บทที่208 5ปีก่อนมันก็เป็นแค่ความผิดพลาด
จู่ๆบรรยากาศก็เงียบไป ฉู่เฉินซีรีบดึงมือกลับ แล้วพูดออกไปอย่างเย็นชา“ไม่ได้”
“น่าเสียดายจริงๆ”เดวิดมองเขาด้วยรอยยิ้ม สายตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
สายตาของฉู่เฉินซีก็มีแสงจางๆวาบเข้ามา เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ สายตาแจ่มแจ้ง
ณ สนามเด็กเล่น เด็กตัวไม่เล็กไม่ใหญ่นั่งบนเก้าอี้เงียบๆ และถือน้ำผลไม้1แก้ว
“น้าเย่หนิง……”เสี่ยวหลงเบิกตากว้างแล้วมองเธอด้วยความน่าสงสาร ทำปากยื่น“เสี่ยวหลงอยากไปเล่น”
เย่หนิงเม้มปากไปมา แล้วรีบปลอบใจเขา“ซาลาเปาน้อย เรามาที่นี่ก็จะโดนแม่หนูด่าแล้วนะ ถ้าให้ไปเล่นละก็ น้าตายแน่ๆ เพื่อน้าเย่หนิงพวกเราแค่ดูๆไปก็แล้วกันเนอะ”
ใบหน้าของซาลาเปาน้อยไม่มีความสุข เบ้ปากทำหน้ามุ่ยแล้วก้มหน้าลง“ได้แค่ดู”
ท่าทางแบบนั้น ใครเห็นก็ต่างทนไม่ได้
เย่หนิงก้มลงไปมองขาที่บาดเจ็บของเขา แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล ซาลาเปาน้อยตอนนี้ยังเล่นไม่ได้ เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเขาอีก
ซาลาเปาน้อยถอนหายใจออกมา แล้วดื่มน้ำผลไม้พลางมองเด็กคนอื่นๆเล่น เขาอยากไปกระโดดโลดเต้น ยังไงซะก็ยังเป็นเด็ก อยากเล่นมากๆ
“ซาลาเปาน้อย แม่กำชับพวกเราแล้วนะว่าไปเล่นไม่ได้เด็ดขาด หนูก็อย่าไปวิ่งเล่นล่ะเข้าใจไหม ?”เย่หนิงขู่เขาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวซาลาเปาน้อยจะวิ่งหนีไปเหมือนครั้งก่อน
ซาลาเปาน้อยเม้มปากแล้วพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะรับปากเธอ แล้วก็นั่งหน้าบึ้งดื่มน้ำผลไม้ไป
“ไอหยา!ใช่เธอจริงๆ!เธอมีลูกแล้วเหรอเนี่ย!”เสียงประหลาดใจดังมาจากด้านหลังเธอ เย่หนิงขมวดคิ้วแล้วหันไปมองผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าสีจัดจ้านด้านหลัง
“คุณเป็นใคร?”เธอถามด้วยความระแวง แล้วก็พาซาลาเปาน้อยเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่รู้จักฉันซะแล้วเหรอ?เราเคยเจอกันครั้งหนึ่ง”ผู้ชายคนนั้นนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็ทำหน้าผีหลอกใส่เสี่ยวหลง
เสี่ยวหลงเม้มปากไปมา แล้วก็ดื่มน้ำผลไม้ต่ออย่างใจเย็น ราวกับไม่เห็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
เย่หนิงเห็นเขาท่าทางสนิทสนมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเหยๆออกไป แล้วพูดต่อ“แต่ฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ”
“ยังจำเดวิดได้ไหม?ฉันเป็น……”ผู้ชายคนนั้นยิ้มยก แล้วกรีดกรายนิ้วขึ้นมาปัดผมให้เรียบ
ทันใดนั้นเย่หนิงค่อยๆรู้สึกเย็นแปลกๆ ตอนนี้ถึงจะจำได้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนที่เห็นวันนั้นไม่ใช่เหรอ?
เมื่อนึกถึงเดวิดก็กลืนน้ำลายอึกๆ โลกของพวกเขาเธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจ
“คุณนี่เอง”ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นมา
ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น มองไปยังซาลาเปาน้อย แล้วถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม“นี่ลูกคุณเหรอ?”
“อืม”เย่หนิงไม่อยากจะพูดคุยกับผู้ชายตรงหน้าซักเท่าไหร่ เธอรีบอุ้มซาลาเปาน้อยแล้วเดินออกไป“ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ไปก่อนนะ”
“น้าเย่หนิง คนเมื่อกี้นั่นเขาเป็นคุณอาหรือคุณน้าเหรอครับ ?”เสี่ยวหลงถามด้วยสีหน้าสงสัย
เย่หนิงเม้มปากเข้าด้วยกัน แล้วมองไปยังเสี่ยวหลง เธอตัดสินใจที่จะไม่ทำลายโลกอันสดใสของเด็ก
“หนูทายมาสิ”
ซาลาเปาน้อยยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่ถามอะไรออกมาอีก
เมื่อกลับถึงบ้าน เย่หนิงพาซาลาเปาไปนั่งอย่างระมัดระวัง นี่ถึงจะค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้า
“เย่หนิง ขอบใจมากนะ”หลินเวยมี่กอดเสี่ยวหลงแล้วมองสำรวจไปที่ขาของเขา
“พวกเธอไปไหนมาเหรอ?”
“ร้านเค้ก”
“ร้านน้ำผลไม้ครับ”
หลินเวยมี่เงยหน้ามองทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ สีหน้าเปลี่ยนไป แล้วถามด้วยเสียงหนักแน่น“ตกลงว่าไปที่ไหนกันมา?”
“พวกเราไปร้านเค้กก่อนแล้วจึงไปร้านน้ำผลไม้ แล้วก็เจอคุณอาท่าทางแปลกๆด้วยครับ”ซาลาเปาน้อยตอบกลับไป ท่าทางดูจริงจังมากไม่เหมือนว่ากำลังโกหก เย่หนิงสะกิดมือเขาอย่างช่วยไม่ได้
“อาท่าทางแปลกๆ?”หลินเวยมี่ถามขึ้น
“เขาเป็นผู้ชายที่คล้ายผู้หญิงครับ แล้วก็รู้จักคุณพ่อด้วย”ซาลาเปาน้อยหยิบผลไม้ข้างๆมากัดพร้อมพูดไปด้วย
เย่หนิงสบกับสายตาสงสัยของหลินเวยมี่ เธอจึงกระแอมออกมา แล้วหลบสายตาไปทางอื่น
“เวยมี่ ฉันไปล้างมือก่อนนะ แล้วค่อยมาคุยกับเธอ”
เธอรีบเดินไปห้องน้ำ ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับหลินเวยมี่ยังไง หลินเวยมี่เป็นภรรยาของเดวิดนะ ถ้ารู้ว่าเมียน้อยเป็นผู้ชายละก็คงมีผลกระทบแน่ๆ?
ประตูห้องน้ำเปิดออกช้าๆ เดวิดเดินเปลือยตัวออกมา ทั้งคู่เดินมาเจอกันพอดี
“โรคจิต!”เย่หนิงร้องขึ้นเสียงดัง แล้วค่อยๆมองลงไปด้านล่าง ดีที่ยังไม่ทันเห็นอะไร เธอจึงโล่งอก
“เธอมาได้ยังไง?”เดวิดมองไปที่เธอแวบหนึ่ง สีหน้ายากจะคาดเดา แล้วหยิบน้ำหอมผู้ชายที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาฉีด
เย่หนิงอดคิดถึงผู้ชายที่เห็นเมื่อสักครู่ไม่ได้ รู้สึกหนาวสั่น แล้วมองไปที่เดวิดyyแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกรังเกียจขึ้นมา
“นี่มันบ้านคุณงั้นเหรอ?ฉันมาไม่ได้ว่างั้น?”เย่หนิงมองเขาแวบหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ไม่ใช่เธอจะมองคนแบบนี้ไม่ออก แม้กระทั่งเธอที่มีจิตใจปกติก็ยังรับไม่ได้
“นี่มันบ้านฉันมาตั้งแต่แรก”เดวิดพูดอย่างเย็นชา จู่ๆเขาก็ทำสายตาหยอกล้อ แล้วโน้มตัวไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย“ว่าแต่เธอเถอะ ชอบมาแอบดูฉันทุกครั้ง คิดอะไรกับฉันรึเปล่า?”
เดวิดค่อยๆเข้าไปหาเธอ แล้วมองไปที่เธอที่เต็มไปด้วยความกลัว ทำให้อดขำไม่ได้
เขาทำให้เย่หนิงตกใจจริงๆ ทั้งสองใกล้กันมาก ลมหายใจเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมที่มาจากตัวของเดวิด แต่เมื่อกลับมาคิดดู ทำไมเธอต้องกลัวเดวิดด้วยล่ะ?
ไม่แน่เดวิดก็อาจจะเป็นเพศเดียวกับเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หนิงก็ยิ้มเหยๆออกมา แล้วก็สะกิดไปที่หน้าอกเขา ถามไปด้วยสีหน้างงๆ“พูดมาตามตรงนะ ในโลกของพวกคุณ คุณเป็นฝ่ายรุกใช่ไหม?”
เดวิดหน้าดำคร่ำเครียด นี่เป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าถามเรื่องนี้กับเขาตรงๆแบบนี้ เธอเป็นผู้หยิงที่กล้ามากๆ !
“เธอเดาดูสิว่าเป็นฝ่ายไหน?”
“คุณเป็นฝ่ายรุกแน่ๆ เพราะแฟนของคุณตัวเล็กเกินไป ฮ่าๆๆ ผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกันยังไงเหรอ?”เธอถามด้วยหน้าตาอยากรู้อยากเห็น
“ฉันไม่รู้ ยังไม่เคยลอง”เดวิดยิ้มออกมาบางๆ“แต่ว่า ลองได้”
เย่หนิงเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ จู่ๆก็รู้สึกได้ว่าเขากดตัวลงมา ริมฝีปากเย็นเฉียบ
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทำให้หลินเวยมี่ที่นั่งอยู่บนโซฟามองไปยังห้องน้ำ จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เดวิดก็ไปเข้าห้องน้ำ
“แม่ครับ น้าเย่หนิงเป็นอะไรไปเหรอครับ?”เสี่ยวหลงรีบถามขึ้น
“คง……ไม่เป็นไรหรอก”
เมื่อหลินเวยมี่พูดจบ เย่หนิงก็เดินหน้าแดงออกมา ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำ แล้วพูดอย่างกลัดกลุ้ม“เย่หนิง ฉันค่อยมาหาเธอวันหลังนะ”
หลินเวยมี่หยักหน้างงๆ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายดังเข้ามา
“เวยมี่เพื่อนเธอนี่น่าสนใจดีแฮะ”
หลินเวยมี่เม้มๆปาก แล้วมองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงห้องน้ำ อดไม่ได้ที่จะคิดอะไรบางอย่าง
โทรศัพท์ดังไม่หยุด หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแล้วก็มองไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย สีหน้าเข้มขึ้นมา เธอไม่อยากไปเจอฉู่เฉินซีเธอไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องที่อยู่ในครัวกันสองคนได้
เธอนอนอยู่บนเตียงแล้วทึ้งผมด้วยความโมโห
ติ๊ด ติ๊ด——
เธอเปิดดูข้อความ แล้วมองไปที่ข้อความขู่นั่น ทำให้ขมวดคิ้วตึง
“มาให้ฉันเห็นหน้า ภายใน30นาที”
หลินเวยมี่นึกถึงสีหน้าของฉู่เฉินซีเมื่อพูดคำนี้ออก เธอจึงถอนหายใจออกมา
ณ แผนกต้อนรับของโรงแรม บังเอิญเป็นเวลาทำงานของหวงหยิ่งพอดี เมื่อหวงหยิ่งเห็นหลินเวยมี่ก็ประหลาดใจ
“พี่เวยมี มาได้ไงคะ?”
หลินเวยมี่หน้าแดงเพราะอึดอัดใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี
“ฉัน……ฉันมาดูข้อมูลน่ะว่าผิดไหม”
ท่าทางตกตะลึงของหวงหยิ่ง ทำให้หลินเวยมี่หยิบเอกสารออกมาดู
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ภายใน30นาทีตามที่ฉู่เฉินซีบอกเป๊ะๆ
เธอขมวดคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์ไว้ข้างหู
“หลินเวยมี่ เธอกำลังท้าทายอารมณ์ของฉันงั้นเหรอ!”
หลินเวยมี่มองไปมา แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอจึงกัดฟันพูดออกไป“ฉู่เฉินซี ฉันอยู่ด้านล่าง!”
“ทำไมยังไม่ขึ้นมา?”เขาถามอย่างเข้มงวด ไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ!ฉู่เฉินซี ฉันเกลียดคุณจริงๆ!”หลินเวยมี่ด่าเขาเสียงเบา
คนในโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ไม่นานเขาก็พูดขึ้นมา“เธอรอฉันด้านนอก”
วางสายไปแล้ว หลินเวยมี่นั้นปั่นป่วนขึ้นมา เธอเก็บเอกสารไปอย่างกลุ้มใจ แล้วเดินออกไปด้านนอก
หลินเวยมี่ยืนอยู่ที่ไฟของถนนเงียบๆ ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ เธอยังไม่ทันหันไปมองมือใหญ่อันอบอุ่นก็มาจับมือเย็นๆของเธอซะก่อน
หลินเวยมี่เงยหน้าสบตากับฉู่เฉินซี ผมเขาเปียกโชก คงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ทำไมมือเธอเย็นแบบนี้ล่ะ?”เขาดึงมืออีกข้างหนึ่งของเธอมาจับไว้ในมืออุ่นๆของเขา
ทั้งคู่ยืนอยู่ที่ไฟถนนราวกับคู่รักกัน ที่ฉู่เฉินซีช่วยให้มือเธออุ่น
“คนแก่บอกไว้ว่า มือเย็นเพราะไม่มีคนเป็นห่วง”เธอยิ้มเจื่อนๆออกมา ริมฝีปากเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้ว เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูดออกมาก็อยากจะอ้วก“จากนี้ฉันจะทำให้มือเธออุ่นเอง”
พูดออกมาเช่นนั้น ทำให้ทั้งคู่ใจเต้นแรง ฉู่เฉินซีก้มหน้าเขินอายเล็กน้อย มือของเธอจะให้เขามาทำให้อุ่นได้ไงกัน?
หลินเวยมี่หันหน้าไปอีกด้านอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้
จู่ๆทั้งคู่ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เขาจูงมือเธอแล้วเดินไปตามถนน รับสายลมอ่อนๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
จู่ๆเขาก็หยุดเดินแล้วกอดเธอแน่น
หลินเวยมี่ดิ้นนิดหน่อย ก็รู้ว่าคงดิ้นไม่หลุดก็เลยปล่อยให้เขากอดไป
“5ปีมันเปลี่ยนไปมากเลย เกลียดที่สุดคือใจของเธอ ฉันจะตามยังไง?”
หลินเวยมี่นิ่งอึ้งไป ไม่คิดว่าฉู่เฉินซีจะพูดอะไรแบบนี้ หัวใจจมดิ่งลงไปอีกครั้ง พวกเขาผิดพลาดมามากพอแล้ว ไม่ควรจะทำผิดพลาดอีก
“5ปีก่อนมันก็เป็นแค่ความผิดพลาด”
หลินเวยมี่เห็นได้ชัดว่าเขาชะงักไป เขาจ้องเธอเขม็ง สายตาราวกับอยากจะกินคนเข้าไป
“ที่แท้เธอก็คิดแบบนี้นี่เอง?งั้นเธอเห็นฉันเป็นอะไร?ความผิดพลาด!ฉันเป็นแค่สิ่งผิดพลาดสำหรับเธอสินะ!