แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 209 ไหนล่ะความเป็นมืออาชีพของเธอ
เขาโกรธมากๆโกรธเหมือนเสือดาวเลยล่ะ เขาจ้องเธอเขม็ง สายตาโกรธมาก จนอยากจะฆ่าผู้หญิงตรงหน้าให้ตาย
หลินเวยมี่หดคอไปมา มองฉู่เฉินซีที่ไม่พูดอะไรด้วยความหวาดกลัว
มือใหญ่กดลงมาที่ไหล่ของเธอ เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับผู้หญิงตรงหน้านี้ยังไง ความโกรธจึงค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นทำอะไรไม่ถูก
บนถนนมีคนเดินเล่นไม่กี่คน ทุกคนมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ
มือยังโดนเขาจูงอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่ชุ่มเหงื่อ เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วแกะมือเขาออก
ฉู่เฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้ววางมือบนไหล่อีกครั้งด้วยความแรง จนเธอรู้สึกเจ็บๆที่ไหล่ แต่ก็ไม่ได้หลบและไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
สายตาเขาเต็มไปด้วยความอดกลั้น ผ่านไปสักพักเขาจึงปล่อย จูงมือเธออีกครั้งแล้วเดินต่อ
เธอดูออกว่าเขากำลังอดกลั้นกับความโกรธของตัวเอง เธอตั้งใจเดินผิดจังหวะไม่เดินไปพร้อมกับเขา
ทั้งคู่เดินไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย จนเขามาหยุดตรงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
หลินเวยมี่จ้องเขาเขม็ง เดิมทีคิดว่าแค่เดินกันสองคนบนถนนแล้วก็กลับ ผู้ชายคนนี้นิ!คิดแต่เรื่องอย่างว่าตลอดเลยสินะ?
เธอรู้สึกโมโห ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ฉู่เฉินซีสังเกตเห็นได้ว่าเธอไม่ยอม จึงหันมามองเธอด้วยสายตาทะเล้น
“ทำไมล่ะ?ไม่อยากเข้าเหรอ?”
คำพูดของเขาเชิงล้อเล้น หลินเวยมี่จ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง แล้วหันหน้าไปทางอื่นเพื่อจะไม่มองเขา
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดึงมือเธอเพื่อจะเข้าไปด้านใน
“ฉู่เฉินซี เวลาที่เราอยู่ด้วยกันคุณคิดได้แค่เรื่องแบบนั้นงั้นเหรอ?”
เธอจ้องเขาเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความโมโห
ฉู่เฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจอุ่นๆรดไปที่หน้าของเธอ “งั้นเธอบอกฉันมาสิ ว่าฉันมีวิธีทำโทษเธอวิธีอื่นหรือเปล่า?”
“บ้าไปแล้วเหรอ!”
“หลินเวยมี่ อย่าลืมสถานะของตัวเองสิ เธอไม่ใช่มืออาชีพหรอกเหรอ?”
หลินเวยมี่ไม่สามารถมองข้ามท่าทางเยาะเย้ยของเขาได้ สายตาของเขามองราวกับฉันที่ใครๆก็สามารถครอบครองได้ ในหัวเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
หรือให้เธอยอมแพ้ ไม่โต้ตอบ แกล้งว่ายังรักเขา เขาถึงจะยอมปล่อยเธอไป?
ความคิดนี้แวบเข้ามา แต่มันชัดเจนมาก
รุ่งสาง ขณะที่ทั้งคู่กอดกันแน่น สายที่น่ารำคาญก็โทรเข้ามาทำให้ให้ทั้งคู่ตกใจตื่น
ฉู่เฉินซีหรี่ตาเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วก้มลงไปมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน เธอนอนในอ้อมแขนของเขา ขนตาสั่นเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าเธอตื่นแล้ว
ฉู่เฉินซีหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างๆขึ้นมา จูบเธออย่างอาวรณ์ไปก่อน1ครั้ง จึงจะรับสาย
“มีอะไร?”
“เฉิน ช่วงนี้คุณยุ่งอะไรอยู่?สัญญาเซ็นเรียบร้อยแล้ว ฉู่หรานก็บอกว่าจะกลับมาแล้วด้วย”
เสียงหวานๆของผู้หญิงดังขึ้น แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย หลินเวยมี่วาดรูปไปบนตัวเขาไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงในสายและจำได้ว่าเป็นเสียงของฐาลี่
“ทำเลที่ฝรั่งเศสดีมาก”ประโยคนี้ทำให้เขาฉุกคิดขึ้น เขาหรี่ตาลงสายตายิ้มๆมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วบีบจมูกเธอไปมา
“คุณจะอยู่ต่องั้นเหรอ?”ฐาลี่ถามอย่างลังเล คำพูดเต็มไปด้วยความกังวล“เฉิน คุณคงไม่ได้อยู่กับหลินเวยมี่จริงๆหรอกใช่ไหม?”
คิ้วของฉู่เฉินซีขมวดเป็นปม แล้วพูดออกไปอย่างไม่พอใจ“ถ้าเธออยากกลับก็กลับไปเถอะ”
ไม่รอให้ฐาลี่พูดอะไร เขารีบวางสายไป เขาอดไม่ได้ที่จะใช้มือทั้งสองข้างเล่นบนตัวเธอ
“สาวน้อย เมื่อกี้เธอปลุกอารมณ์ฉันใช่ไหม คิดออกแล้วใช่ไหมว่าจะดับมันยังไง?”
หลินเวยมี่ไม่ได้หลบแต่อย่างใด แต่กลับยิ่งมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขา พึมพำเบาๆ“ยังจะไร้ความรู้สึกอีก คุณทำแบบนี้กับคู่หมั้นงั้นเหรอ”
หลินเวยมี่หลับตาลงช้าๆ แล้วกอดคอเขาไว้
เหงื่อไหลไคลย้อย หลินเวยมี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ สงครามจบลงแล้ว จากนั้นเขาก็ไปสูบบุหรี่
หลินเวยมี่จึงนึกขึ้นได้ตอนที่ฐาลี่โทรมา เพราะใกล้กันมากดังนั้นเธอจึงได้ยินชัดเจน‘ฉู่หราน’สองคำนี้ได้ยินชัดเจน
ฉู่หราน ฉู่หราน หรือว่าจะเป็นรั่วหราน?คิดได้เช่นนั้นใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมา ถ้าจะบอกว่าไม่แคร์คงจะโกหกเกินไป
มือเล็กๆยื่นออกไป แล้วกอดเอวเขาไว้หลวมๆ แล้วเอนหัวไปซบในอ้อมแขนเขา
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ “เฉิน ฉู่หรานที่ฐาลี่พูดถึงเมื่อกี่นั้นใช่……”
“เธออย่าคิดมาก”สีหน้าฉู่เฉินซีไม่สู้ดีนัก เขาก้มลงไปมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหยุดคำพูดของเธอทั้งหมดลงไป
หลินเวยมี่ตอบสนองเขา แต่ในใจของเธอก็เข้าใจชัดเจน ฉู่เฉินซีมีปฏิกิริยาอย่างเร็วแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าคิดเหมือนที่เธอคิด ฉู่หรานก็คือรั่วหราน
ตอนนี้หัวใจเต้นรัวไปหมด เริ่มตื่นตระหนก เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะอยู่ใกล้กับแม่ขนาดนี้
ทั้งคู่อยู่ที่โรงแรมจนถึงช่วงบ่ายถึงจะตื่น กินอะไรนิดหน่อย หลินเวยมี่ก็ไปทำงาน
แต่เธอดูเหมือนจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย เธออยากรู้ว่ารั่วหรานอยู่ที่ไหน อยากเจอเธอ แต่ดูจากท่าทางของฉู่เฉินซีเมื่อวานนี้แล้ว คงไม่ให้พวกเธอเจอกันง่ายๆแน่
“พี่เวยมี……”หวงหยิ่งพูดขึ้น
หลินเวยมี่มองเธอด้วยความงุนงง แล้วถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกออกไป“ว่าไง?”
หวงหยิ่งมองซ้ายมองขวา แล้วจึงถามขึ้นเบาๆ“พี่เวยมี พี่กับแขกห้อง301มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ?พวกพี่……”
หวงหยิ่งไม่ได้พูดต่อ แต่หลินเวยมี่เข้าใจว่าเธอต้องการสื่ออะไร เธอจึงตื่นตระหนกขึ้นมา
“หวงหยิ่ง ที่เธอพูดหมายความว่าไง?”
หวงหยิ่งไม่คิดว่าเธอจะมีท่าทางแบบนี้ จึงพูดออกไปว่า“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน มีคนบอกว่าเมื่อวานพวกพี่เดินจูงมือกันบนถนน”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ คิดไม่ถึงว่าเรื่องของพวกเขาจะมีคนอื่นรู้เข้า
หวงหยิ่งมองไปยังหน้าของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด แล้วก็ไม่รู้ว่าควรพูดยังไง ทำได้เพียงลอบมองเธออย่างระมัดระวัง
“พี่เวยมี พวกพี่……”
“ไม่ต้องถามแล้ว!”หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแน่นแล้วเดินไปห้องน้ำ สาดน้ำเย็นๆมาที่หน้า ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง
เรื่องของพวกเขาอยู่ในสายตาของทุกคนอยู่แล้ว มีคนรู้มันก็แค่ช้าหรือเร็วแค่นั้น แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครรู้ ยังอยากใช้ชีวิตดีๆต่อไป แต่ตอนนี้กลับทำให้มันวุ่นวายไปแล้ว
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นถึงสายตาแปลกๆที่คนอื่นมองเธอ เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ใบหน้าน้อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
“พี่เวยมี……”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นไปมองหวงหยิ่งที่มีสีหน้าหวาดกลัว แล้วมองข้ามไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าแผนกต้อนรับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ฐาลี่ก็มาด้วยงั้นเหรอ
“พวกเราหาที่คุยกันดีกว่า?”ฐาลี่มองไปที่เธอแวบหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
หลินเวยมี่พยักหน้า แล้วเดินตามเธอออกไปด้านนอก
ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ ไม่มีใครปริปากเริ่มพูดก่อน
“ได้ข่าวว่าเธอแต่งงานแล้ว”น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
หลินเวยมี่เงยหน้ามองตาเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นอารมณ์ผ่านสายตาของหล่อน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าฐาลี่เป็นคนที่มีอะไรก็จะเก็บไว้ในใจ ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ เปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ?
“อีกทั้งยังมีลูกแล้ว1คน?”
“ใช่”หลินเวยมี่ตอบอย่างไม่ถือตัว เพราะเธอไม่คิดว่าเธอติดค้างอะไรฐาลี่
ฐาลี่หัวเราะออกมาเบาๆ สายตายิ่งดูถูกมากขึ้น“งั้นเธอมีสิทธิ์อะไร?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจ “เธอมาที่นี่ ก็เพราะจะพูดเรื่องพวกนี้กับฉันงั้นเหรอ?”
ฐาลี่หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าอย่างลวกๆ จากนั้นก็จุดมัน แล้วสูบเข้าไป สายตามองทอดออกไปด้านนอก แล้วพูดเสียงหนักแน่น“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“นั่นมันเป็นเรื่องของพวกเธอ ที่เขาไม่แต่งงานกับเธอ เธอมาหาฉันมันจะมีประโยชน์อะไร?”
คำพูดของหลินเวยมี่ค่อนข้างโหดร้าย และทำให้เธอสุดจะทนจนตัวสั่นขึ้นมา
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
“ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอละก็……”
“ฉัน?เกี่ยวอะไรกับฉัน?”หลินเวยมี่พูดขัดขึ้นมา แล้วถามออกไปช้าๆ
ฐาลี่เงยหน้าขึ้นมา จ้องดวงตาที่แดงก่ำ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หลินเวยมี่!ตอนนั้นถ้าเธอไม่ทำลายงานแต่งของฉัน ฉันคงไม่ต้องยังไม่ได้แต่งกับเฉินจนถึงทุกวันนี้หรอก?”
หลินเวยมี่ยิ่งงงเข้าไปอีก ฉู่เฉินซีไม่ได้ช่วยเธอเพื่อหวังผลประโยชน์หรอกเหรอ?ตอนนี้ทำไมฐาลี่กลับพูดแบบนี้ เธอไปพังงานแต่งของพวกเขาอะไรกัน?นี่มันใส่ร้ายเธอเกินไปแล้ว?
“ฐาลี่ ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด เธอเอาอะไรมาใส่ความฉัน?”
“ใส่ความ?”ฐาลี่เงยหน้าจ้องเธอเขม็ง“ตอนนั้นเฉินรีบไปช่วยเธอ ทำให้พลาดงานแต่ง แต่เธอกลับบอกว่าฉันใส่ร้ายเธองั้นเหรอ?ฉันยังสงสัยว่าตอนนั้นเธอคิดจะหนีไปกับเขาซะด้วยซ้ำ!”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ตกลงตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?ทำไมฐาลี่จึงพูดว่าฉู่เฉินซีมาช่วยเธอ?