บทที่ 242 ระเบิด
หลินเวยมี่มองนัยน์ตาที่รุ่มร้อนของเขา แล้วยื่นมือไปผลักออก จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ
ฉู่เฉินซีหัวเราะขึ้นเบาๆ เสียงหัวเราะอันเริงร่าของเขาดังไปทั่วห้อง
เธอรีบล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ข้างหูก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นไม่หยุด จากนั้นก็มองตัวเองในกระจก แล้วถอนหายใจเดินออกไป
“พี่สาว ลงมากินมื้อเช้าได้แล้ว” หลินซินหยานยิ้มแล้วทักทายเธอ
หลินเวยมี่เห็นอาหารเช้าที่วางบนโต๊ะ ในใจลึกๆจึงรู้สึกซาบซึ้ง “ซินหยาน เธอตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรอ?”
“ฉันชินไปแล้ว” หลินซินหยานยื่นนมให้เธอ “พี่สาว ตอนนี้ดื่มนมดีกับผมนะ”
หลินเวยมี่คลายยิ้มพลางพยักหน้า จริงๆเธอรู้สึกเศษสุขที่ได้รับความเป็นห่วงจากน้องสาว ฉู่เฉินซีสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบร้อยแล้วเดินลงชั้นล่าง จากนั้นเหลือบตามองหลินซินหยานด้วยสายตาที่เย็นชา
หลินซินหยานก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เรียกฉู่เฉินซีด้วยเสียงต่ำ “สวัสดีค่ะคุณน้า”
“อืม” ฉู่เฉินซีทำน้ำเสียงที่นิ่งเฉย แล้วนั่งลงข้างๆหลินเวยมี่ “ซินหยาน วันนี้ผมจะพาคุณไปที่บริษัท แล้วมอบหมายงานและตำแหน่งให้คุณ”
นัยน์ตาของซินหยานเปล่งประกายซึ่งความตื่นเต้นดีใจออกมา แล้วรีบพูดขึ้นพลางพยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณน้า”
ตอยอยู่ในรถ ฉู่เฉินเปิดสนุดโน๊ตออก แล้วดูตารางที่เขียนไว้ข้างบน
หลินซินหยานนั่งอยู่ข้างๆ แล้วจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ยอมปิดบังอาการใดๆ
ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็เงยหน้าจับจ้องสายตาเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เลือดเย็น “หลินซินหยาน ผมให้คุณมานั่งข้างผม คุณรู้ใช่ไหมว่าควรบอกยังไงกับพวกเขา?”
หลินซินหยานพยักหน้า “รู้ค่ะ”
“ดีมาก” ฉู่เฉินซีก้มหน้าลงทำเรื่องของตัวเองต่อ แล้วไม่สนใจหลินซินหยานอีก
ในบริษัท หลังจากที่ประชมช่วงเช้าเสร็จ ฉู่ชิ่งเจ๋อจึงรีบออกจากห้องประชุมไป และฉู่เฟยหยาก็มองหลินซินหยานที่ติดตามอยู่ข้างๆฉู่เฉินซีพลางถามขึ้น “น้องสาม เปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มาชอบสาวสวยร่างเล็กแบบนี้?”
ฉู่เฉินซีกลับไม่ได้สนใจ จากนั้นก็กระตุกมุมปากแล้วคลายยิ้มอ่อนๆ “ผมคิดว่าไม่มีใครรู้ซึ้งถึงผู้หญิงประเภทที่สวยและร่างเล็กแบบนี้หรือเปล่า?”
หลินซินหยานจึงมองฉู่เฟยหยางด้วยสายตาลุ่มลึก พลางก้มหน้าลง แล้วไม่พูดไม่จา
ฉู่เฉินซีจัดการธุระของตัวเองเสร็จ จากนั้นก็ออกจากที่ประชุมลงไปทันที
ฉู่เฟิยหยางมองหลินซินหยานด้วยความสงสัย แล้วปรับน้ำเสียงให้ต่ำพร่า “คุณมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
หลินซินหยานพึ่งจะเงยหน้าขึ้น แล้วไม่ได้ทำสีหน้าที่ดูหวาดกลัวเหมือนเมื่อกี้ สีหน้าดูนิ่งเฉยมากๆ “คุณชายใหญ่ให้ฉันมาปฏิบัติภารกิจ”
“ฉู่เฉินซีรู้ดีว่าคุณคือคนของเรา ทำไมถึงให้คุณอยู่ข้างกายอีก?” ฉู่เฟยหยางทำน้ำเสียงที่สงสัย และสังเกตมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” หลินซินหยานลูบผมเส้นอ่อนของตัวเอง จากนั้นก็เหยียบส้นสูงเดินออกไปข้างนอก
ฉู่เฟยหยางรู้สึกยิ่งหม่นหมองใจขึ้นมา หลายวันมานี้ฉู่ชิ่งเจ๋ออยู่ข้างกายฐาลี่ตลอดเวลา และไม่ค่อยมายุ่งเรื่องของบริษัท ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดอะไรอยู่
หลินซินหรานไม่ใช่คนที่ชอบอยู่อย่างนิ่งเฉย จุดๆนี้แม้แต่ฉู่เฟยหยางยังดูออก หรือว่าฉู่ชิ่งเจ๋อจะไม่รู้?
ฉู่ชิ่งเจ๋อถือดอกกุหลาบหนึ่งช่อแล้วปรากฎตัวต่อหน้าฐาลี่ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พอผลักประตูเข้าไปก็อยากจะเอ่ยพูด รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าจึงดูเกร็งไปในพริบตาเดียว
ป่ายห้าวนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข ใจของเขาจู่ๆก็หล่นไปถึงตาตุ่ม
“ชิ่งเจ๋อ คุณมาแล้วหรอ” นัยน์ตาของฐาลี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ แล้วตอนที่มองฉู่ชิ่งเจ๋อ สีหน้าของเธอก็ดูอับอายมากๆ
สีหน้าของไป่ห้าวจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ดูไม่ธรรมชาติเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าใส่ฉู่ชิ่งเจ๋อ “ฐาลี่ ไว้วันหลังผมค่อยมาหานะ”
“ได้” ฐาลี่ยยิ้มอย่างอ่อนโยน ทั้งตัวของเธอดูดีใจมากๆ
ฉู่ชิ๋งเจ๋อเดินเข้าไป แล้วเอาดอกไม้วางลงข้างๆ สีหน้าดูแย่เล็กน้อย
“ยังเจ็บขาอยู่ไหม?”
“ยังดี หลายวันมานี้ฉันออกไปเดินเล่นบ่อยๆ เลยรู้สึกดีขึ้นเยอะ ฉันอยากจะทำให้มันไม่มีผลกระทบต่องานแต่งงานของเรา” ฐาลี่ตอบกลับ
ฉู่ชิ่งเจ๋อพยักหน้า สีหน้ายังคงดูไม่ค่อยดี ดูเหมือนกำลังรู้สึกอึดอัดใจ
“งั้นก็ดีที่สุด ผมรู้สึกว่าพรีเวดดิ้งใส่ชุดแต่งงานของเขาก็ถ่ายๆไปงั้นๆก็พอ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยมาก”
“ทุกอย่างทำตามความต้องการของคุณเลยค่ะ” ฐาลี่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของเขา เธอยังคงรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะมีวันที่ได้กลายเป็นแม่คน
ถึงแม้นี่ก็พึ่งจะสองอาทิตย์กว่า แต่ว่าพอนึกถึงชีวิตน้อยๆที่อยู่ในท้องของตัวเอง เธอก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
งานแต่งงานค่อยๆใกล้เข้ามาแล้ว ชีวิตเดือนนี้ที่ได้อยู่กับฉู่ชิ่งเจิ๋อ เธอค่อยๆยอมรับเขา ฉู่ชิ่งเจ๋อเป็นห่วงเธอมากๆ และสังเกตทุกรายละเอียดของเธอ และความคิดของเธอ น้อยมากที่จะมีคนรักใคร่เธอแบบนี้
ที่ผ่านมาเธอมักจะถูกมองเป็นหญิงแกร่งในสายตาของคนอื่น และเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจที่ยิ่งนัก ทว่าต่อหน้าเขาเธอกลับเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ และเป็นผู้หญิงที่ให้ความอบอุ่น
“งั้น ผมกลับแล้วนะ” ฉู่ชิ่งเจ๋อพูดด้วยเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก
“นี่” ฐาลี่มองเขาเดินจากไป และรีบเรียกเขาไว้ กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขา แค่อยากจะเจอเขาเท่านั้น
“เป็นอะไรไป?” เขาหันมาถามด้วยเสียงเรียบเฉย
ฐาลี่มองเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอยากทดลองใจ “ชิ่งเจ๋อ คุณดีกับฉันเพราะว่ามีผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า?”
ในใจลึกๆของเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย เพราะยังไงพวกเขาก็อยู่ด้วยเพราะผลประโยชน์ ในใจลึกๆก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แม้กระทั่งกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงเธอ เพราะว่าผลประโยชน์
ฉู่ชิ่งเจ๋อนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนกำลังคิดปัญหานี้อยู่ แค่ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง
“พี่ใหญ่ ผมก็รู้ว่าพี่อยู่นี่” ฉู่เฟยหยางจึงผลักประตูเข้ามา พร้อมด้วยน้ำเสียงที่ใจร้อน “พี่ใหญ่ ทำไมพี่ถึงได้ปล่อยให้ระเบิดลูกนั้นไปอยู่ในบริษัทล่ะ?”
ฉู่ชิ่งเจ๋อหันหลังมองฉู่เฟยหยางด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ฉู่เฟยหยางรู้สึกอึดอัดใจแล้วมองฐาลี่เพียงชั่วพริบตา จากนั้นก็ไม่พูดไม่จาใดๆ
“คุณพักผ่อนเถอะ ตอนเที่ยงผมจะมาหาคุณอีกที”
ฐาลี่มองคนๆที่เเดินจากไป ความคาดหวังในนัยน์ตาอขงเธอก็ค่อยๆจางหายไป
ฉู่ชิ่งเจิ๋อจุดบุหรี่ขึ้นหนึ่งมวน จากนั้นก็ดูดแรงดๆ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปในทางที่เคร่งเครียด “ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของบริษัทไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ฉู่เฉินซีต้องคอยทำอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ สั่งให้คนไปจับตามองเขาไว้ ฉันรู้สึกว่าต้องมีประโยชน์แน่นอน”
“พี่ใหญ่ พี่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงของบริษัทเป็นเพราะฉู่เฉินซีและดาวิดร่วมมือกันทำขึ้นมาหรอ? มิน่าล่ะ!” ฉู่เฟยหยางจึงตำหนิด้วยความรุนแรง สีหน้าดูร้อนใจขึ้นมา “งั้นเราจะทำยังไง?”
“รอก่อน” ฉู่ชิ่งเจ๋อเอ่ยพูดด้วยเสียงนิ่งเฉย ในหัวสมองของเขาทำไมถึงมีภาพบนในห้องของฐาลี่ผุดขึ้นมาล่ะ
“พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างไม่ผมไม่รู้ว่าควรถามพี่ไหม?” ฉู่เฟยหยางเหมือนทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ แล้วถามด้วยความจริงจัง
“เรื่องอะไร?”
“พี่กับฐาลี่…….มีความรู้สึกรักกันจริงใช่ไหม? น้อยมากที่จะเห็นพี่ไปคอยเป็นห่วงผู้หญิงคนหนึ่ง”
“เธอจะกลายเป็นภรรยาของฉัน เป็นห่วงเธอก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดอะไรไม่ใช่หรอ” ฉู่ชิ่งเจ๋อตอบกลับอย่างสมเหตุสมผล เหมือนกำลังจะบอกให้ฉู่เฟยหยางฟัง และก็เหมือนจะบอกให้ตัวเองฟัง
ฉู่เฟยหยางขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างไม่ปิดบังอะไร “ผมดูว่าพี่ตกหลุมรักฐาลี่เข้าแล้วจริงๆ แต่ก่อนพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่เคยเห็นพี่เป็นห่วงเธอแบบนี้เลย”
“คนอื่นจะเอาเทียบกับฐาลี่ได้ยังไง” คำพูดของฉู่ชิ่งเจ๋อหลุดออกจากปาก ในใจจึงกลับรู้สึกอึ้งมากๆ เขาได้มองฐาลี่ไม่เหมือนใครจริงๆหรอ?
ฐาลี่ก็ได้ถือแก้วแล้วเดินลงบันไดด้วยความระมัดระวัง ตลอดทั้งทางเธอเดินอย่างระวังมาก ทว่าเท้าของเธอก็ยังรู้สึกเจ็บ
“ทำไมจึงได้ลงมาคนเดียวแบบนี้?” ฉู่ชิ่งเจ๋อขมวดคิ้วขึ้น แล้วขึ้นหน้าไปพยุงเธอ จากนั้นพาเธอลงมาชั้นล่าง
“หิวน้ำ เลยจะลงมาตัก” ฐาลี่ยิ้มแล้วเอาแรงทั้งหมดที่มีไปพิงอยู่บนเรือนร่างของเขา พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
“คนใช้ล่ะ?” ฉู่ชิ่งเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จากนั้นก็แย่งแก้วจากมือเธอแล้วเทน้ำยื่นให้เธอ
“ฉันต้องเดินบ่อยๆ ตอนงานแต่งจะได้ไม่ต้องทำเรื่องอับอาย ฐาลี่ยิ้มและดื่มน้ำ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เธอหวังว่างานแต่งจะมาถึงจริงๆ ที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่ทำอะไรก็สมบูรณ์แบบหมดทุกอย่าง แน่นอนว่าต้องไม่หวังว่างานแต่งจะเกิดปัญหาอะไรแน่นอน
ฉู่ชิ่งเจ๋อมองเธอด้วยความนิ่งสงบ จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณรอคอยงานแต่งให้มาถึงไหม?”
“แน่นอนสิ” ฐาลี่พูดด้วยน้ำเสียงธรรมชาติ ใบหน้าเล็กๆของเธอแดงระเรื่อขึ้น “ยังไงก็เป็นครั้งแรก”
ฉู่ชิ่งเจ๋อมองสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงเหม่อลอยไปชั่วขณะ จากนั้นก็จับกล่องแหวนในกระเป๋ามาไว้ในฝ่ามือ กลับไม่รู้ว่าควรเอาออกมายังไง
“หรือว่าคุณไม่เฝ้ารอคอย?” ฐาลี่หันข้างมองเขา จากนั้นก็ดูเหมือนอยากจะได้อะไร แล้วหันกลับไปทางเดิมอย่างดื้อรั้น “ฉันลืมไป คุณไม่ใช่ครั้งแรก”
“ฐาลี่ ขอบคุณคุณมากๆที่แต่งงานกับผม” จู่ๆฉู่ชิ่งเจ๋อก็คุกเข่าลง ในมือก็จับกล่องมือไว้แล้วชูขึ้นต่อหน้าเธอ เหมือนกำลังขอแต่งงาน
ฐาลี่จึงรู้สึกอึ้งไปทันที พอเห็นแหวนในมือของเขา จึงยังไม่ได้สติกลับมา
ฉู่ซิ่งเจ๋อนึกว่าเธอจะสนใจเรื่องที่เขาเคนแต่งงาน จึงรีบอธิบายขึ้น “ฐาลี่ ครั้งนี้เป็นการขอแต่งงานครั้งแรกของผม และเป็นครั้งเดียวเท่านั้น”
ขอบตาของฐาลี่แดงก่ำ หลายครั้งมากที่เธอเคยฝันถึงวันนี้ ฉู่เฉินซีคุกเข่าขอเธอแต่งงาน แต่ว่าเธอก็ไม่เคยได้สมดั่งความฝัน
ตอนนี้มีผู้ชายมาขอเธอแต่งงานแบบนี้ ในใจลึกๆรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ที่แท้แค่เธอถอยหนึ่งก้าว เธอก็จะสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้
เธอร้องไห้พยักหน้า จากนั้นก็ปล่อยให้เขาสวมแหวยให้เธอ แล้วใบหน้าของเธอก็มุดเข้าไปในแก้มของเขา แล้วพึมพำเสียงเบา
“ฉู่ชิ่งเจ๋อ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าครั้งแรกคนที่จะขอฉันแต่งงานคือคุณ”
คำพูดของเธอโจมตีจิตใจของเขามาก ใจของเขาจึงหม่นหมองลงทันที เขารู้ว่าฐาลี่ไม่เคยลืมฉู่เฉินซี เธอหวังว่าฉู่เฉินซีมาขอเธอแต่งงาน
“ทว่าฉันพอใจมากๆ ขอบคุณนะ”
เขาไม่พูดไม่จา นัยน์ตาเต็มได้ด้วยความเจ็บปวด ในใจลึกๆจู่ๆก็นึกถึงคำพูดของหลินเวยมี่ ความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องฝืน ระหว่างพวกเขาถือว่าอะไรกัน
“ฐาลี่ คุณลองเปิดใจให้ผมได้ไหม ถึงแม้ผมจะไม่เท่าฉู่เฉินซี แต่ว่าผมจะพยายาม” ฉู่ชิ่งเจิ๋อเอ่ยพูดด้วยความน่างสงสาร
“แบบนี้ที่คุณเป็นก็ดีแค่ไหนแล้ว คุณดีมากจริงๆ” ฐาลี่ยิ้มแล้วจูงมือใหญ่ๆของเขา
“ตอนนี้ฉันหวังว่าเราสามคนจะได้อยู่ด้วยกัน ผลประโยชน์ของบริษัทไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไป”
ฉู่ชิ่งเจ๋อจึงรู้สึกตกตลึงเล็กน้อย จากนั้นก็มองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเขา
“สามวันพ่อแม่ลูก?”
ฐาลี่ยิ้มพยักหน้า “วันข้างหน้าคุณอยู่ไหน เราก็จะอยู่นั่น ฉู่ชิ่งเจ๋อ เราเปลี่ยนไลฟ์สไตล์กันเถอะ อย่าเหนื่อยเกินไป แบบนั้นคงไม่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นไม่ใช่หรือไง?”
เขาพยักหน้าด้วยความเซอร์ไพรส์ “อืม เปลี่ยนไลฟ์สไตล์