บทที่ 213 ความรักอันต่ำต้อย
กำหนดการของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในบรรดา4คนนี้เดวิดค่อนข้างปกติที่สุด ส่วนอีก3คนล้วนไม่ใส่ใจอะไร แต่ฐาลี่ก็ถากถางหลินเวยมี่ตลอด โชคดีที่เดวิดช่วยให้ผ่านไปได้
ทั้งที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่เธอกลับเหนื่อยมาก ขณะทางกลับบ้าน เธอพิงเบาะนั่งหลับไปแล้ว
หลังจากกลับถึงบ้าน เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเย่หนิงก็โทรมา ด้านนั้นวุ่นวายมากๆ เหมือนว่าจะอยู่ร้านเหล้า
เธอไปร้านเหล้าอย่างไม่คิดอะไร ตอนที่หาเย่หนิงเจอนั้น เธอก็เมาแอ้งแม้งไปเรียบร้อยแล้ว
เย่หนิงกอดหลินเวยมี่ แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง แต่เสียงร้องไห้นั้นโดนเสียงเพลงกลบไป
หลินเวยมี่ตบหลังเย่หนิงเบาๆ ไม่รู้จะปลอบใจยังไงดี ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป
ผ่านไปพักใหญ่ๆเย่หนิงจึงปล่อยเธอ แล้วนั่งที่เคาท์เตอร์บาร์ สั่งเหล้ามาแก้วนึงแล้วกระดกลงไป
“นี่ เวยมี่ ฉันต้องไปแล้ว”เย่หนิงยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร หน้าของเธอแดงเพราะฤทธิ์เหล้า
หลินเวยมี่นั่งข้างๆเธออย่างไม่เข้าใจ สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่หนิงส่ายหน้างอย่างไม่สนใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มันชัดเจนมาก ชัดจนหลินเวยมี่ดูออก
จู่ๆก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ถึงแม้ปกติเย่หนิงจะดูไม่แยแสอะไร แต่ความเป็นจริงคือเธอเก็บซ่อนเอาไว้ เมื่อ3ปีก่อนตอนที่เธออกหัก จึงมาพักร้อนที่ฝรั่งเศส ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนรู้สึกพึ่งพาอาศัยกัน
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เธอถึงเปลี่ยนไปเป็นเหมือนตอนที่เพิ่งมาใหม่ๆอีก?
“ที่บ้านฉันมีปัญหาหน่ะ ฉันจำเป็นต้องกลับไป”เย่หนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ตาแดงไปหมด
“เรื่องอะไร?”หลินเวยมี่ตกใจ จึงรีบถามขึ้น
“พ่อฉันเป็นมะเร็ง ฉันรู้สึกว่าฉันมันอกตัญญูจริงๆ ตัวฉันเองก็จำไม่ได้ว่าไม่ได้กลับบ้านไปนานเท่าไหร่แล้ว”เย่หนิงเอามือก่ายหน้าผาก ทำจมูกฟุดฟิด“เวยมี่ ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงแล้วจริงจริงๆ”
“ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง”หลินเวยมี่ตบมือเธอเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไปเยี่ยมคุณอาเป็นเพื่อนเธอเอง”
เย่หนิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงง สายตาปลาบปลื้ม
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้กลับไปตั้งหลายปี รู้สึกคิดถึงขึ้นมาเล็กน้อย
หลินเวยมี่เปิดห้องข้างๆกับบาร์ เธอพยุงเย่หนิงที่เมาหนักไปไว้ที่เตียง ค่อยโล่งขึ้นมาหน่อย เมื่อดูเวลามันก็ดึกมากแล้ว เธอคลำหากระเป๋าของเย่หนิง เพื่อจะโทรไปหาคนที่บ้าน แต่กลับได้โทรศัพท์เครื่องเล็กๆมา
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ โทรศัพท์เครื่องนี้มันเป็นของเธอ
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอใจลอย ไม่รู้ว่าโทรศัพท์หายไปตั้งแต่ตอนไหน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจ นึกว่าหายไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์จะมาอยู่กับเย่หนิง?
งั้นที่ฉู่เฉินซีบอกว่าโทรหาเธอไม่ติดมันเป็นเพราะอะไรกัน?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดเครื่อง จึงเห็นสายที่ฉู่เฉินซีโทรเข้ามา อีกทั้งยังเป็นวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุุวันนั้นด้วย
หลินเวยมี่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ นั่งบนพื้นพรมทั้งคืน จนกระทั่งเย่หนิงตื่นขึ้นมา
“เธอโง่รึเปล่าเนี่ย?ทำไมไปนั่งตรงนั้น?”เย่หนิงลุกขึ้นนั่ง พลางจับศรีษะแล้วด่าเธอ
หลินเวยมี่หันกลับไปช้าๆ แล้วขว้างโทรศัพท์ไปตรงหน้าเธอ สีหน้าซีดเผือด ราวกับไม่มีสีของเลือดอยู่เลย
เย่หนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อคืนร้องไห้จนตาบวมเหมือนลูกวอลนัท แล้วยิ่งเธอเห็นโทรศัพท์เครื่องนั้น เย่หนิงก็ร้องไห้ออกมา
อันที่จริงเธอจะบอกกับหลินเวยมี่ตั้งแต่เมื่อคืน ว่าจริงๆแล้วโทรศัพท์อยู่ที่เธอ เพราะวันนั้นที่ไปรับหลินเวยมี่เธอจึงลืมไว้ในรถ
ช่วงนี้เธอยิ่งรู้สึกละอายใจมากยิ่งขึ้น เมื่อหลังจากหลินเวยมี่บอกว่าฉู่เฉินซีประสบอุบัติเหตุ อีกทั้งยังเห็นหลินเวยมี่เป็นลมไป เธอก็ยิ่งลำบากใจเข้าไปอีก
“เวยมี่ คืนนั้นเขาโทรหาเธอหลายสายมาก”เย่หนิงสูดหายใจเข้า ปรับน้ำเสียงเล็กน้อย แล้วพูดต่อ“ฉันไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดอีกแล้ว อีกทั้งคืนวันนั้นเธอก็อารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงตัดสายทิ้งไปอย่างพลการ”
“แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาประสบอุบัติเหตุ”เย่หนิงพูดถึงตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาอีก ดึงเสื้อผ้าของหลินเวยมี่ไปมา“เธอจะโทษฉันไหม?”
หลินเวยมี่รู้ว่าเย่หนิงหวังดีกับเธอ อีกทั้งเรื่องที่ทะเลาะกันมาหลายปีนี้เย่หนิงรู้มากน้อยเพียงใดกัน?
“ฉันไม่โทษเธอหรอก”
หลินเวยมี่พูดจบ เย่หนิงก็รีบโผเข้ากอดเธอ พร้อมกับสะอื้นเสียงดัง
แต่หลินเวยมี่ก็รู้สึกงุนงงขึ้นมา เมื่อนึกถึงสายตาอาฆาตของฉู่เฉินซี เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไง
ฉู่เฉินซีแสดงท่าทีไม่ปล่อยเธออย่างชัดเจนแบบนั้น อีกทั้งยังคิดจะก่อกวนเธอไปเรื่อยๆงั้นเหรอ?ไม่งั้น ทำไมเขาถึงพูดว่าไม่จบกันล่ะ
เธอในตอนนี้ เหมือนกับนกที่บินบนท้องฟ้ามาตลอด หาทิศทางไม่เจอ ยิ่งไปกว่านั้นคือหาเส้นทางของตัวเองไม่เจอ
“แล้วเธอจะทำยังไง?”เย่หนิงทำจมูกฟุดฟิด แล้วถามออกไป
“ไม่ยังไง”หลินเวยมี่ยักไหล่ พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“เวยมี่ เธอยังรักเขาอยู่”เย่หนิงถอนหายใจออกมา ไม่ได้ใช้ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่า
หลินเวยมี่ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งสิ่งที่เธอพูด
“เธอล้วนแสดงออกทางสีหน้า เธอดูตัวเองสิ หลังจากที่ฉู่เฉินซีประสบอุบัติเหตุเธอผอมไปขนาดไหนแล้ว?”เย่หนิงตำหนิแล้วพาเธอไปหน้ากระจก
เธอผอมลงไปมากจริงๆ เนื้อหนังที่พยายามสร้างหลายปีมานี้ก็ไม่มีแล้ว คางตอบแหลม หน้าเล็กเท่าฝ่ามือ
“แล้วมันจะทำไมล่ะ?”
“อะไรคือทำไมล่ะ?ในเมื่อรักเขา ก็ต้องมุ่งมั่นสิ”เย่หนิงพูดจามั่วซั่ว“ฉันคิดว่าฉู่เฉินซียังรักเธออยู่นะ ในเมื่อเธอทั้งคู่ต่างก็รักกัน ทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะ?”
“แต่ว่า……”หลินเวยมี่ลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“เธอนี่นะ ฉันไม่รู้จะว่าเธอยังไงแล้ว เธอดูตัวเองสิ ท่าทางกลัวๆแบบนี้ จะทำอะไรก็คิดถึงผลร้ายที่ตามมาก่อนตลอด ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะหารักแท้เจอไหมเนี่ย?หรือเธอจะติดอยู่กับเดวิดไปตลอดชีวิต?”เย่หนิงมองเธอ พร้อมกับพูดบ่นเธอ
ตอนที่เย่หนิงพูดถึงเดวิด ไม่รู้ทำไมหน้าถึงเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
สายตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า เธอก็เป็นซะแบบนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ชอบคิดถึงผลร้ายที่ตามมาก่อนเสมอ สาเหตุอาจเป็นเพราะเรื่องครอบครัวจึงทำให้เธอมีนิสัยแบบนี้
ยังไงซะเธอก็คิดว่าตัวเองยังทำตัวสบายๆไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้นคือรอบคอบมากเกินไป เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกก็เป็นเหมือนกัน ฉู่เฉินซีเป็นฝ่ายรุกมาตลอด เธอเป็นฝ่ายถูกรุก
แค่ความเป็นจริงก็ไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายรุก เธอรักฉู่เฉินซี เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย แต่ความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองคนก็ทำร้ายพวกเขาในเวลาเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาอีก เรื่องพวกนี้ไม่อาจมองข้ามได้
“ฐาลี่ช่วยนัดรั่วหรานให้ฉันแล้ว แม่ของฉัน ”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งห้องเงียบสงัดลงไปทันที เย่หนิงรู้เรื่องราวของเธอ ดังนั้นเธอจึงงุนงงมาก
“นี่เธอหมายความว่า……พวกเธอก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ได้งั้นเหรอ?”
“มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถเลือกได้”หลินเวยมี่ยักไหล่ไปมาอย่างช่วยอะไรไม่ได้
บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องอะไรดีไปหมดหรอก ก็เหมือนกับเรื่องความรักของเธอ ถึงแม้ว่าปีนั้นเธอจะดึงความกล้าออกมาแล้วยอมรับฉู่เฉินซี แต่จุดจบมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ทั้งสองคนเหมือนกับเดินไปรอบๆเขาวงกต ยังไงก็ออกมาไม่ได้ และยิ่งไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกัน
ร้านอาหารที่เงียบสงบ ฉู่เฉินซีใส่ชุดลำลองสบายๆ ริมฝีปากยิ้มยกอย่างอันธพาล แล้วหรี่ตามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่กล้ามา”น้ำเสียงของเขาประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วสบสายตาเขา แล้วพูดออกมาอย่างสบายๆ “คุณเป็นคนนัดฉัน”
“อืม ไม่คิดว่าเธอจะออกมาเร็วขนาดนี้ เป็นไปตามที่ฉันคิดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะให้มันจบหรอกเหรอ?”ฉู่เฉินซีหยิบไวน์แดงแล้วรินไป1แก้ว
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากได้รับสายเขาถึงออกมาเจอเข้าเร็วได้ขนาดนี้ คงจะอยากเจอเขาจริงๆ
“แผลของคุณยังดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้นะ”
ฉู่เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะออกมาเบาๆแล้วถามขึ้น“เป็นห่วงฉัน?”
หลินเวยมี่เม้มริมฝีปากไปมาไม่ได้ตอบกลับไป บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกอะไร จู่ๆมือก็มีเหงื่อออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แต่เธอไม่คิดเหรอว่ามาห่วงฉันตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่มีความสุข แล้วยืนขึ้น“ที่แท้ก็รังเกียจฉัน งั้นไปก่อนนะ”
“อารมณ์ร้ายเหมือนเดิมเลยนะ”ฉู่เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น แล้วยื่นแก้วไวน์ให้เธอ
หลินเวยมี่งุนงงไปครู่หนึ่งแล้วก็ไม่ได้รับแก้วมา สายตาหนักแน่น และให้ความสนใจกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้
“ท่าทางแบบนี้ของเธอจะทำให้ฉันเข้าใจผิดได้นะ คิดว่าเธอยังรักฉันอยู่”ฉู่เฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ หาความจริงจังจากคำพูดนี้ไม่ได้เลย
หลินเวยมี่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงที่เขาสารภาพรักคืนนั้น หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมา
“ฉู่เฉินซี คืนนั้น……”คำพูดของหลินเวยมี่ติดอยู่ที่ลำคอ ไม่รู้จะอธิบายกับเขายังไง
“คืนนั้น?คืนที่เธอปฏิเสธฉันคืนนั้นหน่ะเหรอ?รู้สึกอยากขอโทษขึ้นมางั้นเหรอ?”เข้าหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับกำลังพูดเรื่องตลกอยู่
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วเป็นปม แล้วอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ “โทรศัพท์ของฉันหาย เลยไม่รู้ว่าคุณโทรหาฉัน ขอโทษนะ”
“ที่เธอมาก็เพื่ออธิบายเรื่องนี้กับฉันงั้นเหรอ?”
ฉู่เฉินซีไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนไป ราวกับปล่อยวางไปนานแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ยังมีท่าทีรังเกียจอยู่อีก?
หลินเวยมี่ไม่เคยเดาความคิดเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ฉู่เฉินซี ในเมื่อคุณเกลียดฉันขนาดนี้ จากนี้ฉันจะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก”หลินเวยมี่ขบฟันแน่น แล้วพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เขาหรี่ตาลง แล้วมองไปยังผู้หญิงตรงหน้า ผมเธอมัดรวบอย่างง่ายๆไปด้านหลัง ใบหน้าผอมซูบไปจากครั้งแรกที่เจอ ท่าทางอ่อนแอที่โต้ตอบอะไรไม่ได้
แต่ก็เป็นผู้หญิงแบบนี้ ถึงจะดูอ่อนแอแต่เธอก็เข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาแล้ว
“ฉันไม่ได้รังเกียจเธอ”ฉู่เฉินซียิ้มพร้อมตอบออกไป ที่บอกว่าก่อกวน ที่บอกว่าเกลียดนั้น ทั้งหมดก็แค่ปิดซ่อนความรักอันต่ำต้อยของเขาเอาไว้
ไม่อยากให้มันจบแบบนี้ แต่ก็หาเหตุผลที่จะไปต่อไม่ได้เหมือนกัน
เพื่อความรักอันต่ำต้อยนี้ เขาได้เพียงแค่ทำแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังได้เกี่ยวข้องกับเธอ แล้วยังรักเธอต่อไปได้