รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน – ตอนที่ 206

ตอนที่ 206

บทที่ 206 เมื่อคืนน่ะเหรอ

หลินเวยมี่ร้องไห้ตลอดทาง เธอเอาแต่โทษตัวเอง เธอไม่เหมาะกับการเป็นแม่เลย ในหัวของเธอก็คิดถึงสายตาแห่งความหวังของเสี่ยวหลงเมื่อวานนี้ เธอรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังเจาะหัวใจเธออยู่

เสี่ยวหลงอยากให้เธอไปมาก แต่เธอทำอะไรอยู่?ไปคั่วกับฉู่เฉินซีเนี่ยนะ?

อีกทั้งตอนนี้ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก มันเป็นเพราะความไม่มีความรับผิดชอบของเธอ!

เธอรีบวิ่งไปห้องพยาบาลของโรงเรียนด้วยความตระหนก คนรายล้อมเยอะมาก

“เป็นญาติของหลินเห้าหลง(ชื่อจริงเสี่ยวหลง)รึเปล่าคะ?หลินเห้าหลงอยู่ทางนี้ค่ะ”คุณครูหน้าตาใจดีคนหนึ่งพูดกับเธอ

หลินเวยมี่ตามหลังเธอไปติดๆด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นเปิดมาห้องๆหนึ่งก็เห็นเสี่ยวหลง

เสี่ยวหลงนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่ เท้าเล็กๆนั่นเข้าเฝือกอยู่ เมื่อเขาเห็นหลินเวยมี่ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา

“แม่ครับ……”

หลินเวยมี่รีบโผเข้าไปแล้วกอดเสี่ยวหลงไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับพูดปลอบเบาๆว่า“ขอโทษนะลูก ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง ทั้งหมดมันเป็นความผิดของแม่เอง”

“ไม่ใช่ความผิดของแม่นะครับ มันเป็นเพราะเวทีไม่แข็งแรง เสี่ยวหลงไม่เจ็บเลย ไม่เจ็บจริงๆครับ”ตอนนี้กลับกลายเป็นเสี่ยวหลงที่ปลอบใจเธอแทน ยิ่งไปกว่านั้นยังเอามือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่บนหน้าเธอด้วย

หลินเวยมี่กอดลูกแน่น เห็นๆอยู่ว่าเขาเจ็บมากๆ แล้วยังจะมาแกล้งว่าไม่เป็นไรเพื่อปลอบใจเธออีก

เธอเจ็บที่หัวใจอีกครั้ง แล้วกอดเจ้าซาลาเปาน้อยแน่น

“นี่มันอันตรายเกินไปแล้วนะ!”เย่หนิงขมวดคิ้วพูดขึ้น“เวทีที่เด็กๆใช้ในการแสดงพังลงมา ยังดีที่พวกเด็กๆไม่เป็นอะไรมาก!”

หลินเวยมี่มองเย่หนิงด้วยท่าทางหวาดกลัว มันเจ็บปวดใจมาก เธอแทบจะตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลา

“น้าเย่หนิงครับ น้าเอารูปที่เสี่ยวหลงถ่ายให้แม่ดูสิครับ แม่ยังไม่เห็นมันเลย”ปากเล็กๆของเสี่ยวหลงกล่าวขึ้น

เย่หนิงจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มันเป็นรูปตอนที่เสี่ยวหลงทำการแสดง เมื่อหลินเวยมี่มองไปที่รูปหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด

ตอนกลับบ้าน หลินเวยมี่เงียบตลอดทาง กอดเจ้าซาลาเปาน้อยอยู่เงียบๆ ซาลาเปาน้อยหลับอยู่บนไหล่ของเธอ บนใบหน้ายังคงเห็นได้ถึงคราบน้ำตา

“เย่หนิง ฉันนี่เป็นแม่ที่แย่จริงๆใช่ไหม?”หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมองไปยังเย่หนิงแล้วถามขึ้น

เย่หนิงหันหน้าไปมองเธอ เธอเม้มปากแล้วแสดงท่าทางอย่างช่วยไม่ได้“ที่จริงเธอก็ทำได้ดีมากแล้วล่ะ ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนยังจะอะไรกับเธออีก?เธอดูแลเสี่ยวหลงมาตลอด มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”

หลินเวยมี่มองไปยังถนนอย่างเงียบๆแล้วไม่พูดอะไรอีก แต่ภายในใจของเธอนั้นเอาแต่โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อถึงบ้าน ไม่คิดว่าเดวิดจะอยู่บ้าน เขามองไปยังขาของเสี่ยวหลง แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร“ฉันว่าเธอคงต้องคิดทบทวนถึงเรื่องที่ฉันพูดกับเธอเมื่อวันก่อนนี้นะ”

หลินเวยมี่พยักหน้าด้วยความนอบน้อม“สัญญาของโรงแรมยังเหลืออีก1ปี เมื่อถึงกำหนดสัญญาแล้วค่อยว่ากันอีกที”

จริงๆแล้วหลินเวยมี่ไม่อยากจะติดค้างเดวิดมากนัก การแต่งงานของทั้งคู่ก็เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากพอแล้ว ถึงแม้ว่าเดวิดจะให้เงินเธอทุกเดือน แต่เธอก็ไม่เคยใช้มัน

เธอไม่อยากจะติดค้างเขามากนัก แล้วก็ไม่อยากให้ตัวเองไปพึ่งพาเดวิดมากเกินไป

ห่มผ้าเสร็จเธอก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินออกมา

เดวิดดื่มเหล้าอยู่เงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดออกมา“พรุ่งนี้รบกวนเธอหน่อยนะ ฉันนัดฉู่เฉินซีไว้แล้ว”

หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นมาทันที หน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เธอเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้าไป

เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ก็เหมือนตอนที่อยู่กับฉู่เฉินซี เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธมาตลอด

ตอนเช้ามากๆหลินเวยมี่ได้โทรหาเย่หนิง เพราะไม่อยากให้ฉู่เฉินซีเจอเสี่ยวหลง เดวิดเป็นคนฝรั่งเศส แต่เสี่ยวหลงไม่ได้รับกรรมพันธุ์เหมือนเขาเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้คนอื่นจะคิดว่าเขาอาจจะเหมือนหลินเวยมี่ แต่ฉู่เฉินซีเป็นคนฉลาด ยังไงก็คงดูออก

ดังนั้นหลินเวยมี่จึงไม่กล้าเสี่ยง

เย่หนิงมาเช้ามาก เมื่อฟังสิ่งที่เธอพูดจบ หน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“เวยมี่ ฉันว่าจริงๆแล้วเธอควรบอกฉู่เฉินซีเรื่องเสี่ยวหลง แล้วให้เขาได้ทำหน้าที่พ่อนะ!”

หลินเวยมี่ยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด“ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นฉู่เฉินซีก็คงจะแย่งเสี่ยวหลงไปจากฉัน”

เย่หนิงหมดคำจะพูด อุ้มเสี่ยวหลงแล้วพูดกับหลินเวยมี่“เสี่ยวหลง น้าเย่หนิงจะพาไปเที่ยว หนูอยากไปที่ไหนจ้ะ?”

เสี่ยวหลงลอบมองไปยังหลินเวยมี่ แล้วพูดออกมาเสียงเบา“เสี่ยวหลงอยากไปสวนสนุก แต่ขาเป็นแบบนี้แม่คงไม่ให้ไปแน่ๆ”

“ไปไม่ได้ เย่หนิง ขาของเขาต้องพักฟื้น”หลินเวยมี่พูดด้วยท่าทางจริงจัง

เย่หนิงยิ้มเหยๆออกมา แล้วทำมือokให้เธอ จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวหลงแล้วออกไปอย่างเร็ว

เย่หนิงที่เพิ่งจะลงมาก็เจอกับฉู่เฉินซีเข้า ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนานมากแล้วเหมือนกัน อีกทั้งไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมาก ดังนั้นเย่หนิงจำได้ว่าเป็นเขา แต่ฉู่เฉินซีกลับจำเธอไม่ได้

เธอก้มหน้าแล้วรีบอุ้มเสี่ยวหลงผ่านเขาไป แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆหมวกของเสี่ยวหลงก็หล่นลงไป

บังเอิ๊ญบังเอิญตกลงไปข้างเท้าของฉู่เฉินซีพอดี ฉู่เฉินซีจึงหยุดเดิน จากนั้นหยิบหมวกขึ้นมาปัดๆฝุ่นออกแล้วส่งให้เย่หนิง

เย่หนิงยิ้มเหยๆออกไป แล้วรับมาอย่างระมัดระวัง แต่ในใจนั้นกลับเหมือนมีม้านับหมื่นตัววิ่งอยู่ มันต้องบังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ!

“ขอบคุณครับคุณอา”เสี่ยวหลงพูดขอบคุณ แก้มจ้ำม่ำเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวหลงหน้าตาน่ารัก ดวงตาชวนมอง บวกกับความน่าเอ็นดู ฉู่เฉินซีอดไม่ได้ที่จะมองหลายๆรอบ

“เจ้าหนูน้อย หนูชื่ออะไรครับ?”

เขารู้สึกดีกับเด็กจ้ำม่ำราวกับซาลาเปาคนนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่ดวงตาดำโตนั่นแล้ว ทำให้รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย

“พวกเรายังมีธุระ ไปก่อนนะคะ!”เย่หนิงอุ้มเสี่ยวหลงออกมาอย่างร้อนรน อดไม่ได้ที่อยากจะวิ่ง

ฉู่เฉินซียิ้มบางๆพร้อมพยักหน้า จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบน

เดวิดเดินออกมาอย่างไม่แยแส ไม่ตื่นตัวแม้แต่น้อย หลินเวยมี่ที่ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัด แต่เมื่อคิดอีกทีเดวิดก็เป็นเหมือนเพื่อนสาวนี่นา งั้นเธอจะรู้สึกเขินอายทำไมกัน ?

“เย่หนิงมาที่นี่แล้วเหรอ?”เดวิดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะรินเหล้าอยู่ถามขึ้น

“ดื่มแต่เช้าไม่ดีต่อกระเพาะอาหารนะ ใช่ เธอมาแล้ว”หลินเวยมี่ที่วุ่นอยู่ในห้องครัวตอบกลับมาเสียงเบา

ขณะเดียวกัน กริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น หลินเวยมี่หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เดวิดมองไปที่เธอครู่หนึ่ง สายตายากที่จะคาดเดา แล้วก้าวไปเพื่อเปิดประตู

ฉู่เฉินซีมองไปที่เดวิดที่มาเปิดประตูเขาก็ชะงักไป สายตาเศร้าหมอง แต่เขายิ้มเยาะแล้วพูดออกมา

“คุณเดวิดพึ่งตื่นเหรอเนี่ย?หรือว่าผมมาเช้าเกินไป?”

อันที่จริงฉู่เฉินซีก็มาเช้ามากจริงๆนั่นแหละ ยังไม่8โมงด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงได้แกล้งทำอยู่เรื่อย

“เมื่อคืนนอนพลิกไปพลิกมาจนดึกน่ะ”เดวิดพูดออกไปตามอำเภอใจ

สีหน้าของฉู่เฉินซีเปลี่ยนไป เขาอดคิดไม่ได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินเวยมี่เมื่อคืน แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนเป็นเดวิดกับหลินเวยมี่แทน

เขากำมือแน่น หน้าเคร่งขรึมทันที

เดวิดไม่ทันสังเกตถึงสีหน้าของเขา เดินเข้ามาแล้วบิดเอวไปมา อย่างที่เขาพูด เมื่อคืนเขาแก้เอกสารอยู่ในห้องสมุดพลิกไปพลิกมาจนดึก

ฉู่เฉินซีเดินตามเขาเข้ามา ดวงตาคมมองไปยังผู้หญิงที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เดวิดยืนอยู่ที่ชั้นวางไวน์ แล้วก็รินให้ฉู่เฉินซีไป1แก้ว จากนั้นเขาก็หาวออกมาวอดใหญ่

“เดวิด เมื่อกี้ฉันก็บอกคุณแล้วนะ ว่าดื่มตอนท้องว่างมันไม่ดีต่อกระเพาะ”

คำพูดของหลินเวยมี่ทำให้ทั้งคู่ชะงักไป เดวิดหัวเราะออกมา แล้ววางแก้วไวน์ไว้อีกด้าน“งั้นฉันไม่ดื่มละ เวยมี่คุณมาคุยกับประธานฉู่เถอะ ฉันไปพักผ่อนในห้องสักหน่อย”

หลินเวยมี่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเดวิด ไม่รู้ว่าเดวิดคิดอะไรอยู่? ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็อึดอัดพอแล้ว ทำไมถึงยังให้พวกเขาอยู่กันสองต่อสองอีก?

เดวิดทำราวกับไม่เห็นถึงสายตาของเธอ แล้วเดินเข้าห้องไปอย่างสบายใจ

ฉู่เฉินซีถือแก้วไวน์อยู่ นั่งบนโซฟาอย่างเงียบๆ สายตาราวหมาป่าของเขามองไปยังหลินเวยมี่ที่อยู่ในครัว

หลินเวยมี่ที่ก้มหน้าหั่นผักอย่างเงียบๆ แต่กลับรู้สึกได้ถึงอากาศที่อ่อนๆ

ทันใดนั้น เอวก็โดนรัดแน่น แล้วไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น

เธอชะงักไป และหยุดสิ่งที่ทำอยู่ในมือ

“นี่มันอยู่ที่บ้านฉันนะ!”เธอเตือนเขาเสียงหนักแน่น

ฉู่เฉินซีกอดเธอ สายตาไม่แยแสอะไร จากนั้นก็พลิกเธอกลับมาแล้วกดไปที่เคาน์เตอร์ครัว

“แล้วจะทำไม?”เขายิ้มยกมุมปาก แล้วบีบคางเธออย่างแรง ถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เมื่อคืนคงจะสบายตัวละสิ?”

หลินเวยมี่หน้าแดง คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมเมื่อคืน เธออายจนไม่รู้จะตอบไปว่าอะไร

ฉู่เฉินซีที่เห็นเธออายแบบนั้น ความโกรธแล่นมาสู่สมองเขา และยิ่งทำให้เขาใช้แรงที่มือมากเข้าไปอีก

ทั้งหมดราวกับทรมานประสาทของเขา เขาบีบคางแรงๆแล้วจับเชิดขึ้นมา เขาจับแน่นราวกับกำลังลงโทษเธอ แล้วกัดลงไปที่ริมฝีปากเธออย่างแรง

หลินเวยมี่รู้สึกเจ็บ แล้วก็สูดหายใจเข้า สายตาจ้องไปยังฉู่เฉินซี

ฉู่เฉินซีไม่สนใจท่าทีของเธอ ถ้าไม่ได้ลิ่มเลือดเธอเขาก็คงจะไม่ปล่อย

ริมฝีปากเต็มไปด้วยเลือด เธอขมวดคิ้วแล้วเดินไปด้านนอก แต่ข้อมือกลับโดนจับไว้อย่างแรง และกลับเข้าไปในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง

เหมือนเขาจะตั้งใจ ทำซ้ำตรงรอยแผลเดิมของเธอไม่หยุดหย่อน ติดใจ

เธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า แล้วพยายามผลักเขาออก แต่เขาราวกับคนเหล็กงั้นแหละ ไม่ขยับแม้แต่น้อย

จูบอย่างบ้าคลั่ง มันเหมือนเป็นการลงโทษเธอมากกว่า สุดท้าย ทั้งสองคนก็มีบาดแผลใหม่

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”หลินเวยมี่เช็ดปากอย่างไม่พอใจ พร้อมด่าเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ที่บ้าก็เพราะเธอนั่นแหละ!”เขาพูดเสียงทุ้ม แล้วพาเธอไปตรงเคาน์เตอร์อีกครั้ง

หลินเวยมี่หน้าซีดไปหมด พูดเตือนเขาเสียงหนักแน่น“นี่มันที่บ้านฉันนะ!เดวิดก็อยู่ในห้อง!ถ้าคุณจะทำแบบนี้ ก็ไปที่อื่น”

ฉู่เฉินซีกลับไม่สนใจ กัดไปที่ติ่งหูเธอเบาๆ ลมหายใจแล่นผ่านเข้าไปในหูเธอ“เธอไม่คิดว่ามันตื่นเต้นดีหรอกเหรอ?”

“ตื่นเต้น?ฉันว่าคุณมันบ้าไปแล้วจริงๆ!”หลินเวยมี่ตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจ พยายามผลักเขาแต่เขาไม่ให้โอกาสเลย……

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน

Status: Ongoing

หลินเวยมี่ดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วก็เมามาย เธอผลักประตูเดินเข้าไปในห้องของโรงแรม เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลที่เข้มลึกนั้น ฉู่เฉินซีรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ ก้มหน้าลงแล้วจูบเธอเบาๆ ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเขาก็เริ่มเกี่ยวพันกัน……….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท