ตอนที่ 1933
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“บรรดาศิษย์น้องหมดสติไปได้อย่างไร?”
“นี่คือการโจมตีทางจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ แม่เจ้า ผู้บ่มเพาะในระดับกฎเทวรูปมีพลัง วิญญาณในระดับนี้ได้อย่างไรกัน? แม้แต่ยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าก็ไม่ได้มีพลังวิญญาณถึงขั้นนี้”
“ผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจ นี่คือผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่แท้จริง แม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเอง บุคคลเช่นนี้ก็ยังคงเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสุดยอด”
เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นทั้งสี่ที่หมดสติไปเพียงเพราะว่าเซี่ยปิง แค่จ้องมองครู่เดียวนั้น ลูกศิษย์ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าคนอื่นๆของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเรี่มต้นก็หวาดกลัวจนสั่นเพิ่ม นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการเกินไป
พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่จากร่างกายของเซี่ยปิง เหมือนว่าพวกเขาเป็นแกะที่กําลังเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ก็ว่าได้ เหมือนว่าหากฝ่ายตรงข้ามต้องการ ก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่อยากเชื่อ ผู้บ่มเพาะในระดับกฏเทวรูป ถึงแม้ว่าจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ทว่าการที่มีระดับพลังแตกต่างกับพวกเขาถึงหนึ่งระดับ เป็นไปได้อย่างไรที่จะสังหารพวกเขาได้?
ทว่าเมื่อนึกได้ถึงเจ้าปีศาจร้ายอู๋ตี้ที่ก่อนหน้านี้และมาพบกับเซี่ยปิงในตอนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก เพราะว่าถึงอย่างไรจักรวาลก็กว้างใหญ่เกินไปจริงๆ ผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ
ต่อให้พวกเขาจะอยู่ในศูนย์กลางของจักรวาล อยู่ในภูมิภาคที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรมากที่สุด มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าพวกเขาจะเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน
“ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นอ่อนแอถึงเพียงนี้? ไม่ นี่มันไม่ใช่เป็นการที่พวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่อาจจะเป็นการที่ข้าแข็งแกร่งเกินไปอย่างนั้นรึ? ไม่คาดคิดว่าข้าจะทรงพลังจนถึงขั้นนี้ ไม่สามารถหาศัตรูที่สมศักดิ์ศรีได้เลย คาดการณ์ได้ว่าผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นคู่มือให้ข้าได้นั้น คงจะมีเพียงแค่เจ้าอาชญากรที่มีนามว่าอู๋ตี้นั่น”
เซี่ยปิงก็ยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ที่จะเอาชนะเขาได้มีเพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้น การเป็นยอดฝีมือช่างโดดเดี๋ยวจริงๆ
ผู้นํานิกายจูเซียนและคนอื่นๆก็กัดมุมปาก เจ้านี่จะหลงตัวเองเกินไปแล้ว ใครกันที่จะเอ่ยปากชมตนเองเช่นนี้ ช่างไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อพวกเขาลองคิดดูดีๆ ก็อย่างที่เขากล่าวไว้ ยอดฝีมือในรุ่นเดียวกัน ผู้ที่สามารถเป็นคู่มือให้กับเซี่ยปิงได้นั้น อันที่จริงก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว พวกเขาไม่สามารถนึกถึงใครขึ้นมาได้
“ไอ้สารเลว!”
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็มีใบหน้าที่เขียวขึ้นมา ยอดฝีมือช่างโดดเดี่ยวอะไรกัน นี่มันเป็นการเหยียบย่ําพวกเขาลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ความรุ่งโรจน์ ช่างน่าหมั่นไส้เกินไป
“จริงสิ พวกศิษย์พี่ต้องการที่จะประมือกับข้าด้วยหรือไม่?”
เซี่ยปิงก็กระพริบตาและมองไปที่ลูกศิษย์ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าที่เหลืออยู่ มีใบหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์
“ม่ายยย ไม่จําเป็นหรอก พวกเราอยู่ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า ส่วนเจ้าอยู่เพียงระดับกฏเทวรูปเท่านั้น พวกเราแตกต่างกันเกินไป”
“ใช่ การที่จะให้พวกเราประมือกับเจ้า ต่อให้ชนะก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หนําซ้ําหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนอื่นๆก็คงจะคิดว่าพวกเรารังแกคนที่อ่อนแอกว่า”
“พูดถูกแล้ว ในเมื่อเจ้าเอาชนะศิษย์น้องหลายคนของพวกเราได้ นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังอํานาจของเจ้า มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นอย่างแน่นอน ไม่จําเป็นที่จะต้องประมือกับใครอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกศิษย์ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าที่เหลืออยู่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเรี่มต้นก็พูดออกมาอย่างเร่งรีบ หาข้อแก้ตัวในการปฏิเสธการประมือกับเซี่ยปิงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาก็หวาดกลัวกันอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความมั่นใจในพลังอํานาจของตนเอง ทว่าพวกเขาก็เกรงกลัวความไม่แน่นอน หากเจ้าบัดซบนี้มีพรสวรรค์อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าปีศาจอี้ที่จริงๆ จากนั้นพวกเขาก็คงจะพ่ายแพ้ไปอย่างหมดท่าเช่นกัน
ซึ่งหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปนั้น พวกเขาจะไม่กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้อื่นหรือ?!
ในตอนนั้น เจ้าเด็กนี่ก็จะสร้างชื่อเสียงและอํานาจบารมีให้กับตนเองโดยที่ใช้พวกเขา เป็นขั้นบันไดเหยียบขึ้นไป เรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางทําเด็ดขาด ไม่ได้ส่งผลดีใดๆต่อพวกเขาแม้แต่น้อย
“นี่เป็นเพียงแค่การประมือเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เพียงเพื่อขัดเกลาวิทยายุทธของกันและกัน ข้าเพียงต้องการให้ศิษย์พี่ทุกๆคนชี้แนะข้า หวังว่าศิษย์พี่ทุกคนจะช่วยสั่งสอนศิษย์น้องผู้นี้ได้ช่วยขัดเกลาฝีมือของข้าให้เก่งกาจขึ้น”
เซี่ยปิงก็ไล่ต้อนไม่หยุด
เวรเอ๊ย ชี้แนะตูดข้าสิ กิริยาท่าทางเช่นนี้หรือที่ต้องการให้พวกเขาชี้แนะ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการพยายามอัดพวกเขา ต้องการเหยียบย่ําพวกเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์ พยายามที่จะสร้างชื่อให้กับตนเอง
เจ้านี่ช่างเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็กัดฟันกันอย่างแน่น เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ของเซี่ยปิงนั้น พวกเขาก็ปรารถนาที่จะประเคนหมัดใส่ใบหน้าเขาทันที
“ม่ายยย ไม่จําเป็น ในความเป็นจริงก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้ผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมือในพื้นที่ของแผนผังโชคชะตาราศีได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟูดี ไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย คงจะต่อสู้กับเจ้าไม่ได้”
“ใช่ ไม่สามารถต่อสู้ได้ชั่วคราว พวกเราคงต้องขอปฏิเสธความตั้งใจของศิษย์น้องเซี่ย”
“จริงสิ พวกเราบางคนก็มีธุระเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการ จะไม่รบกวนเจ้าอีก ขอตัวก่อน!”
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็รีบหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว ต้องการหลบหนีออกไป
“เหตุใดจะต้องรีบร้อนกัน ศิษย์พี่ทุกๆคนอย่าเพิ่งไป พวกท่านไม่ได้นําของขวัญใดๆมาหรือไม่มีของขวัญเป็นมารยาทในการพบปะครั้งแรกหรือ?” เซี่ยปิงก็กะพริบตาและมองไปที่กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเหล่านี้
รีดไถ่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าบัดซบนี่กําลังรีดไถ่ อ๊าก!
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็โมโหอย่างมาก พวกเขาเข้าใจความหมายของเจ้าบัดซบนี้ดี หากไม่มอบผลประโยชน์อะไรให้กับเขา เขาก็จะไม่ปล่อยไป พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่กล้ารีดไถ่ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นมาก่อน
เจ้าเซี่ยปิงนี่เป็นคนแรก
ทว่าหากไม่ยินยอมและขัดขืน บางที่พวกเขาก็อาจจะต้องต่อสู้กับเจ้าเซี่ยปิงจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะเสียหน้าไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อลองคิดพิจารณา พวกเขาก็ควรที่จะยอมแลกสิ่งเล็กๆน้อยๆเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ ถือซะว่าเป็นพวกเขาโชคร้ายก็แล้วกัน
“นี่นี่ ศิษย์น้องเซี่ยพูดถูกแล้ว แน่นอนว่าพวกเราศิษย์พี่ย่อมมีของขวัญเป็นมารยาทในการพบปะกันครั้งแรก”
“นี่คือขวดเม็ดยาเสวียนเหมินที่ข้าศิษย์พี่มักที่จะใช้ในการบ่มเพาะ มันเป็นเม็ดยาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น การที่กินเข้าไปหนึ่งเม็ด จะประหยัดระยะเวลาการควบแน่นพลังเวทมนตร์ได้ถึงหนึ่งร้อยปี หวังว่าศิษย์น้องเซี่ยจะไม่ปฏิเสธน้ําใจของข้า”
“จริงสิ นี่คือขวดของเม็ดยาอี้เซิน เป็นหนึ่งในเม็ดยาระดับสุดยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น สามารถที่จะเสริมสร้างพลังอํานาจของจิตศักดิ์สิทธิ์ได้ มีผลประโยชน์ที่ไร้ที่สิ้นสุด”
“นี่คือคัมภีร์ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ เป็นทักษะที่ศิษย์น้องหลี่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้-หมัดแห่งวิถีราชา นี่คือหนึ่งในทักษะลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น ถึงอย่างไรศิษย์น้องเซี่ยก็เข้าร่วมกับพวกเราแล้ว ตอนนี้ข้าจึงขอมอบคัมภีร์นี้ให้กับศิษย์น้องเซี่ย”
ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็มอบสมบัติของตนเองให้แต่โดยดี แลกกับการผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไป
“ไอหย่า ศิษย์พี่ทุกท่านช่างสุภาพเกินไป เดิมทีข้าก็ไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้หรอก ทว่าในเมื่อศิษย์พี่แสดงน้ําใจกันเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าคงจะปฏิเสธไม่ได้ ข้าขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดี”
เซี่ยปิงก็พูดอย่างเกรงใจ ทว่าอึดใจต่อมา เขาก็เก็บ “ของขวัญ” เหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าสมบัติของตนเองหายไป กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเหล่านี้ก็รู้สึกเหมือนถูกตัดชิ้นเนื้อไป รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเป็นอย่างมาก นี่มีที่ไหนที่เป็นของขวัญของการพบปะครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าเป็นการจ่ายค่าคุ้มครอง
ในเมื่อยอมใช้จ่ายเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ พวกเขาก็ทําได้เพียงแค่ยอมรับเท่านั้น
ทันใดนั้นพวกเขาก็หาข้ออ้างในการจากไป ไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้กับเจ้าปีศาจนี่อีก ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาจะถูกเจ้าบัดซบที่ละโมบนี้รีดไถ่อะไรไปอีกหรือไม่
บรรดาศิษย์น้องของพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกยกออกไปอย่างรวดเร็ว ออกไปจากลานแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ผู้นํานิกายจูเซียนและคนอื่นๆก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่คาดคิดว่าลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเหล่านี้ ทว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าเซี่ยปิง พวกเขากลับมีสภาพที่น่าหดหูถึงเพียงนี้ ได้รับความสูญเสียที่ไม่มีทางร้องเรียนได้ เป็นประสบการณ์อันขมขื่น
อีกทั้งการที่รีดไถ่ผู้อื่นต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เรียกร้องขอของขวัญในการพบปะครั้งแรก เรื่องเช่นนี้พวกเขาก็ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน
เพราะถึงอย่างไรลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นที่เดินทางมาสู่นิกายจํานวนมากนั้น พวกเขามักจะเป็นฝ่ายที่ได้รับของขวัญจากทางนิกายไป มีที่ไหนที่จะต้องมอบของขวัญให้คนอื่นๆ
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะต้องทําให้ผู้คนทั่วทั้งทางตะวันออกของจักรวาลตกใจเป็นแน่
“ท่านผู้นํานิกาย ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องทํา ข้าขอตัวกลับไปที่หุบเขาหยานหวงก่อน รอให้ถึงวันของการทดสอบ รบกวนท่านแจ้งให้ข้าทราบอีกครั้ง”
เซี่ยปิงก็ได้บอกลาพวกเขาและจากไปอย่างพึงพอใจ
“เข้าใจแล้ว”
ผู้นํานิกายจูเซียนก็พยักหน้า ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยปิงแต่อย่างใด