บทที่ 214 ผมไม่แคร์ที่จะจัดการคุณตรงนี้
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น อย่างคิดไม่ถึง ใบหน้าเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาไม่ได้เกลียดเธอ แล้วทำไมยังต้องตาต่อตาฟันต่อฟันกับเธอด้วย?
ทำเหมือนเธอติดค้างอะไรเขาเสียอย่างนั้น
“แล้วทำไมคุณถึง……”
“กินข้าวสิ ไม่หิวหรือไง?” ฉู่เฉินซีพูดขัดเธอขึ้นมา แววตาคู่นั้นไม่เย็นชาเท่านั้นตอนแรกอีกแล้ว เขาหั่นสเต๊กแล้วยื่นมาให้เธอด้วยความตั้งใจ
หลินเวยมี่ไม่รับรู้รสอาหาร หัวใจของเธอว้าวุ่นและสับสนเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เพื่อนต่างเพศทั่วไป ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังทำหน้าตาเหมือนรังเกียจเธอมาก แต่ชั่วพริบตาเดียวกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กินอาหารด้วยความอึดอัด รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองก็บังเอิญสบตาเข้ากับเขา เขายิ้มแล้วมองดูเธอกินอาหาร
“คุณมองหน้าฉันทำไมคะ?” หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม
“แบบนี้เรียกว่าสวยจนอยากจะกลืนกิน”
หลินเวยมี่หน้าแดงระเรื่อ มองหน้าเขานิ่งๆแล้วถามขึ้น “เมื่อตอนกลางวันคุณยังเกลียดฉันอยู่ไม่ใช่หรอคะ? ทำไมตอนนี้…… คุณช่วยทำให้ฉันชัดเจนหน่อยได้ไหมว่าแบบไหนถึงจะเป็นตัวคุณจริงๆ”
“คุณไม่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจน” ฉู่เฉินซีใช้มือซ้ายนวดแขนขวาของตน
หลินเวยมี่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังปวดแขน เธอมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง “คุณปวดแขนหรอ? กินอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมคะ?”
“ถ้างั้นคุณป้อนผมสิ”
ความเป็นจริงนั้นฉู่เฉินซีปวดเมื่อยที่แขนมาก แต่สำหรับเขาอาการปวดเมื่อยนี้ไม่เท่าไหร่ เพียงแต่เขาอยากจะให้หลินเวยมี่ป้อนข้าวให้เขา
หลินเวยมี่จิปากเล็กน้อย ไม่เข้าใจๆว่าเขาพูดสิ่งนี้ออกมาโดยที่หน้าไม่แดงได้ยังไง
“ไม่สน”
“เป็นเด็กที่ไม่รู้จักเข้าอกเข้าใจคนอื่นเลย”
ฉู่เฉินซีส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง แต่นัยน์ตากลับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ จากนั้นยังคงถามเสียงค่อย “คืนนี้ไปที่ของผมไหม?”
หน้าของหลินเวยมี่แดงระเรื่อ ตามความคิดของฉู่เฉินซีไม่ทันจริงๆ
ทั้งสองควรที่จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เขาควรที่จะรังเกียจเธอ เกลียดเธอ ประชดประชันเธอไม่ใช่หรอ? ทำไมแค่ชั่วพริบตาเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
“ฉู่เฉินซี คุณกินยาผิดมารึเปล่า?” หลินเวยมี่มองดูเขาด้วยความระมัดระวัง เหมือนว่ากำลังมั่นใจในความคิดของตนเอง
ฉู่เฉินซีถูกคำพูดของเธอทำให้หน้าแดงไปหมด ไม่พูดอะไรออกมากว่าครึ่งค่อนวัน
“ผมแปลกมากเลยหรอ?”
หลินเวยมี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าด้วยความแน่วแน่ “แปลกมาก”
ฉู่เฉินซีหันหน้าไปอีกทาง ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะหลินเวยมี่อธิบายเรื่องโทรศัพท์นั่นให้เขาจนเข้าใจ ดังนั้นก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมา จึงกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ? เจ้าเด็กคนนี้ชอบยั่วให้เขาโมโหจริงๆ
แต่ตัวเขาเองก็เกินไปจริงๆ เธอก็แค่อธิบายให้เขาฟังเปปเดียว เขาก็ไม่รู้ทิศรู้ทางแล้ว เขามันเป็นคนโง่ สมควรที่จะถูกผู้หญิงที่ไม่มีหัวจิตหัวใจทำร้าย
“ให้คุณเลือกสองอย่าง ไปที่บ้านของผม หรือไปที่โรงแรม” ฉู่เฉินซีทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดออกคำสั่ง
ไม่รอให้หลินเวยมี่ตอบคำถาม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลินเวยมี่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นเดินไปรับโทรศัพท์
ฉู่เฉินซีมองดูแผ่นหลังนั้นด้วยความอึดอัด ดื่มไวน์แก้วแล้วแก้วเล่น ในใจก็เอาแต่เดาไม่หยุดว่าคนที่โทรมานั้นเป็นใคร หรือว่าจะเป็นเดวิด?
ภาพที่เดวิดกอดเธอเอาไว้เมื่อตอนเช้าโผล่เข้ามาในหัว รินไวน์อีกแก้ว แล้วดื่มเข้าไป
ชั่วพริบตาเขาก็ดื่มไวน์ไปครึ่งขวดกว่าๆ
หลังจากที่หลินเวยมี่คุยโทรศัพท์กลับมานั้น เห็นเขาดื่มเหล้าด้วยสีหน้าโมโหอยู่พอดี เธอถึงกับหน้าซีดอีกครั้ง คาดเดาในใจ ฉู่เฉินซีกลับมาเป็นปกติแล้วมั้ง?
“ไม่ต้องดื่มแล้วค่ะ”
ฉู่เฉินซีวางแก้วไวน์ลง แววตาของเขาจ้องมองมาที่เธอ ดวงตาสีน้ำตาลนั้นเหมือนมีความลับซ่อนเอาไว้ ทำให้ไม่ว่าเธอจะมองยังไงก็ไม่ชัดเจน
“ไปที่ไหน?”
หลินเวยมี่เบ้ปาก เขาพูดตรงเกินไปรึเปล่า?
“ฉันจะกลับบ้านแล้ว ตอนนี้มันดึกมากแล้ว”
เมือหลินเวยมี่พูดจบ เขาก็วางแก้วไวน์ลงอย่างแรง จากนั้นมองไปที่เธอ “กลับบ้าน?”
“ใช่ค่ะ ฉันจะกลับไป ลูกของฉันต้องการฉัน” หลินเวยมี่พูดด้วยความเรียบนิ่ง ไม่ทันสังเกตุเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉู่เฉินซีแม้แต่น้อย
“ลูก…..” ฉู่เฉินซีพูดทวนสองคำนี้ ความโมโหที่มีอยู่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ได้ ต้องอยู่กับผม”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ปฏิเสธด้วยความโมโห “ฉู่เฉินซี อย่าดื้อได้ไหม ฉันต้องกลับบ้าน ลูกชายของฉันรอให้ฉันกลับไปเล่านิทานให้ฟัง!”
ฟังดูน้ำเสียงโกรธเคืองของหลินเวยมี่ ฉู่เฉินซีหัวเราะในลำคอ จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เธอ
“ถ้าเด็กคนนั้นยังมีชีวตอยู่ น่าจะห้าขวบแล้วใช่ไหม?”
หลินเวยมี่ตกใจเล็กน้อย กลั้นลมหายใจ สีหน้าท่าทางตกใจแวบหนึ่ง แต่เพียงไม่นานเธอก็ตั้งสติแล้วระงับความตกใจเอาไว้
เธอกลัวว่าฉู่เฉินซีจะรู้เรื่องของเสี่ยวหลงจริงๆ ถ้าเขารู้เข้า จากนิสัยเอาแต่ใจของตนเองอย่างเฉินซีคงเอาตัวเสี่ยวหลงไปจากเธอแน่ๆ
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” เธอหลบตาลง กำหมัดแน่น
ฉู่เฉินซีเข้าใจเพียงว่าเธอไม่อยากพูดเรื่องเมื่อห้าที่แล้ว ดังนั้นจึงมีท่าทีแบบนี้
“หลินเวยมี่ ความเป็นจริงตอนนั้นผมไม่ได้ทิ้งคุณ” เขาเชยคางเธอขึ้นจากนั้นเอ่ยพูดออกมาทีละคำ “ตอนที่ผมไปถึง คุณไม่อยู่ที่นั่นแล้ว”
จมูกของหลินเวยมี่บีบตัว “คุณบอกว่าฉันไม่ใช่คนที่สำคัญ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์แล้วฉันไม่สามารถเทียบอะไรได้เลย”
ฉู่เฉินซีหวเราะ แววตาของเขาเหมือนมองทุกอย่างทะลุจากนั้นก็พูดขึ้น “ผมเดาออกแต่แรกแล้วว่าคุณคงได้ยินเนื้อหาที่พูดในโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นคุณจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้วไปจากผมได้ยังไง”
เรื่องในตอนนั้นเขาหวนคิดนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆหลินเวยมี่ถึงไปจากเขา อีกทั้งยังตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแบบนั้น แม้แต่ลูกในท้องเธอยังทำใจไปทำแท้งได้
แท้ที่จริงนั้นเธอได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับฉู่เฟยหยาง เพราะความปวดใจและโกรธจึงตัดสินใจจากเขาไป เพียงแต่เรื่องแค่นี้ กลับต้องชดใช้ด้วยลูกของเขา มันไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ
“เฟยหยางเป็นคนบ้าบิ่น ตอนที่ผมโทรศัพท์นั้นอยู่ระหว่างทางแล้ว คำพูดที่ผมพูดออกไปก็เพื่อที่จะถ่วงเวลาเขาเอาไว้ก็เท่านั้น” ฉู่เฉินซีพูดอธิบายเสียงเรียบ ทว่ากลับรู้สึกเหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้ง ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่พูดแบบนั้น บางทีระหว่างพวกเขาก็คงไม่กลายมาเป็นแบบนี้
หลินเวยมี่ไม่ได้ตกใจมากเท่าไหร่ ที่จริงตอนที่เธอพูดคุยกับฐาลี่ก็พอจะฟังเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่อยู่ในใจของเธอ ตอนนั้นสาเหตุที่เธอตัดสินใจได้เด็ดขาดแบบนั้นก็เป็นเพราะคำพูดของฉู่เฉินซี
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนั้นเพียงเพื่อต้องการช่วยเธอเท่านั้น
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ตอนนั้นฉันทำให้คุณเสียเวลาเรื่องการแต่งงานของคุณ”
สีหน้าของฉุ่เฉินซีเปลี่ยนไปในทันที เขามองดูเธอ “แค่นี้หรอ?”
“แล้วจะให้เป็นยังไงต่อไปคะ?” หลินเวยมี่มองไปที่เขา ดวงตาสีนิลนิ่งเงียบ ไม่มีอารมณ์ใดๆ
ฉู่เฉินซีหัวเราะในลำคอ จากนั้นกดหัวไหล่ของเธอเอาไว้ “หลินเวยมี่ เธอมันผู้หญิงไม่มีหัวใจ!”
เธอสนใจแค่เรื่องการแต่งงานได้ยังไง? อีกทั้งยังไม่เอ่ยพูดถึงปัญหาระหว่างพวกเขาสองคนในตอนนั้นอีก หรือว่าคิดอยากจะปล่อยมันไปแล้วจริงๆ? คิดอยากจะจบมันแล้วจริงๆ?
“โชคดีที่ฐาลี่ยังอยู่เคียงข้างคุณ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากจริงๆ…….”
“หุบปาก!” ฉู่เฉินซีถลึงตามองดูเธอด้วยความโมโห แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ “คุณผลักไสผมไปให้ผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว!”
หลินเวยมี่กระพริบตา เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ฐาลี่จะเป็นผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง พวกคุณรักกันมาเกือบสิบปีแล้ว แม้ว่าหัวใจของคุณจะเป็นก้อนหิน ก็ควรที่จะรู้ร้อนรู้หนาวบ้างได้แล้วมั้งคะ?”
ฉู่เฉินซีหัวเราะในลำคอ เขารู้สึกเหมือนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความโกรธในร่างกายแผ่ซ่าน ผู้หญิงคนนี้สมควรตายจริงๆ ทำไมถึงผลักไสเขาไปให้ผู้หญิงคนอื่นง่ายๆแบบนี้?
“แล้วคุณล้ะ?”
“ฉันทำไมคะ?” หลินเวยมี่มองดูเขา มือของเขาที่จับแขนเธอเอาไว้นั้นเจ็บปาก อดไม่ได้ที่จะขัดขืน
“หัวใจที่แข็งเป็นก้อนหินของคุณเมื่อไหร่มันจะอ่อนลงมาบ้าง?”
“ฉู่เฉินซี คุณทำให้ฉันเจ็บนะคะ” เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จากนั้นพูดขึ้น “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันคะ?”
“อื้มอื้ม……”
หลินเวยมี่ตาเบิกกว้าง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา เขากัดริมฝีปากของเธอเอาไว้ ราวกับว่ากำลังลงโทษปากคู่นี้
“ถ้าคุณพูดมากกว่านี้อีกคำเดียว ผมจัดการคุณที่นี่แน่!”
คำพูดของเขาดังเข้ามาในโสตประสาทของหลินเวยมี่ เธอนิ่งเงียบไม่ขยับในทันที ปล่อยให้ฉู่เฉินซีกัดตามอำเภอใจ
นานครู่หนึ่ง ฉู่เฉินซีกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ จากนั้นจับใบหน้าของเธอเอาไว้ “ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้ายังพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก ผมจะไม่ลงโทษง่ายๆแค่นี้”
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความโกรธ แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ฉู่เฉินซีมองดูท่าทางของเธอ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาดึงตัวเธอเข้ามากอด จากนั้นเดินออกไป
หลินเวยมี่นั่งอยู่ในรถอย่างเชื่อฟัง จนมั่นใจว่ารถขับมุ่งหน้าไปที่บ้านของเธอ เธอจึงวางใจลง
ฉู่เฉินซีมองดูสีหน้าของเธอ เขากระตุกยิ้ม จากนั้นหักเลี้ยวไปอีกทางด้วยความรวดเร็ว
“นี่ นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านฉัน”
“หลินเวยมี่ วันนี้คุณทำให้ผมโมโห”
“แล้วคุณจะทำอะไรของคุณ?” หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว มองดูเวลา เสี่ยวหลงโทรมาหาเธอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กน้อยต้องโมโหอีกแล้วแน่ๆ
“ทำอะไรงั้นหรอ? อย่างน้อยก็ให้ผมได้คิดดอกเบี้ยกับคุณหน่อยสิ?”
รถหยุดลงกระทันหัน ฉู่เฉินซีขึ้นค่อมตัวเธอ
อุณหภูมิภายในรถร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ความร้อนในร่างกายของทั้งสองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลินเวยมี่ไม่รู้จะทำยังไงดี เธอรู้ดีว่าบนตัวของเขามีแผลจึงไม่กล้าขยับ
มือหนาของเขาลูบไล้เข้ามาภายใต้เสื้อของเธอ ค่อยๆปล่อยตัวเธอ
ทั้งสองหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ปากของหลินเวยมี่แดงบวม บนริมฝีปากนั้นยังเปื้อนไปด้วยน้ำใส มองดูริมฝีปากของเธอระเรื่อเหมือนลูกเชอร์รี่
ฉู่เฉินซีจับท้ายทอยของเธอเอาไว้ จากนั้นพูดบอก หน้าผากของเขาชิดกับหน้าผากของเธอ พูดด้วยการข่มขู่ “หลินเวยมี่ หลังจากนี้ถ้าคุณพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินอีก เรื่องจะไม่ใช่แค่นี้”
ดวงตาคู่สวยของหลินเวยมี่มองหลบไปอีกทาง เธอมองบนให้กับเขา ไม่สนใจเขา
ฉู่เฉินฉีหัวเราะในลำคอ เชยคางเธอขึ้นมา “ผมไม่แคร์ที่จะจัดการคุณตรงนี้”
“ไม่!” หลินเวยมี่ตอบ
ฉู่เฉินซีอารมณ์ดีขึ้นมาก จากนั้นสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง ขับมุ่งหน้าไปที่บ้านของเธอ
แต่ยิ่งขับไปทางนั้น ภายในใจส่วนลึกของฉู่เฉินซีก็ยิ่งไม่มั่นใจ