ฐาลี่ไม่คิดว่าตัวเองจะเลอะเทอะแบบนี้ถึงไปอยู่กับฉู่ชิ่งเจ๋อ
เมื่อคืน ใช่ เมื่อคืนเธอดื่มน้ำผลไม้ที่Elisเอามาให้ถึง……
ฐาลี่กำหมัดสองข้างไว้แน่นมีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาในแววตาของเขา เธอถูกแผนที่น้องสาวของเธอว่างเล่นงานแล้ว ชั่งเหลวไหลไร้สาระอย่างสิ้นเชิง เธอรู้ว่าElisจะคอยเห็นด้วยกับเธอตลอด แต่ในใจของเธอมีความแค้นฉันอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะต่ำทรามขนาดนี้ ใช้วิธีแบบนี้หรือ
ฉู่ชิ่งเจ๋อเห็นเธอมีสีหน้าที่โกรธ ก็เลยโกรธขึ้นมา “เป็นอะไร อยู่กับฉันแล้วเธอต้องโกรธถึงขนาดนี้หรือ รู้สึกเศร้าขนาดนั้นเลยหรือ? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ น้ำผลไม้เมื่อคืนเธอเตรียมให้ฉู่เฉินซี ถ้าฉันไม่ลองดื่มน้ำผลไม้นั้น เมื่อคืนคนที่จะไปอยู่บนเตียงกับเธออาจจะเป็นฉู่เฉินซีที่เธอคิดถึงตลอดแล้ว”
“เตรียมให้ฉู่เฉินซีหมายความว่าอะไร ไอ้เลว นายพูดให้ชัดเจนนะ” ฐาลี่แสดงสีหน้าที่ตกใจ ทันใดนั้น เธอคิดว่าเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด
“เมื่อวานน้องสาวเธอบอกว่า คนที่เธอจะเชิญคือฉู่เฉินซี ถ้าไม่มีฉัน วันนี้คงเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดแล้ว” ระหว่างที่ฉู่ชิ่งเจ๋อพูดแววตาของเขาแฝงไปด้วยความโมโห และความเศร้าโศกเสียใจ
ผู้หญิงคนนี้รับปากที่จะอยู่กับเขา เป็นถึงคุณนายใหญ่ของตระกูลฉู่ยังมีใจที่จะไปคิดถึงคุณอาของเธอ เขาก็เลยไม่เข้าใจ เขาก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเธอ แต่ทำไมเธอมองไม่เห็นเลย เขาไม่สามารถที่จะไปโกรธเธอได้ คนที่เป็นฝ่ายรักก่อน ย่อมแพ้ระหว่างทางของความรัก
“นายพูดอะไร ฉันไม่ได้……ฉันไม่ได้…….ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนElisเอาน้ำผลไม้มาให้ฉันดื่ม ฉันดื่มเสร็จก็เข้าห้องนอนไป และไม่เคยเชิญฉู่เฉินซีมาเลย” ฐาลี่รีบพูดออกมา ความจริงก็คือคนที่Elisว่างแผนเล่นงานก็คือเธอและฉู่เฉินซี เฮ้อๆ ช่างโหดร้ายจริงๆ สมกับเป็นน้องสาวเธอ
ครั้งนี้ ฉู่ชิ่งเจ๋อเข้าใจแล้ว ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เรื่อง เรื่องทั้งหมดนี่Elisเป็นคนวางแผน วินาทีนี้เขายากที่จะปิดบังความดีใจที่อยู่ในใจ และได้เข้าไปกอดฐาลี่ไว้ “จริงหรือ? เธอไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ย?”
ฐาลี่อึ้งอยู่พักหนึ่ง และกอดไปที่เขาเบาๆ ใจของเธอรู้สึกสับสนมากและพูดออกมาอย่างช้าๆว่า: “ฉันไม่ได้โกหกนาย เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของElis ฉันรู้ว่าตั้งแต่เด็กจนโต เธอคับแค้นฉันมาตลอด และทำทุกอย่างเพื่อที่จะมาแย่งสิ่งของกับฉันแต่ฉันไม่คิดเลยว่าครั้งนี้เธอจะทำแรงขนาดนี้ ฉันอยู่กับนายแล้ว ฉันไม่เคยคิดจะไปอยู่กับฉู่เฉินซีเลย ระหว่างฉันและเขามันจบลงนานแล้ว หรือจะพูดว่าระหว่างเขาและฉันยังไม่เคยเริ่มต้นกันด้วยซ้ำ” ความจริงแล้ว ฐาลี่ไม่เคยคิดที่จะไปอยู่กับฉู่เฉินซีเลย เพราะเธอรู้ว่า ฉู่เฉินซีกับหลินเวยมี่เป็นคู่ที่หวานและเหมาะสมที่สุดแล้ว พวกเขาเผชิญอุปสรรคมามากมาย แต่อุปสรรคเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้ สำหรับพวกเขาแล้ว เธอไม่มีความแค้นแล้ว มีแต่คำอวยพรและความอิจฉา
ฉู่ชิ่งเจ๋อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ไม่รู้จะตกใจหรือดีใจดี ความจริงแล้วเธอได้สละฉู่เฉินซีไปแล้ว แบบนี้เขาก็มีโอกาสที่จะครอบครองใจเธอสินะ?
“เธอเปิดโอกาสให้เราสองคนได้มั้ย ให้โอกาสเราสองคนไปรักอีกฝ่าย? ฐาลี่ ความจริงฉัน…….รักเธอ หวังว่าเธอจะหันกลับมามองฉันบ้าง ฉันถือว่าเธอเป็นคนรักของฉัน และเธอถือว่าฉันเป็นคนรักของเธอได้มั้ย” ฉู่ชิ่งเจ๋อรวบรวมความกล้าและบอกรักเธอไป และสังเกตสีหน้าของด้วยความไม่สบายใจ
ความจริงแล้ว เขารักเธอ ตอนนี้มีความอบอุ่นไหลผ่านตัวเธอ หลังจากที่อยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ก็มีมุมที่อบอุ่นต่อเธอเหมือนกัน หรือว่าตอนอยู่กับเขาเป็นทางเลือกที่ดี เธออาจจะต้องขอบคุณElisถ้าไม่ใช่Elis เธออาจจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีใจให้เธอ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฐาลี่เงยหน้าไปมองฉู่ชิ่งเจ๋อ ริมฝีปากอมชมพูได้ขยับ: “อืม”
ฉู่ชิ่งเจ๋อได้ยินแบบนี้แล้ว ตื่นเต้นจนไปอุ้มเธอขึ้นมา “ดีเลย ฐาลี่ ชาตินี้ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”
…….
ในคฤหาสน์ของตระกูลฉู่ Elisหัวเราะและเปิดประตูห้องของฐาลี่ สายตาของเธอไปอยู่ที่ชุดแต่งงานกลางห้อง ชุดแต่งงานสีขาวนั้นมีดอกกุหลาบติดเรียงรายกัน และกลางดอกกุหลาบยังฝังเพชรไว้ด้วย เป็นชุดแต่งงานในฝันของผู้หญิง
“พี่ ชุดแต่งงานนี้…….” Elisถามด้วยความเบื่อแย่งชิงและมองฐาลี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อืม นี่เป็นชุดแต่งงานของฉัน เดียวตอนเย็นฉันจะพาเธอไปดูชุดราตรี” เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
Elisมีสีหน้าที่แข็งทื่อเธอเห็นคอของพี่สาวมีลอยจูบที่เห็นได้ชัด หรือว่าสองคนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน?
“พี่ เมื่อคืนเฉินได้มาที่นี่ใช่มั้ย?” Elisถามอย่างระมัดระวัง และสังเกตสีหน้าของเธอ
สีหน้าของฐาลี่ไม่ได้เปลี่ยนไป และจ้องมองเธอด้วยความนิ่ง
ทันใดนั้นElisรู้สึกตัวเย็นชาไปหมด หรือว่าเป็นเพราะว่าแววตาของฐาลี่ดุดันเกินไป ทำให้ใจของเธอรู้สึกผิดขึ้นมา และฝ่ามือเธอมีเหงื่อออกมา
“เมื่อคืนน้ำผลไม้แก้วนั้น……”
“พี่ ฉันก็แค่อยากให้พี่อยู่กันเฉิน ฉันไม่มีเจตนาอื่นนะ” ยังไม่รอให้ฐาลี่พูดออกมา Elisก็ได้ยอมรับออกมาอย่างลนลาน
ฐาลี่มองElisด้วยสีหน้าที่เย็นชา ดูว่าเธอจะเสแสร้งถึงเมื่อไหร่
“พี่ ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันก็แค่อยากจะช่วยพี่” Elisเขย่าตัวฐาลี่เบาๆ เมื่อมองไปที่รอยจูบตรงคอเธอ Elisมีสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติแล้วรีบหันไปทางอื่น
“ทำเพื่อฉันหรือ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าใจของเธอคิดอะไรอยู่ เธอก็แค่อยากที่จะแย่งชิง สิ่งของที่ฉันมีก็เท่านั้น เธอทำไปเพื่อที่จะตอบสนองจิตใจที่อุบาทว์ของเธอ”
เหมือนElisถูกจี้ไปที่สิ่งที่อยู่ในใจ “พี่ ฉันทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับเธอนะ พี่มาว่าฉันแบบนี้ได้ไง?”
“เธอไม่รู้สินะ เมื่อคืนคนที่อยู่กับฉันคือฉู่ชิ่งเจ๋อ ไม่ใช่ฉู่เฉินซี”
“อะไรนะ ทำไมถึง เป็นไปไม่ได้……” Elisนิ่งและอึ้งไปทันที
“ดังนั้น น้อง อย่าไปคิดเรื่องที่ไร้สาระได้แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นของเธอ ที่สำคัญ ฉันจะแต่งงานกับชิ่งเจ๋อแล้วด้วย” พูดถึงประโยคนี้ ฐาลี่รู้สึกถึงความหวานที่อยู่ในใจ “ต่อจากนี้ไป ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากฉัน อย่ามาที่ตระกูลฉู่ ไม่งั้นฉันไม่รู้จะเผลอทำอะไรกับเธอบ้างนะ เธอจัดการตัวเองซะด้วย”
พูดจบแล้ว ฐาลี่ก็ไม่ได้จ้องมองElisต่อ และหันหลังเดินออกไปทางประตู
…….
หลินเวยมี่และฉู่เฉินซีออกมาจากโรงพยาบาล และไปร้านอาหารเช้า
หลินเวยมี่นั่งอยู่ในร้านอาหารเช้าด้วยสีหน้าที่แดง และเงยหน้าไปมองฉู่เฉินซีแวบหนึ่ง และรีบก้มหน้าลงไป แก้มเธอที่อมชมพูเมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่เก้อเขินเมื่อกี้เธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
“เธอจะกินโจ๊กอะไร?” ฉู่เฉินซีถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไรก็ได้” หลินเวยมี่ตอบด้วยเสียงเบาๆ
ฉู่เฉินซียิ้มและส่ายหัว มองเธออย่างหมดหนทาง “เธอเป็นแม่คนแล้วนะ ทำไมหน้าถึงบางแบบนี้”
หลินเวยมี่เงยหน้าแล้วจ้องไปที่เขา และกระซิบซุบซิบเบาๆ “ถึงหน้าฉันจะบางแต่หน้าฉันก็เกือบจะด้านเหมือนกำแพงเหล็กเพราะนายแล้ว”
ฉู่เฉินซีส่ายหัวและก้มหน้ากินโจ๊กอยู่ สีหน้าของเขาขาวซีดลงไปไม่น้อย “มี่มี่เดียวเธอกลับบ้านเองไปก่อนนะ ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำ”
“ทำไมรู้สึกช่วงนี้นายดูยุ่งมากเลย?” หลินเวยมี่ขมวดคิ้วและถาม
“เธอไม่อยากให้ฉันไปหรือ งั้นฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ทำเรื่องที่เราชอบทำกัน” ฉู่เฉินซียิ้มออกมาอย่างมี เลศนัยและมองมาที่เธอ
“ไม่มีคำพูดที่มีสาระเลย!” หลินเวยมี่ไม่สนใจและก้มหน้ากินโจ๊กของตัวเอง ไม่งั้นจะถูกฉู่เฉินซีแทะโลม หน้าที่พึ่งลดความร้อนรนลงตอนนี้ได้ร้อนระอุให้มาอีกครั้งแล้ว
“เฮ้อๆ ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ไม่ดีไม่ใช่หรือ? เธอไม่ชอบหรือ?” “ฉู่เฉินซีไม่เกรงกลัวเลย แววตาของเขามีเพียงความตื่นเต้นดีใจ
หลินเวยมี่กินโจ๊กอยู่อย่างเงียบๆ เธอถือว่าฉู่เฉินซีเป็นเพียงอากาศ ใช้วิธีที่ไม่สนใจเขา
ฉู่เฉินซีก็ไม่ได้โกรธ และจ้องมองเธออยู่เงียบๆ แววตายิ่งดูลึกลับ เหมือนนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้
……..
ยามค่ำใกล้เข้ามาถึง แสงตะวันตกดินส่องเข้ามาผ่าหน้าต่าง และส่องเข้ามาปกคลุม ทำให้ในบ้านมีบรรยากาศที่โรแมนติกเพิ่มขึ้น ฉู่เฉินซีกลับมาตอนค่ำๆพอดี
” เสี่ยวหลง กลับไปที่บ้านใหญ่ของตระกูลฉู่แล้ว มื้อค่ำวันนี้มีเพียงเราสองคน อยากกินอะไร เดียวฉันไปทำ? “หลินเวยมี่ถาม
” เธอไปอาบน้ำก่อน เชื่อฟังนะ! “ฉู่เฉินซีไม่ได้ตอบประโยคที่เธอถาม
หลินเวยมี่รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้ไปอาบน้ำอาบท่า
เมื่อรอให้หลินเวยมี่อาบน้ำเสร็จและออกมา ทันใดนั้นเธอรู้สึกตกใจมาก นี่เป็นบ้างเธอหรือ? วินาทีนี้ ไฟถูกปิดหมด มีเพียงแสงไฟสีม่วงอ่อนๆ เลือนรางอยู่ ให้ความรู้สึกที่เคลิบเคลิ้มไปกับสีสันของความโรแมนติก ใบโต๊ะอาหารมีอาหารที่ดูอร่อยวางอยู่เต็มโต๊ะ และไวน์แดงที่ถูกเปิดแล้ว และดอกกุหลาบน้ำเงินช้อใหญ่ เดาว่าอาจจะมีก้าวร้อยก้าวสิบดอก?
ทันใดนั้น ฉู่เฉินซีที่ใส่ชุดเสื้อโค้ตชายยาวได้ถือกุหลาบน้ำเงินแสดนั้นขึ้นมา และค่อยๆเดินมาทางหลินเวยมี่”
ขณะนี้ หลินเวยมี่รู้สึกเหมือนได้เจอทูตสวรรค์ ใบหน้าที่หล่อที่ทำให้ผู้หญิงอิจฉาริษยาใบนั้น และอำนาจของความเป็นเจ้าที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดปกคลุมไปทั่วร่างกายเขา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่
ผู้ชายได้เดินไปตรงหน้าเธอ และคุกเข่าขาเดียว ดวงตาคู่นี้ของเขาเหมือนดั่งดาว และมองไปที่เธอ: “คุณหลินเวยมี่ คุณยินดีที่จะแต่งงานกับผมมั้ย?”
ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หลินเวยมี่เหมือนถูกฟ้าผ่า แต่ตอนที่เห็นแววตาเขา น้ำตาเธอเริ่มซึมออกมาจากดวงตา “ฉัน……ฉันยินดี” รับดอกไม้จากเขามา และสวมแหวน ขณะนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกเปลี่ยนฐานะ เธอได้กลายเป็นภรรยาแล้ว
ผู้ชายคนนี้ได้ประคองหน้าเธอไว้ด้วยมือคู่นี้ และจูบที่ริมฝีปากของเธอ เริ่มจากความอ่อนโยนไปจนถึงความเร่าร้อนทั้งหมดนี้เหมือนเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
“ต่อจากนี้ไป เธอเป็นของฉัน ห้ามหนีไปไหนอีก”
“ถ้าเธอยินดีที่จะอยู่กับฉัน ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอผิดหวัง!