหัวใจของเขา
“เรื่องของพวกฉันเธอไม่ต้องมายุ่ง!”ฉู่เฟยหยางตะคอกออกมาด้วยความโกรธ สีหน้าเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทำให้หลินเวยมี่รู้สึกโกรธได้อย่างง่ายดาย
หลินเวยมี่ส่ายหน้า ฉู่เฟยหยางไม่ได้เป็นคนรอบคอบเหมือนกับฉู่ชิ่งเจ๋อ ไม่ยังงั้น ก็คงไม่โกรธจนถึงขั้นนี้เพียงแค่คำพูดสองสามประโยคของเธอหรอก
ฉู่เฟยหยางหยิบน้ำเย็นออกมา แล้วสีหน้าของการล้อเล่นของเขาก็หายไปทั้งหมด เขาจ้องหน้าเธออย่างอารมณ์เสีย แล้วก็โทรศัพท์
“ฉู่เฉินซี ผู้หญิงของแกอยู่ในมือฉัน ให้เวลาแกครึ่งชั่วโมงในการมาที่นี่ ไม่ยังงั้นแกจะไม่ได้เจอเธออีกตลอดชีวิต!”
หลังจากนั้นเขาก็ตัดสายทิ้ง แล้วก็ดูเวลาอย่างพอใจ “ครึ่งชั่วโมง ถ้าเกิดว่าเขามาจริงก็เข้าร่วมงานแต่งไม่ได้ ต่อให้เขาอธิบายให้ฐาลี่เข้าใจ ครอบครัวของฐาลี่ก็ไม่ยอมให้เรื่องที่น่าขายหน้าพวกนี้เกิดขึ้นหรอก”
ฉู่เฟยหยางมีสีหน้าพึ่งพอใจ แล้วก็จับคางของเธอไว้ “รอก่อนเถอะ”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแน่น สายตาเต็มไปด้วยความจำใจ
ในโบสถ์นั้น ฉู่เฉินซียืนพิงขอบหน้าต่างอยู่เงียบๆ ทิ้งบุหรี่ในมือ แล้วก็กำโทรศัพท์แน่น สายตาเป็นประกายเหมือนหมาป่า
ดวงตาสีน้ำตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง เขาต่อยไปที่หน้าต่างอย่างแรง
“หัวหน้า……”อ้านเย่ยืนอยู่ด้านหลังเขานิ่งๆ แล้วก็เตือนออกมา “อีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ทุกอย่างจำต้องดำเนินการนะครับ จะเกิดความผิดพลาดไม่ไดแม้แต่น้อย”
“ฉันรู้” ฉู่เฉินซีตอบมาโดยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สายตาเต็มไปด้วยความรำคาญ “อ้านเย่ ช่วยฉันยืดเวลาไปซักครึ่งชั่วโมงสิ ยืดพวกเขาไว้”
สีหน้าของอ้านเย่ซีดลงทันที แล้วก็มองหน้าฉู่เฉินซีอย่างลึกซึ้ง “หัวหน้าครับ สิ่งที่ครอบครัวของฐาลี่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือเวลานะครับ แล้วอีกอย่างเรื่องงานแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ถ้าเกิดว่าไปสายล่ะก็……”
“แต่ว่าหลินเวยมี่อยู่ในกำมือของพวกมัน!” เขากำหมัดแน่น แล้วก็เดินออกไปด้านนอกทันที “ช่วยฉันยืดเวลาให้ด้วย”
ไม่รอให้อ้านเย่ตอบ เขาก็วิ่งออกไปทันที
ครึ่งชั่วโมง! หน้าผากของฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยเหงื่อ จะเดินทางจากโบสถ์ไปยังสถานที่ที่ฉู่เฟยหยางบอกในเวลาครึ่งชั่วโมงนั้นเป็นไปไม่ได้ เขาร้อนรนมาก แล้วก็โทรหาเขา
พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้หลินเวยมี่ที่นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้นสั่นไปทั้งตัว เธอเงยหน้ามองหน้าฉู่เฟยหยางอย่างร้อนรน
ฉู่เฟยหยางฉีกยิ้มออกมา แล้วก็ทำท่าทางบอกให้เธอเงียบ หลังจากนั้นก็รับสาย ปลายสายนั้นเป็นเสียงที่นิ่งเรียบของฉู่เฉินซี
“ฉู่เฟยหยาง ทำไมนายต้องจับคนที่ไม่สำคัญมาขู่ฉันด้วย?”
แค่หนึ่งประโยคนั้นก็ทำให้หลินเวยมี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นสั่นเทาไปทั้งตัว เธออึ้งไป แล้วมองหน้าฉู่เฟยหยางอยากไม่อยากจะเชื่อ สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือมันต้องเป็นแผนการของฉู่เฟยหยางแน่ๆ ไม่ยังงั้นฉู่เฉินซีจะพูดออกมาแบบนี้ได้ยังไง?
แต่ว่าเสียงนั้น มันเป็นเสียงของฉู่เฉินซีอย่างแน่นอน ไม่ได้แตกต่างเลยแม้แต่นิดเดียว
“อ้อหรอ? ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วในงานปาร์ตี้ที่บ้าน แกอุ้มเธออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หรือว่าพวกนั้นมันปลอมงั้นหรอ?” ฉู่เฟยหยางฉีกยิ้มออกมา แล้วก็หันหน้าไปมองหลินเวยมี่
“พวกผู้ชายก็ชอบมีโอกาสก็เล่นสนุกเป็นบางครั้งบางคราว ที่จริงเรื่องผู้หญิงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นไม่ใช่หรอ? แค่ทำอะไรนิดหน่อยก็สามารถหลอกมาอยู่ในกำมือได้แล้ว”
หลินเวยมี่กำหมัดแน่น โกรธจนสั่นไปทั้งตัว เธอคิดไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งจะได้ยินฉู่เฉินซีพูดออกมาแบบนี้
เล่นสนุกเป็นบางครั้งบางคราว แล้วก็ทำอะไรนิดหน่อยงั้นหรอ?
“ไม่รู้ว่าถ้าหลินเวยมี่ได้ยินคำพูดของนายจะคิดยังไงเนอะ?” ฉู่เฟยหยางหรี่ตามองหน้าเธอ สีหน้าเหมือนกับว่ากำลังดูละครอยู่ยังไงยังงั้น
“ผู้หญิงน่ะ แค่ให้ความหวานหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็โดนฉันทิ้งไปแล้ว ต่อไปเธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันอยู่แล้ว!”
“ในเมื่อพูดแบบนี้ ก็หมายความว่านายคงจะไม่มาช่วยเธองั้นหรอ?” ฉู่เฟยหยางพูดออกมานิ่งๆ สายตายิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าไม่เคยคิดว่าฉู่เฉินซีจะมาแบบนี้
“ช่วยเธองั้นหรอ? ทำไมฉันต้องไปช่วยเธอด้วย? วันนี้ฉันต้องแต่งงาน ฉู่เฟยหยางแกเองก็รีบมาเถอะ”
สีหน้าของฉู่เฟยหยางดูแย่ขึ้นทันที สายตาของเขาดูไม่มั่นใจ แล้วก็หันไปมองหน้าหลินเวยมี่ สีหน้าของเธอดูแย่มาก หน้าเธอซีดจนเหมือนจะล้มลงไปตลอดเวลา
“ในเมื่อพูดแบบนี้ แสดงว่านายไม่แคร์เธอเลยซักนิดสินะ?” น้ำเสียงของฉู่เฟยหยางไม่นิ่งเรียบเหมือนเมื่อกี้อีกต่อไป สามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธของเขา มันก็เพราะว่าฉู่เฉินซีไม่แคร์ ทุกอย่างทำเขาทำไปมันสูญเปล่า
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็แย่ลง มันมืดมน แล้วก็ถามต่อว่า “แกเลือกแต่งงานกับฐาลี่ไม่มาช่วยเธองั้นหรอ?”
“ฉู่เฟยหยาง ถ้าเกิดว่าเป็นแก แกจะเลือกอะไร แกคงไม่โง่ถึงขนาดที่ว่าไปช่วยผู้หญิงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองหรอกนะ? ฐาลี่สำหรับฉันแล้วก็เหมือนเป็นดาบคู่ ถ้าพวกเราแต่งงานกันมันจะทำให้ตำแหน่งของฉันแข็งแกร่งขึ้น ฉันไม่ได้โง่ถึงขึ้นที่จะทิ้งฐาลี่หรอกนะ”
หลินเวยมี่กำหมัดแน่น เล็บที่แหลมคมทิ่มฝ่ามือของเธอ แต่ว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยซักนิด แต่ว่าตรงหัวใจของเธอเหมือนกับโดนมีดแดง มันเจ็บปวดมาก
ที่แท้ นี่ต่างหากคือความรู้สึกที่แท้จริงของฉู่เฉินซีงั้นหรอ? สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย แล้วทำไมเขาต้องโง่ทิ้งผลประโยชน์เพื่อมาช่วยเธอด้วยล่ะ?
ที่จริง เรื่องจริงก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เธอหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เธอรู้สึกว่าเธอโง่มาก โง่ถึงขนาดที่ทุ่มเทให้ไปทั้งหมดถึงพึ่งจะรู้ความจริง ที่แท้เขาก็แค่เล่นกับเธอเท่านั้น
ฉู่เฟยหยางเดินไปเดินมาพร้อมกับกำโทรศัพท์แน่น แล้วก็ถามออกมาอย่างโมโห “ฉู่เฉินซี ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าแกพูดเรื่องจริง แกไม่ได้แคร์ผู้หญิงคนนี้เลยงั้นหรอ?”
“ฉู่เฟยหยาง อย่าล้อเล่นสิ ฉันไปแคร์เธอได้ยังไง?”
ฉู่เฟยหยางปาโทรศัพท์ลงพื้นอย่างดุร้าย สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองทุ่มเทอย่างหนักเพื่อทำตามแผนนี้ แต่ว่าเหยื่อกลับไม่ติดกับ!
เขาเดินไปๆมาๆในห้องไม่หยุด แล้วก็ลากผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา แล้วพูดอย่างดุร้าย “ในเมื่อมันไม่ต้องการเธอ แล้วฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม?”
ใบหน้าของหลินเวยมี่มีแต่น้ำ เธอเม้มปากแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “ตามใจนายแล้วกัน”
ฉู่เฟยหยางรู้สึกโมโหขึ้นกว่าเดิม แล้วก็เดินไปมาๆในห้องไม่หยุด เส้นเลือดที่หน้าผากปูดขึ้น เขายังไม่อยากจะเชื่อว่าตอนจบของแผนการของเขาจะเป็นแบบนี้ มันไม่ได้เป็นแบบที่เขาคาดไว้
ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตู แล้วก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล้อมรอบฉู่เฟยหยางไว้
“พวกแกเป็นใคร?” เขาถามออกมาอย่างประหลาดใจ
“พวกเรามาช่วยคน!”
พอได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาจากนอกประตู หลินเวยมี่ก็เงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นคนที่อยู่ตรงประตู แล้วก็รู้สึกสะอื้นขึ้นมา