บทที่ 190 ผู้หญิงชอบขัดแย้ง
“เจ้าพริกน้อย ตอนนี้เธออยู่กำมือของฉัน เธอคิดว่าเธอจะสามารถหนีออกไปได้งั้นหรอ?” ฉู่เฟยหยางยิ้มกว้าง มือก็ค่อยๆขยับลงมาช้าๆ
“ออกไป!” เธอกันเขาออกอย่างรุนแรง เอาแขนโอบไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองไว้ แล้วมองหน้าเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจมีแต่ความสับสน ไม่รู้ว่าตอนนี้โจ่วชิงช๋วนถูกขังไว้ที่ไหน เพราะว่าเธอไม่เชื่อว่าฉู่เฟยหยางจะปล่อยเธอไปแน่นอน
ข้อมือของเธอถูกตับไว้ ฉู่เฟยหยางคร่อมเธอไว้ แล้วก็เอามือเธอไว้ด้านหลัง สายตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ
“ออกไป ไอ้เลว ปล่อยฉัน!”
“ฉันไม่ชอบผู้หญิงตัวเล็กๆที่ขี้โวยวาย” เขายิ้มออกมา
“ก็ดี”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็มองหน้าเขาด้วยสายตาดุร้าย “ฉู่เฟยหยาง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
“รีบอะไรกัน? เรื่องที่ควรทำฉันยังไม่ได้ทำเลย แล้วจะปล่อยเธอไปได้ยังไง” หลังจากพูดเขาก็ออกแรง มือหนาสอดเข้าไปในคอเสื้อของเธอ
ใบหน้าของหลินเวยมี่ตื่นตระหนก คิ้วขมวดเข้าด้วยกัน ฉู่เฟยหยางไม่น่าจะจับเธอมาได้ง่ายๆ หรือเพราะว่างานแต่งงานของฉู่เฉินซี เขาก็เลยคิดจะจับเธอ?
พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเธอก็อัดแน่น ฉู่เฟยหยางคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ฉู่เฟยหยาง นายวางแผนจะทำอะไรกันแน่?”
“ฉันวางแผนอะไรงั้นหรอ?” เขากระพริบตา อีกมือหนึ่งก็จับคางของเธอไว้ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น ให้เผชิญหน้ากับเขา
“พวกเรามาเล่นเกมส์กันหน่อยดีมั้ย?”
หลินเวยมี่จ้องหน้าเขา สายตาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เธอรู้ดีว่าฉู่เฟยหยางต้องการใช้เธอเพื่อจัดการฉู่เฉินซี แต่ว่าตอนนี้เขาคิดจะทำอะไรกับเธออีก?
“ทายได้รึยังว่าฉันจะพูดอะไร?” เขาหรี่ตาแล้วประเมินเธอ ทันใดนั้นก็ยกริมฝีปากขึ้น แล้วก็กระซิบที่ข้างหูของเธอ “ง่ายจะตาย ฉันก็แค่อยากเห็นว่าฉู่เฉินซีแคร์เธอขนาดไหน”
“ฉู่เฟยหยาง นายเป็นบ้าไปแล้วหรอ? พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแล้ว สิ่งที่เขาเลือกมันก็ชัดเจนพอแล้ว นายยังคิดจะทำเรื่องน่าเบื่อพวกนี้อีกหรอ?” หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแล้วตะคอกออกมา
“น่าเบื่องั้นหรอ?” เขาคลี่ยิ้มออกมา รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอสั่น แล้วเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นมาอีก
“ถ้ายังงั้นพวกเรามาทำเรื่องที่น่าสนใจกันดีกว่ามั้ย?บนเตียงเนี่ยแหละ” ลมหายใจที่ร้อนแรงของเขา ลอยมาโดยที่ข้างหูของเธอ
หลินเวยมี่ต่อสู้ เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว เหมือนกับว่าโดนงูรัดยังไงยังงั้น หนาวจนถึงกระดูก
เธอกลั้นหายใจอย่างอัตโนมัติ แล้วก็พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ฉู่เฟยหยาง อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
“แตะต้องเธอแล้วจะทำไม? เธอยังหวังว่าอยู่ดีๆฉู่เฉินซีจะโผล่ออกมาช่วยเธอยังงั้นหรอ? อย่าฝันไปเลย ตอนนี้เขาไปพลอดรักอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้ว” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ลมหายใจของหลินเวยมี่หยุดนิ่ง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ในเมื่อเธอรักมันขนาดนั้น แล้วทำไมถึงไม่แย่งมาล่ะ? บางทีฉู่เฉินซีอาจจะเลือกเธออีกครั้งก็ได้นะ?” เขาบีบคางเธอ แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
หลินเวยมี่มองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา หรี่ตาลง แล้วก็เหมือนว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ฉู่เฟยหยาง นายจับฉันมาเพื่อทำลายงานแต่งของพวกเขางั้นหรอ? นายรู้ว่าถ้าฉู่เฉินซีแต่งงานกับฐาลี่แล้วจะเป็นเหมือนดาบคู่ นายก็เลยอยากจะทำลายมัน?”
“ฉันล่ะไม่ชอบผู้หญิงฉลาดเลย”เขาส่ายหน้า แต่ว่ามือหนาก็เลื้อยไปตามร่างกายเธอไม่หยุด “ฉู่เฉินซีชอบเธอขนาดนั้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอมีอะไรพิเศษ?”
“ฉู่เฟยหยาง!”เธอเปิดตากว้าง แล้วก็มองหน้าเขาอย่างระวัง สายตามีประกายแห่งความหวาดกลัว
“กลัวหรอ?” มีน้ำเสียงหยอกล้อดังขึ้น
หลินเวยมี่รู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกเต็มหัวใจ แทบทนไม่ไหวที่อยากจะทุบผู้ชายตรงหน้าให้ตาย
“ฉู่เฟยหยาง ถ้าเกิดว่านายกล้าแตะต้องฉันล่ะก็ พรุ่งนี้นายเตรียมเอาศพฉันไปใช้ขู่ฉู่เฉินซีได้เลย! จนถึงตอนนั้นเกรงว่านายจะไม่ทันขู่ เขาก็คงจะฆ่านายก่อนแล้ว!” หลินเวยมี่กัดฟันแน่นอย่างดุร้าย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ฉู่เฟยหยางอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับหัวเราะออกมา แล้วก็ลุกขึ้นมาจากร่างของเธอ จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย แล้วก็พูดออกมานิ่งๆ “ไม่สนุกเลย”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปด้านนอก แล้วก็ได้ยินเสียงปิดประตูไล่ตามมา
หลินเวยมี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วก็รีบมองไปยังรอบๆ ที่นี่เป็นโรงแรมที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่ คนธรรมดาคงหาที่นี่ไม่เจอ
เธอเปิดหน้าต่าง แล้วก็อึ้งทันที ตอนนี้เธออยู่ชั้นสี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ถือว่าสูงเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้เธอก็ไม่มีความกล้าที่จะกระโดดลงไปหรอก เพราะว่าตอนนี้เธอเป็นแม่คนแล้ว
สายตาเต็มไปด้วยความสับสน ตอนนี้เธอจะหนีออกไปได้ยังไงกัน? หรือว่าต้องยอมรับคำขู่ของฉู่เฟยหยางเหมือนคราวที่แล้วอีกงั้นหรอ?
แล้วโจ่วชิงช๋วนอยู่ที่ไหนกัน?
“โอ้ย!” มีเสียงดังออกมาจากห้องข้างๆ เมื่อกี้เธอพึ่งเปิดประตู ก็เลยสามารถได้ยินเสียงนั้นเบาๆ ไม่ยังงั้น ก็เกรงว่าจะไม่ได้ยินอะไรเลย
แต่ว่าเสียงร้องเมื่อกี้นี้มันคุ้นมากเลย มันไม่ใช่เสียงใครอื่น แต่ว่าเป็นเสียงของโจ่วชิงช๋วน!
เธอหายใจติดขัด แล้วรีบเอาหน้าแนบริมหน้าต่างทันที ตั้งใจฟัง แล้วก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากห้องข้างๆ
สายตาของเธอแคบลงทันที โจ่วชิงช๋วนอยู่ห้องข้างๆงั้นหรอ?
ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอรีบเปิดประตูทันที แต่ว่าก็โดนบอดี้การ์ดทั้งสองคนกันไว้
“คุณหลิน คุณชายรองไม่อนุญาตให้คุณออกไปครับ”
หลินเวยมี่มองหน้าพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วเม้มปากแน่น ไม่ฟังคำเตือนของพวกเขา แล้วเดินออกไปทันที
บอดี้การ์ดพวกนั้นมาขวางอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย็นชา ถ้าเกิดว่าคุณพยายามจะออกไป ผมก็คงต้องรายงานคุณชายรอง”
หลินเวยมี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันก็กำลังจะไปหาคุณชายรองของพวกนายเนี่ยไง นี่พวกนายกำลังทำให้ฉันช้าไปหนึ่งนาที ไม่กลัวว่าคุณชายรองจะทำโทษหรอ?”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน สายตาเหมือนไม่เชื่อ
หลินเวยมี่อาศัยตอนที่พวกเขากำลังสงสัยอยู่นั้น ผลักบอดี้การ์ดคนนึงออก แล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องข้างๆอย่างรวดเร็ว
เสียงเปิดประตูดังปัง เสียงทั้งหมดในห้องหยุดลงกระทันหัน ทุกคนหันไปมองผู้หญิงที่บุกเข้ามาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เวยมี่ เธอมาได้ยังไง?” โจ่วชิงช๋วนนอนหงายอยู่ที่พื้นแล้วก็พูดออกมาอย่างอ่อนแอ สามารถมองเห็นความสุขได้ในสายตาของเขา
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้า แล้วก็รีบวิ่งไปหาโจ่วชิงช๋วนทันที บอดี้การ์ดหลายคนแตะเขา แถมในมือยังถือเข็มขัด โจ่วชิงช๋วนนอกจากมีแผลที่หน้าผากแล้ว ก็ยังมีเลือดออกที่หลังมากมาย
ทันใดนั้นน้ำตาเธอก็คลอเบ้าทันที แต่เนื่องจากได้กลิ่นเลย เลยรู้สึกคลื่นไส้ เธอก้มหน้าและปิดปากไว้
“เวยมี่ เธอเป็นอะไรไป?”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พยายามที่จะไม่อาเจียน แล้วก็ผลักบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆโจ่วชิงช๋วนออก แล้วก็ดึงเขาขึ้นมา
“พวกนายออกไปให้หมด!”
เธอรีบพยุงโจ่วชิงช๋วนขึ้นมาแล้วก็ออกปากเตือนพวกเขา
“นางสนมแอบรักกับคนใช้ เป็นฉากที่ดีเลยนะ” ฉู่เฟยหยางยืนพิงประตูอยู่ แล้วก็อมยิ้ม
หลินเวยมี่มองหน้าเขาด้วยสายตาดูถูก และเตือนออกมา “ปล่อยเพื่อนฉันไปเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยงั้นหรอ? ให้มันไปรายงานเฉินน่ะนะ? ถ้ายังงั้นก็ไม่มีความหมายน่ะสิ” ฉู่เฟยหยางยิ้มออกมา แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามา “เกมส์ยังไม่เริ่มเลย ฉันจะไม่มีวันให้มันเกิดข้อผิดพลาดอะไรแม้แต่นิดเดียว”
“ฉู่เฟยหยาง นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง? ถึงแม้ว่านายจะเอาฉันไปขู่ฉู่เฉินซี นายคิดว่าเขาจะทิ้งงานแต่งมาเพื่อช่วยฉันงั้นหรอ? มันไม่จริงหรอก!”
“ไม่มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยหรอ?” ฉู่เฟยหยางคลี่ยิ้มออกมา สายตาเป็นประกาย “ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันแต่งงานอย่างสบายใจ แล้วเธอไม่อยากรู้ความคิดที่แท้จริงของฉู่เฉินซีหรอกหรอ ว่าสรุปแล้วงานแต่งงานสำคัญหรือว่าเธอสำคัญ?”
“ฉันไม่อยากรู้!”หลินเวยมี่ตอบออกมาอย่างเด็ดขาด สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เธอไม่ได้มีตัวเล็ก รออยู่ที่นี่อย่างสบายใจไปเถอะ!” ฉู่เฟยหยางดีดนิ้ว แล้วพวกบอดี้การ์ดก็ออกไปทันที
หลินเวยมี่มองพวกเขาจากไปอย่างเย็นชา จนถึงตอนที่ประตูปิดลง เธอก็หันหน้ากลับมาหาโจ่วชิงช๋วน
โจ่วชิงช๋วนยิ้มให้เธออย่างจนมุม แล้วก็นั่งลงบนโซฟา “ตอนนี้ฉันดูจนมุมมากมั้ย?”
“ยังพอได้อยู่ แต่ว่านายทำเป็นเข้มแข็งไม่ได้หรอกนะ” หลินเวยมี่มองไปรอบๆ แล้วก็เจอผ้าเช็ดหน้า แล้วเอาไปชุดน้ำ แล้วก็มาเช็ดแผลที่หน้าผากให้เขา
“ไอ้พวกเลว! ทำร้ายนายจนเป็นขนาดนี้!” หลินเวยมี่เช็ดไปด้วยบ่นไปด้วย สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ตอนแรกก็นึกว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเองแล้ว แต่ว่ากลับโดนฉู่เฟยหยางจับตัวมา
แถมเป้าหมายของเขาก็คือเพื่อขู่ฉู่เฉินซีอีก ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกกังวลมาก
“สมควรตาย พวกเราจะหนีออกไปยังไง?” เธอเดินไปตรงหน้าประตู แล้วก็เปิดประตู ก็เห็นว่ามีบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ด้านหน้า “ฉันหิว! อยากกินข้าว!”
พอพูดจบก็ปิดประตูลงอีกครั้ง
เธอเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างโกรธเคือง สายตาเต็มไปด้วยความสับสน “ทำยังไงกันดี?”
“รอ” โจ่วชิงช๋วนมีท่าทีสบายๆ แล้วก็เอนหลังพิงโซฟา
หลินเวยมี่มองหน้าเขาอย่างกลุ้มใจ สายตาจ้องมองไปที่ท้องฟ้ามืดๆด้านนอก หัวใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“รอวันพรุ่งนี้หรอ? โจ่วชิงช๋วน นายคิดว่าระหว่างฉันกับงานแต่งฉู่เฉินซีจะเลือกอะไร?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสน หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็พึมพำว่า “ที่จริงฉันหวังว่าไม่ให้เขามาช่วยฉัน ฉันไม่อยากเป็นภาระของใครทั้งนั้น”
“แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขาไม่มาช่วยเธอ ในใจของเธอจะรู้สึกดีงั้นหรอ?” คำพูดของโจ่วชิงช๋วนเหมือนกับเข็มดูดเลือด พอพูดจบสีหน้าของเธอก็ซีดเผือกทันที
เธอก็เป็นเหมือนความขัดแย้งกันแย่ง ถึงไม่อยากจะให้เขามา แต่ก็อยากจะรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ แคร์เธอ
“ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรื่องมากจริงๆ” โจ่วชิงช๋วนส่ายหน้า แต่ว่าก็ไม่อยากให้กระทบกับแผลที่หลังจากเขา ตอนที่หายใจเข้า ก็รู้สึกเจ็บที่กราม
“ทางที่ดีที่สุดคือหนีออกไปตอนนี้” หลินเวยมี่พึมพำออกมา สายตาลึกซึ้ง แบบนี้จะได้ไม่ต้องรู้ว่าสุดท้ายแล้วฉู่เฉินซีเลือกอะไรกันแน่
“ฉันบอกแล้ว พวกเราแค่ต้องรอ” สีหน้าของโจ่วชิงช๋วนจริงจัง สายตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเจ้าเล่ห์
“นายมีวิธีหรอ?” หลินเวยมี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย แล้วก็เห็นเขาคลี่ยิ้ม หลังจากนั้นก็โยนโทรศัพท์ที่ไม่มีแบตเตอรี่ทิ้งไป