แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 186 เมื่อความรักสิ้นสุดลง
หลินเวยมี่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นฉู่เฉินซีตื่นตกใจขนาดนี้มาก่อน ก็ดึงแขนเขาไว้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
สีหน้าของฉู่เฉินซีแข็งทื่อ แววตาเป็นประกาย “เธอไม่ต้องยุ่งหรอก เดี๋ยวฉันจะเรียกอ้านเย่มารับเธอกลับไป”
“ฉันไม่กลัวหรอก”
หลินเวยมี่มองสีหน้ารีบร้อนของผู้ชายตรงหน้า แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ อยากจะตามไปถามให้เคลียร์ แต่ว่าเธอไม่รู้ว่าควรจะถามว่ายังไง ต่อให้ถามไป ฉู่เฉินซีก็ไม่มีวันบอกเธอแน่นอน
ถ้ายังงั้นเมื่อกี้ใครเป็นคนโทรมาล่ะ?
“ไม่ต้องให้ฉันเรียกคนมารับเธอไปส่งจริงๆหรอ?” เขาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วก็ถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่ต้องหรอก นี่คือบ้านฉันเองมันมีอะไรน่ากลัวกันล่ะ พรุ่งนี้ค่อยมารับฉันก็ได้”เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาที่มีความหวัง
สีหน้าของฉู่เฉินซีดูทุกข์ใจ เขาขมวดคิ้วแน่น แล้วก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
แสงไฟในคฤหาสน์ดูเงียบสงัดกว่าวันธรรมดาเล็กน้อย ฉู่เฉินซีเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามืดมน พ่อบ้านหลี่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
“พ่อบ้านหลี่ น้าหรานเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณชายสาม เข้าไปดูเองเถอะครับ”พ่อบ้านหลี่ถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้า
ฉู่เฉินซีใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ เปิดประตู แล้วก็เห็นแผ่นหลังที่ผ่านโลกมามากของคุณท่านแก่ฉู่ คุณท่านแก่ฉู่มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่บนเตียง สายตามีแต่ความเจ็บปวด”
“พ่อ น้าหรานเป็นยังไงบ้าง?”เขาก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วก็เห็นน้าหรานที่นอนอยู่บนเตียง เขาก็รู้สึกสงสัย น้าหรานก็สบายดีมากโดยตลอด ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยซักครั้งเดียว
คุณท่านแก่ฉู่เงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เมื่อกี้พึ่งเอายากล่อมประสาทให้รั่วหรานไป แกออกมากับฉันเดี๋ยวนี้!”
หลังจากพูดจบคุณท่านแก่ฉู่ก็เดินออกไปจากห้อง ฉู่เฉินซีมองหน้าน้าหรานด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วก็ก้าวเดินตามไป
คุณท่านแก่ฉู่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้ามืดมน ในมือถือซิการ์อยู่ แล้วก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อตอนบ่ายแกไปไหนมา?”
“พ่อ หมายความว่ายังไง?” ฉู่เฉินซีถามออกมาอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าคุณท่านแก่ฉู่หมายความว่ายังไง
“แกไปซูปเปอร์มาร์เก็ตกับหลินเวยมี่ใช่มั้ย!”น้ำเสียงของคุณท่านแก่ฉู่เย็นชาลงไปอีก แล้วก็มองมาที่ฉู่เฉินซี
ใบหน้าของฉู่เฉินซีค้างแข็ง แต่ว่าก็ไม่ได้ตอบอะไร
“แกแค่ต้องตอบว่าใช่หรือไม่ใช่!”คุณท่านแก่ฉู่ถามต่อ
ถึงแม้ว่าฉู่เฉินซีจะชินกับเหตุการณ์แบบนี้มามากแล้ว แต่ว่ายังคงโดนอิทธิพลแรงกดดันจากคุณท่านแก่ฉู่ แล้วเขาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
“ผมไปซูปเปอร์มาร์เก็ตกับหลินเวยมี่มาจริง แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับการที่น้าหรานป่วยด้วยล่ะ?”
“ปัง!”
พอฉู่เฉินซีพูดจบ หมัดของคุณท่านแก่ฉู่ก็เลยเข้ามา สายตาของเขาแดงก่ำ แล้วก็ถามกลับอย่างเย็นชา “แกลืมที่หลายวันมานี้ฉันบอกแกงั้นหรอ?”
“พ่อ หมายความว่ายังไง?” ฉู่เฉินซีลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาดีๆอีกครั้ง แล้วก็ถุยเลือดออกมา ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“หมายความว่ายังไงงั้นหรอ? แกยังกล้าถามฉันว่าหมายความว่ายังไง? ก็เพราะว่าวันนี้รั่วหราน เจอหลินเวยมี่!”
คุณท่านแก่ฉู่คำรามออกมา แล้วในห้องโถงก็เต็มไปด้วยความเงียบ ฉู่เฉินซีมองหน้าคุณท่านแก่ฉู่นิ่ง แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ
“น้าหรานเห็นหลินเวยมี่งั้นหรอ?”
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าทั้งสองคนจะเจอกันที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต ก็ว่าคุณท่านแก่ฉู่ให้ยากล่อมประสาทกับน้าหราน เหงื่อก็ออกที่ใบหน้าของเขาทันที ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
“หึ! ตอนแรกแกบอกฉันว่ายังไง? แถมตอนนี้ยังจะมาถามฉันกลับอีกงั้นหรอ?” คุณท่านแก่ฉู่ใบหน้ามีแต่ความโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ภายในครึ่งเดือนนี้ ถ้าเกิดว่าแกไล่เธอไปไม่ได้ ฉันก็จะให้เธอหายไปจากโลกนี้เอง”
ใบหน้าของฉู่เฉินซีซีดลงทันที เพราะเขารู้ว่าคำพูดของคุณท่านแก่ฉู่ไม่ใช่แค่คู่ คุณท่านแก่ฉู่คิดอยากจะฆ่าหลินเวยมี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พ่อ ผมจะจัดการให้ได้ภายในครึ่งเดือนนี้”
“ให้มันเป็นแบบนั้นเถอะ! หึ!” คุณท่านแก่ฉู่ทำเสียงเย็นชาออกมา แล้วเดินกลับห้องไป
ฉู่เฉินซีจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สายตามองไปยังที่ไกลๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ ทางเลือกเดียวที่เขามี ก็คือต้องทิ้งหลินเวยมี่
หลินเวยมี่นั่งอยู่บนเตียง แต่ว่าทำยังไงก็นอนไม่หลับ
แกร่ก——เสียงประตูเปิดออก
เธอรู้สึกอัดแน่นในหัวใจทันที แล้วก็กำผ้าห่มแน่น ได้ยินว่าฉู่เฉินซีบอกว่าคืนนี้เขากลับมาไม่ได้แล้ว แล้วทำไมถึงมีเสียงเปิดประตูได้ล่ะ? หรือว่าขโมยหรอ?
ยิ่งคิดยิ่งกังวล เสียงฝีเท้าดังไปรอบบ้านของเธอ เธอรีบหลบอยู่ข้างประตู มือถือไม้แขวนเสื้อ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล แต่ว่าก็คงสามารถทำให้ขโมยตกใจได้
ประตูถูกเปิดออก เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ร่างมืดเดินเข้ามาแล้วก็เปิดไฟ
แสงไฟสว่างขึ้น ทำให้หลินเวยมี่หลับตาปี๋
“เธอทำอะไรอยู่น่ะ?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น หลินเวยมี่ก็รีบลืมตาขึ้นทันที แล้วก็โผเข้าหาเขา
“ตกใจหมดเลย ฉันก็นึกว่า……”
ฉู่เฉินซียิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วก็ลูบผมเธออย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจ “เธอคิดว่าฉันเป็นขโมยงั้นหรอ?”
หลินเวยมี่เม้มปากไม่พูดอะไรออกมา แล้วก็มุดหน้าเข้าไปในอ้อมอกของเขา ดมกลิ่นของเขา
“นายกลับมาได้ยังไง?”
“อืม กลัวว่าเธอจะกลัวไง”หลังจากพูดจบ ก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วก็วางเธอลงบนเตียงเบาๆ หลังจากนั้นดันเธอให้นอนลง “นอนเถอะ”
หลินเวยมี่ซุกหน้าอกเขาแน่น แล้วก็ตอบเบาๆ รู้สึกได้ถึงความสบายใจ หลังจากนั้นก็หลับลงไปทันที
แต่ว่าฉู่เฉินซีทำยังไงก็นอนไม่หลับ เขามองผู้หญิงตัวเล็กๆในอ้อมอกของเขา แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างไร้เสียง
ตอนเช้าตรู่ของวันที่สอง ฉู่เฉินซีดึงหลินเวยมี่ที่สะลึมสะลือให้ลุกขึ้น
“ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้ว ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ” ฉู่เฉินซีมองผู้หญิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างยิ้มแย้ม แล้วก็จุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของเธอ
“ไม่ไป ฉันอยากนอนต่ออีกหน่อย” เธอเอนลงไปบนเตียงอีกครั้ง
“เธอไม่ไปฉันไปคนเดียวก็ได้ หลังจากนั้นเธอก็กลับบ้านคนเดียวนะ” ฉู่เฉินซีทำท่าทางเหมือนจะเดินออกไป แต่ว่าก็โดนดึงชายเสื้อไว้ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“เลว!”หลินเวยมี่มองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ แล้วก็รีบแต่งตัวอย่างไว
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านอาหารเช้า หลินเวยมี่ดื่มนมถั่วเหลือง ดวงตายังคงสะลึมสะลือ
“เดี๋ยวค่อยกลับไปนอน”ฉู่เฉินซียิ้มแล้วก็บีบจมูกของเธอ มองหน้าเธอ เหมือนว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ
หลินเวยมี่หาวออกมา แล้วก็หรี่ตามองหน้าฉู่เฉินซี แล้วก็ตกใจเมื่อได้เห็นมุมปากของเขา ยื่นมือเข้าไป แล้วสังเกตอย่างละเอียด
“ใครชกหน้านายมาน่ะ?”
สีหน้าของฉู่เฉินซีแข็งทื่อ และผสมกับความไม่พอใจ “เธอไม่ต้องยุ่งหรอก”
เธออึ้งไป แล้วก็ถามอย่างกลุ้มใจ “คุณท่านแก่ฉู่ทำหรอ? เมื่อวานเขาเรียกนายกลับไปใช่มั้ย? ทำไมเขาถึงทำร้ายนายล่ะ?”
“ฉันบอกแล้ว ว่าเธอไม่ต้องถาม!” สายตาของฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงมืดมน
หลินเวยมี่มองหน้าเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วก็พูดออกมาอย่างโกรธ “ฉันจะไปจัดการเขา! มีสิทธิ์อะไรมาตีคนอื่นไปทั่ว?”
“แผลตรงหน้าผากของเธอไม่เจ็บแล้วหรอ?”ฉู่เฉินซีเหลือบมองหน้าเธอ สายตาเต็มไปด้วยการเตือน
หลินเวยมี่ที่กำลังจะยืนขึ้นก็นิ่งทันที แล้วก็นั่งลงไปอีกครั้งอย่างไร้อำนาจ ในความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอก็ไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ยิ่งอย่าไปเทียบกับคุณท่านแก่ฉู่เลย
ครั้งที่แล้วที่ไม่โดนเขาฆ่าก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอมากแล้ว ถ้าเกิดว่าไปหาเขาอีกครั้ง เกรงว่าน่าจะกลับมาไม่ได้แล้ว
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หรี่ตาลง แล้วก็พูดออกมาอย่างจำใจ “ฉู่เฉินซี ฉันรู้สึกพ่ายแพ้ ไม่มีอำนาจ”
“พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรไปเรื่อยแล้ว” ฉู่เฉินซีลูบมือเธออย่างปลอบใจ
เธอพยายามฝืนยิ้มออกมา แล้วก็ดื่มนมถั่วเหลือง
ทั้งสองคนกลับมาที่คฤหาสน์ แล้วก็เห็นฐาลี่กำลังเดินลงมาพอดี ฐาลี่มองหน้าพวกเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง แต่ว่าสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ว่าหลินเวยมี่ กลับรู้สึกเก้ๆกังๆ แล้วก็ปล่อยมือฉู่เฉินซีอย่างรวดเร็ว”
“เฉิน เวยมี่ อาหารเช้าอยู่ในห้องครัว” ฐาลี่ยิ้มออกมา แล้วก็เดินออกไปด้านนอก
สีหน้าของหลินเวยมี่ดูเก้ๆกังๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ่งฐาลี่ไม่สนใจ เธอยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เหมือนกับว่าเธอเป็นชู้จริงๆ
สีหน้าของฉู่เฉินซีไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็พยักหน้าอย่างไม่แยแส “ไปวิ่งตอนเช้าหรอ? รอฉันด้วย”
“ได้” ฐาลี่ยิ้มแล้วตอบ
สีหน้าของหลินเวยมี่ค้างแข็ง เธอไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นเธอคงไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย เธอยักไหล่ แล้วก็เดินกลับห้องไป
ฉู่เฉินซีเองก็ไม่ได้ถามเธอ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกไป
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบออกกำลังกายจริงๆ แต่ว่าเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอหลบอยู่ตรงระเบียงแล้วก็ดูคนทั้งสองคนวิ่งไปตามทาง เธอก็รู้สึกหดหู่ใจ
“เด็กน้อย ช่างทำให้คนอื่นโมโหจริงๆ! เขาลืมแม่ไปแล้ว” หลินเวยมี่วางมือไว้บนหน้าท้องของตัวเอง แล้วก็พูดด้วยความโกรธเคือง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตู Elisมองไปรอบๆอย่างเซอร์ไพรส์ หลังจากนั้นสายตาก็ตกมาที่หลินเวยมี่
“เธอกำลังพูดอยู่คนเดียวงั้นหรอ?”
สีหน้าของหลินเวยมี่แข็งทื่อ แล้วก็รีบเก็บมือ “ไม่เกี่ยวกับเธอซักหน่อย”
“นี่ ฉันว่าเธอเป็นบ้ารึป่าว? เช้าขนาดนี้ก็ผิดปกติแล้ว เธอจิตไม่ปกติรึป่าว?” Elisพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหลม
หลินเวยมี่เหล่มองหน้าเธออย่างรำคาญ แล้วก็พูดอย่างกลุ้มใจ “จู้จี้จุกจิกทำไม? ไม่มีใครทะเลาะกับเธอหรอ ออกไปซะ”
“แค่เพราะว่าเฉินปกป้องเธอ เธอก็ยิ่งใหญ่มากเลยงั้นหรอ? ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ แต่ว่าอีกไม่นานเธอก็คงจะนั่งร้องไห้แล้วล่ะ” Elisยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย แล้วก็พูดออกมาทีละคำ “เฉินกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวฉันแล้ว จนถึงตอนนั้นเธอไสหัวไปให้ไกลเลยนะ”
“อะไรนะ?”ใบหน้าของหลินเวยมี่ซีดเผือกทันที เธอมองหน้าElisอย่างตะลึง
“สงสัยเฉินคงยังไม่ได้บอกเธอสินะ? เฉินตัดสินใจจะแต่งงานกับพี่สาวฉันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนั้นฉันก็ฟังอยู่ข้างๆเธอด้วย” Elisฉีกยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม “ชู้ก็คือชู้ ได้เฉินไปแล้วยังไง ตอนนี้โดนเฉินเฉดหัวไปไกลๆแล้วนิ?”
“เธอพูดมั่ว!”สายตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่ว่าเสียงของเธอกลับเบากว่าElisมาก เมื่อวานฉู่เฉินซีไปเจอคุณท่านแก่ฉู่มาแล้วคุยอะไรกันบ้าง?
“ฉันพูดมั่วงั้นหรอ? ถ้าเกิดว่าเธอไม่เชื่อ เฉินกลับมาก็ไปถามเขาเองสิ แต่ฉันว่าเธอไม่ถามจะดีกว่า เหมือนหน้าเรื่องให้ตัวเองหน้าแตก”
ใบหน้าเล็กๆของหลินเวยมี่ขาวซีด เธอไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ฉู่เฉินซีเลือกฐาลี่ให้แต่งงานกับเขาจริงๆ แล้วเธอควรจะทำยังไงดี?
หรือว่ามันถึงเวลาที่เธอต้องจากไปแล้ว? หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบรัด อารมณ์ที่ไม่อยากปล่อยมือของเธอกระทบทุกเส้นประสาททำให้และจิตวิญญาณของเธอ
ที่แท้พอถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆเธอถึงได้รู้สึกไม่อยากปล่อยมือขนาดนี้