แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 237 ใช้ปากของคุณป้อนผม
ฉู่ชิ่งเจ๋อนั่งเงียบๆอยู่ตรงเก้าอี้ภายในห้องผู้ป่วย สายตาของเขามองไปที่หญิงสาว ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นซีดขาวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ขนตายาวมาก ขยับเป็นครั้งคราว
ภายในใจมีความรู้สึกสงบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองดูเธออย่างละเอียดแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นแฟนของฉู่เฉินซี ดังนั้นเขาจึงมองเธอเป็นหนึ่งในคู่แข่ง
แต่ว่า ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขา และเป็นว่าที่ภรรยาของเขา
มุมมองที่แตกต่าง ความรู้สึกเองก็แตกต่าง ภายในใจของเขารู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฐาลี่ที่นิ่งเงียบขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่ว่าจะพูดคุยกันหรือทำอะไร เธอก็จะทำสีหน้าตีตัวออกห่าง ทำให้คนไม่สามารถเข้าใกล้ได้
กุมมือของเธอเบาๆ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าภายในใจอบอุ่นมาก
ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออกอย่างแรง ฉู่เฟยหยางซุกมือเข้ากระเป๋าแล้วเดินมาอย่างเป็นกันเอง
“พี่”
“เสียงเบาๆหน่อย!” ฉู่ชิ่งเจ๋อมองไปที่เขาด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็ยังทำให้เธอตื่น ฐาลี่ลืมตาขึ้น ดวงตาใสแป๋ว ถึงขั้นมีความสงสัยปนอยู่ด้วย
“ฉันเป็นอะไรไปคะ?” เสียงแหบพร่าพูดดังขึ้น ฐาลี่นวดหัวไปมา แล้วหันไปมองฉู่ชิ่งเจ๋อ จากนั้นขมวดคิ้ว
“คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล เฟยหยาง ไปซื้อโจ๊กกลับมาหน่อย” ฉู่ชิ่งเจ๋อยกแก้วน้ำขึ้นมาด้วยความใส่ใจ จากนั้นก็รินน้ำแล้วยื่นให้กับฐาลี่
ฐาลี่รับน้ำ ดื่มไปกว่าครึ่งแก้ว
“ป่ายห้าวล้ะคะ? ฉันจำได้ว่าเขามีธุระกับฉัน”
ฉู่ชิ่งเจ๋อหน้าดำเคร่งเครียดขึ้นมาในที มือที่จับลูกแอปเปิ้ลเอาไว้บีบแน่น เงยหน้าขึ้นมองฐาลี่
“ฐาลี่ คุณทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นแบบนี้เพื่อที่จะเขา คุณคิดว่าผมจะให้เขาอยู่ที่นี่ต่องั้นหรอ?”
ฐาลี่มองไปที่ฉู่ชิ่งเจ๋อเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
ฉู่ชิ่งเจ๋อเองก็รู้ดีว่าตนเองเข้มงวดเกินไปแล้ว เขากระเอมไอหนึ่งครั้งด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นก็ก้มหน้าลงปลอกแอปเปิ้ลต่อ
“ฉันก็แค่เบื่อเลยว่าจะออกไปเดินเล่น ประจวบเหมาะกับที่ป่ายห้าวนัดเจอฉัน การที่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา” ฐาลี่พูดอธิบาย
เขาอืมเสียงเบา ไม่ได้พูดอะไร ห้องผู้ป่วยกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ฐาลี่รู้สึกกระอักกระอ่วน ทำไมเธอต้องอธิบายให้เขาฟังด้วย? ทั้งๆที่ไม่พูดอะไรก็ได้
ประตูห้องผู้ป่วยเปิดขึ้นอย่างแรงอีกครั้ง ฉู่เฟยหยางและElisเดินเข้ามาพร้อมกัน
Elisที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเดินมาข้างเตียงผู้ป่วย “พี่คะ ทำไมพี่ทำให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
ฐาลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูไม่ดีนัก “แกไปดื่มเหล้ามา?”
“รู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยไปคลายเครียด” Elisลอบมองไปที่ฐาลี่ จากนั้นนั่งลงข้างๆ “ฉันพึ่งกลับมาแล้วรีบมาโรงพยาบาล ทำไมอยู่ดีๆถึงประสบอุบัติเหตุได้คะ”
“ไม่ทันระวังตัว” ฐาลี่ไม่อยากจะอธิบายอะไรให้มากมาย ถอนหายใจ
ฉู่ชิ่งเจ๋อรับโจ๊กในมือของฉู่เฟยหยาง ตักออกมาหนึ่งช้อน เป่าด้วยความใส่ใจ แล้วป้อนให้กับเธอ
ฐาลี่ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้เขาป้อนตามอำเภอใจ
“พี่ใหญ่ งานแต่งงานของพวกพี่จะทำไยัง เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน พี่สะใภ้กลับกลายเป็นแบบนี้ หรือว่าจะต้องเลื่อนไปอีก?” ฉู่เฟยหยางมองดูทั้งสองคนแล้วเอ่ยถาม
มือของฉู่ชิ่งเจ๋อที่ถือโจ๊กเอาไว้นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ส่งสายตาที่ตั้งคำถามแล้วมองไปที่ฐาลี่
“เลื่อน?”
ฐาลี่มองสบตากับเขา รู้สึกว่าเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ ความรู้สึกที่ถูกดูแลเอาใจใส่แบบนี้เธอจำไม่ได้แล้วมันไม่เคยเกิดขึ้นมากี่ปีแล้ว
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“สุขภาพร่างกายสำคัญ บอกกับคุณพ่อ งานแต่งงานเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือน” ฉู่ชิ่งเจ๋อพูดตอบเสียงเรียบ
ฉู่เฟยหยางมองไปที่พวกเขา หยักไหล่อย่างเสียไม่ได้ “โอเคครับ”
“ฉู่ชิ่งเจ๋อ คุณดูแลพี่สาวฉันยังไง!คุณยังคิดอยากจะแต่งงานกับพี่สาวฉัน!วันนี้ฉันจะบอกให้คุณฟัง พี่สาวของฉันไม่มีวันแต่งงานกับคุณหรอก” Elisสะอึก ตัวของเธอที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าลุกยืนขึ้น แล้วเดินไปหาฉู่ชิ่งเจ๋อ
“คุณไม่ดูตัวเองเลย ว่ามีอะไรที่เทียบกับเฉินได้บ้าง? พี่สาวฉันไม่ชอบคุณหรอก”
คำพูดที่พูดเพราะความเมาพูดจบไป ภายในห้องผู้ป่วยเงียบลงในทันที สีหน้าของฐาลี่ไม่ดีมากๆ เธอเอ่ยพูดเสียงเข้ม “Elis แกดื่มเยอะไปแล้ว กลับไปพักเถอะ ไว้สร่างเมาเมื่อไหร่ค่อยมาหาพี่!”
“พี่คะ สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริง ฉันรู้ว่าพี่ยังรักเฉิน อย่าแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เลย” Elisชี้ไปที่ฉู่ชิ่งเจ๋อแล้วพูดด้วยสีหน้าดูถูก
“นี่!อย่าคิดว่าคุณเป็นน้องสาวของพี่สะใภ้ใหญ่แล้วผมจะไม่กล้าทำร้ายคุณ!” ฉู่หยางเฟยทนดูไม่ได้ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“อย่าทะเลาะกันแล้ว กลับไปให้หมด พี่สะใภ้ของแกต้องการพักผ่อน” ฉู่ชิ่งเจ๋อพูดด้วยเสียงเรียบเฉย สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ คล้ายกับว่าไม่ได้ยินคำพูดที่Elisพูดอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันไม่กลับไปหรอก ฉันจะอยู่กับพี่สาวของฉัน” Elisเดินเส จนเกือบจะล้มลง
ฐาลี่รู้สึกหงุดหงิด สีหน้าของเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่
“เฟยหยาง พาเธอออกไป”
ฉู่เฟยหยางเบ้ปาก แล้วลากตัวElisออกไปจากห้องผู้ป่วย
“ขอโทษนะคะ Elisดื่มเยอะก็เลยพูดอะไรแบบนี้ออกมา” ฐาลี่อธิบายเสียงเรียบ
ฉู่ชิ่งเจ๋อมองดูเธอนิ่งๆ แล้วเอ่ยถามทีละคำ “แล้วคุณล้ะ? หรือว่าคุณเองก็มีความคิดเหมือนกันกับเธอ? ความสามารถของผมเทียบกับฉู่เฉินซีไม่ได้ ไม่คู่ควรกับคุณ คุณสามารถยกเลิกการแต่งงานได้ ผมไม่ว่าอะไร”
น้ำเสียงของเขาไม่ดีเท่าไหร่ วางแอปเปิ้ลที่ปลอกเสร็จแล้วไว้ข้างๆ ใบหน้าของเขาเผยความเศร้าออกมาเล็กน้อย “ผมเองก็รู้ตัวดีว่าตนเองเทียบกับฉู่เฉินซีไม่ได้ ไม่ว่าด้านไหนเขาก็ถือว่าไม่เลว ไม่ว่าผมจะพยายามเท่าไหร่เพื่อที่จะนำหน้าเขา โดยใช้ทางลัดต่างๆ และถึงขึ้นไปหาจุดด้อย
ของเขา ไปหาจุดอ่อนของเขา”
“หึ แต่ว่าผมก็ยังสู้เขาไม่ได้ ฐาลี่ ถ้าไม่อยากแต่งงานกับผมจริงๆ ผมจะไปอธิบายให้ทุกคนเอง”
ฐาลี่มองฉู่ชิ่งเจ๋ออย่างนิ่งค้าง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ความเป็นจริงเขาไม่มีอะไรไม่ดี เพียงแต่เขาอยากเอาชนะจนเกินไป ถ้าหากเขาทำตัวเองให้ดีนั้น บางทีเองจะไม่เป็นแบบนี้”
“ฉู่ชิ่งเจ๋อ เคยมีคนบอกไหมคะ ว่าอันที่จริงคุณเป็นคนที่เก่งมาก? คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเฉินแม้แต่น้อย”
“ไม่เคยมี ตั้งแต่เล็กความภูมิใจทุกอย่างล้วนอยู่รอบๆความคิดของเขา” ฉู่ชิ่งเจ๋อคลายยิ้มบางๆ ใบหน้าของเขาเคล้าไปด้วยความผิดหวัง
ห้องผู้ป่วยเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่เขากลับอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบๆ ไม่คิดที่จะไปจากเธอแม้แต่น้อย
วันที่สอง ตอนที่ฐาลี่ลืมตาตื่นขึ้นมานั้น ก็ตกใจที่เห็นฉู่ชิ่งเจ๋อนอนพิงอยู่บนโต๊ะ มองดูเขาที่เป็นแบบนี้ คล้ายว่าส่วนหนึ่งภายในใจของเธอละลายเพราะความอบอุ่น
“คุณกลับไปพักเถอะค่ะ” ฐาลี่ปลุกเขาตื่นเบาๆ
ฉู่ชิ่งเจ๋อพยักหน้าด้วยความสลึกสลือ “ผมลงไปซื้ออาหารเช้ามาให้คุณสักหน่อย”
ยังไม่รอให้ฐาลี่ปฏิเสธ ฉู่ชิ่งเจ๋อก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
หลังจากที่ฉู่ชิ่งเจ๋อซื้ออาหารเช้ากลับมานั้น ผลักประตูห้องผู้ป่วย ก็ตกใจที่เห็นฉู่เฉินซีนั่งอยู่ตรงเก้าอี้แล้วพูดคุยกับฐาลี่
ใบหน้าของฐาลี่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน นั่นคือสิ่งที่เธอไม่เคยแสดงให้เขามาก่อน
เธอที่ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด น้อยครั้งมากที่จะแสดงความเขินอายของผู้หญิงออกมา
“พี่ใหญ่?” ฉู่เฉินซีสังเกตุเห็นฉู่ชิ่งเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงประตู เอ่ยถามด้วยความตกใจ “พี่คงไม่ได้ไม่กลับไปทั้งคืนใช่ไหม?”
“ฐาลี่ อย่าลืมกินอาหารเช้าด้วย” ฉู่ชิ่งเจ๋อวางอาหารเช้าเอาไว้บนโต๊ะข้างๆเธอ จากนั้นหันไปมองฉู่เฉินซี “การดูแลว่าที่เจ้าสาวของตนเองนั้นคือสิ่งที่ควรทำ ฉันเข้าบริษัทก่อน ไปด้วยกันไหม?”
ฉู่เฉินซีพยักหน้า แล้วพยักหน้าให้กับฐาลี่ เดินออกไปจากโรงพยาบาลพร้อมกันกับฉู่ชิ่งเจ๋อ
ทั้งสองคนคนหนึ่งเดินนำหน้าคนหนึ่งเดินตามหลัง โดยไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่น้อย
“เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทคงไม่ใช่เพราะนายร่วมมือกับคนนอกแล้วทำให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม?” ฉู่ชิ่งเจ๋อถามด้วยความเย็นชา
แผนกภายในของฉู่ซื่อกรุ๊ปเพราะด้านการลงทุนทำให้ส่งผลกระทบอย่างหนัก อีกทั้งคนที่ทำให้เกิดผลกระทบที่น่าตกใจนี้ก็คือเดวิด เดวิดกับฉู่เฉินซียังได้มีการทำงานร่วมกัน สิ่งนี้จึงทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“พี่คิดว่าผมจะร่วมกับคนนอกเพื่อมาทำลายฉู๋ซื่อกรุ๊ปงั้นหรอ?” ฉู่เฉินซีกระตุกมุมปากแล้วยิ้มบางๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นไม่สามารถคาดเดาได้
ฉู่ชิ่งเจ๋อหันกลับมาหรี่ตามองดูเขา เห็นได้ชัดว่าแววตาของเขานั้นเคล้าไปด้วยความไม่เชื่อ “ทางที่ดีที่สุดขอให้เป็นแบบนี้”
“แน่นอน” ฉู่เฉินซีตอบกลับ แววตาคู่นั้นที่เหมือนจะมีอะไรและคล้ายจะไม่มีอะไรมองดูเขาอย่างพิจารณา เขาดูลึกลับขึ้นมา ทำให้คนไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้
เพียงแต่ภายในใจของพวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดี ว่านี่คือการต่อสู้ที่ดุเดือด
หลินเวยมี่ถือกล่องเก็บความร้อนเอาไว้แล้วปรากฎตัวขึ้นที่หน้าฉู่ซื่อกรุ๊ป สีของท้องฟ้านั้นมืดไปแล้ว หนาวเย็นไปหมด
เธอหนาวสั่น แล้วเดินเข้าไปด้านใน
ทั่วทั้งตึกขนาดใหญ่นี้ยังคงเปิดไฟจ้า โชคดีที่ตอนที่มานั้นฉู่เฉินซีบอกกับเธอแล้วว่าอยู่ชั้นไหน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถหาเจอ
ประตูลิฟท์เปิดออก หลินเวยมี่มองไปรอบๆ เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา
“คือพี่สะใภ้?”
เสียงสดใสดังขึ้น หลินเวยมี่หันหน้าไป เผชิญหน้ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“คุณคือ?” หลินเวยมี่มองดูผู้ชายใส่แว่นที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา
“ผมคือพี่ชายของป่ายห้าวชื่อว่าป่ายเฉิง ห้องทำงานของเฉินอยู่ทางนี้ครับ” ป่ายเฉิงยิ้มแล้วเชิญเธอเข้าไป
ภายในใจของหลินเวยมี่เข้าใจขึ้นมาทันที ไม่แปลกที่เขาดูเป็นมิตรถึงขนาดนี้ ที่แท้ก็คือพี่ชายของป่ายห้าวนี่เอง แต่ว่ามองดูแล้วแลดูอายุน้อยกว่าป่ายห้าว
เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปอย่างไม่มีความเกรงกลัว ป่ายเฉิงยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้เข้าไป
“เฉินอยู่ในห้องทำงานห้องนี้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ” หลินเวยมี่พูดขอบคุณด้วยความเกรงใจ ตอนที่เดินเข้าไปด้านในนั้นก็พึ่งพบว่าภายในห้องทำงานมีขนาดใหญ่มาก
“เยี่ยมชมหมดหรือยัง?” ฉู่เฉินซีนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานเอ่ยถามขึ้นโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า
“ใหญ่มากเลยหนิคะ” หลินเวยมี่ยิ้มแล้วยื่นกล่องเก็บความร้อนไปให้กับเขา “อาหารเล็กๆน้อยๆจากที่บ้าน หวังว่าจะชอบนะคะ”
ฉู่เฉินซีพยักหน้า ยังคงจัดการเอกสารของเขา
หลินเวยมี่นั่งอยู่ตรงโซฟาเงียบๆแล้วมองดูเขา มีคนบอกว่าผู้ชายที่มีความแน่วแน่นั้นหล่อที่สุด ตอนนี้ดูท่าแล้วคำพูดนี้จะพูดถูกจริงๆ
เธอท้าวคางแล้วมองไปที่เขา คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบนั้นกำลังเคล้าไปด้วยความตั้งใจ แน่วแน่น ดูสวยงามมาก
“ฉู่เฉินซี ตอนนี้ที่บริษัทของพวกคุณยุ่งมากเลยหรอคะ?” หลินเวยมี่ถามเพื่อชวนคุย
“อื้ม ยุ่งมาก ยุ่งจนแม้แต่เวลากินข้าวยังไม่มีเลย”
“แล้วคุณหิวไหมคะ?”
“หิว คุณมาป้อนผมสิ” ฉู่เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยิ้ม “ทางที่ดีที่สุดต้องใช้วิธีที่พิเศษ”
“วิธีที่พิเศษยังไงคะ?” หลินเวยมี่เดินไปตรงหน้าเขาด้วยความแปลกใจ จากนั้นเปิดกล่องเก็บความร้อนออกด้วยความหวังดี
ฉู่เฉินซีหรี่ตามองดูเธอ แววตาคู่นั้นเผยความขี้เล่น กระดิกนิ้วให้กับเธอ “มานี่สิ ผมจะบอกคุณเอง”
หลินเวยมี่ขยับเข้าไปหา ถลึงตามองดูเขา “อะไรนะคะ?”
“ใช้ปากของคุณป้อนผมไง” ลมหายใจร้อนๆของเขาพ่นอยู่ตรงหน้าเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความขี้เล่น