ตอนที่ 1938
หลั่ว หลั่ว หลั่ว
อ่างน้ำเย็นๆถูกสาดลงบนใบหน้าของเฝยอี๋และนกอสูรทมิฬทั้งสอง ทันใดนั้นสายพันธุ์โบราณทั้งสองก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา รู้สึกเย็นไปทั่วใบหน้า
“พวกเจ้าได้สติแล้วหรือยัง?”
ทันเมิงคู่ก็มองสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญทั้งสองนี้ด้วยสีหน้าที่สงสัยใคร่รู้
“แม่เจ้า เป็นเทาเที่ยจริงๆ ข้าไม่ได้ฝันไป ไม่ได้ฝันไปจริงๆ จบสิ้นกัน พวกเราจะต้องตาย!”
“ไม่ ข้ายังไม่อยากตาย ไม่สามารถตายไปเช่นนี้ได้”
“ช่วยด้วย ท่านบรรพบุรุษเก่าแก่ ช่วยพวกเราด้วย!”
“อู่ตี๋ เจ้าอยู่ที่ไหน พวกเราไม่กล้าหลบหนีอีกแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว รีบมาจับตัวพวกเราไปเร็วเข้า”
เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬทั้งสองก็หวาดกลัวจนขี้หดตดหาย วันนี้การที่พวกมันได้เผชิญกับเหตุไม่คาดฝันต่างๆในระหว่างการหลบหนีนั้น ทำให้พวกมันหวาดกลัวจนแทบเสียสติ พวกมันคิดว่าตอนนี้กรงขังของพวกมันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องเผชิญกับอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตใดๆ
ตอนนี้การที่หลบหนีออกมาจากคุก พวกมันก็รู้ว่าโลกภายนอกเป็นสถานที่ที่มีแต่สัตว์ประหลาดโหดเหี้ยมและชั่วร้ายเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ก็ได้พบกับอสูรซากศพ-ตัวตนที่เป็นอมตะและไม่มีวันตายที่แม้แต่เซนต์ก็ไม่สามารถสังหารได้ หลังจากนั้นก็ได้พบกับไกอาเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจที่สุดของจักรวาล และตอนนี้ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหนึ่งในสัตว์ร้ายบรรพกาล-เทาเที่ย สัตว์ประหลาดตะกละตะกลามที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้แต่กลุ่มพันธมิตรบรรพกาลของพวกมันก็ยังคงเกรงกลัวเทาเที่ย ไม่กล้าที่จะผูกมิตรไมตรีด้วยหรือแม้แต่เข้าไปใกล้ เพราะว่าเมื่อใดที่เทาเที่ยคลุ้มคลั่งขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์โบราณใดๆ มันก็สามารถกลืนกินเข้าไปได้
ว่ากันว่าสาเหตุหนึ่งที่พวกมันกลายเป็นสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญและเหลืออยู่เพียงน้อยนิดนั้น เป็นเพราะว่าในยุคสมัยโบราณสายพันธุ์โบราณของพวกมันถูกเทาเที่ยกินเข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงกลายเป็นสายพันธุ์หายากอย่างในทุกวันนี้
เห็นได้ชัดว่าพวกมันสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญนั้นจะเกรงกลัวเทาเที่ยมากแค่ไหน เรียกได้ว่าหากพูดถึงเรื่องความโหดเหี้ยมและความอันตราย เทาเที่ยซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายบรรพกาลนั้นก็ไม่เป็นสองรองใคร
“เมิงลู่ เจ้ากำลังทำอะไร ยังไม่รีบล็อกอินเข้ามาอีก ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ เราจะแพ้อีกไม่ได้แล้วครั้งนี้จะต้องเอาชนะพวกมันให้ได้ ครอบครองตำแหน่งจ้าวแห่งยุทธภพมา”
ในตอนนี้เด็กสาวตัวน้อยที่สวมมงกุฏอยู่เหนือศีรษะก็วิ่งเข้ามาด้วยเท้าเปล่า เห็นเพียงแค่ว่าผมของเธอยุ่งเหยิง ขอบตาดำคล้ำ ราวกับไม่ได้หลับนอนเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ทั่วทั้งร่างกายมีออร่าของความเสื่อมโทรมและมีกลิ่นเหม็นแผ่ออกมา
ซึ่งนี่ก็คือฉงเสี่ยวเชียนนั่นเอง ในตอนนี้เธอก็ติดเกมส์จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว เล่นทั้งวันทั้งคืนเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าเพิ่งจับโจรสองตัวมาได้ พวกมันพยายามที่จะขโมยอาหารของข้า”
ทันเมิงคู่ก็ตะโกนออกไป
“อะไรนะ? กล้าที่จะขโมยอาหารของเทาเที่ยหรือ? นี่มันเป็นความคิดที่โง่เขลาแค่ไหน? ต้องการที่จะกลายเป็นอาหารเสียเองหรือ?”
ฉงเสี่ยวเชียนก็เอ่ยถามอย่างสงสัย ใครกันที่จะมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตเช่นนี้ ต้องการที่จะขโมยอาหารของเทาเที่ยไป
“ไม่ ข้าข้าไม่กล้า พวกเราแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น บังเอิญผ่านมาจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะขโมยอาหารของท่าน”
เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬทั้งสองก็รีบแก้ตัวออกไปทันที หวาดกลัวจนใจสั่น บ่งบอกว่าตนเองไม่ได้คิดที่จะขโมยสิ่งใด หากฝ่ายตรงข้ามเข้าใจพวกมันผิด บางทีพวกมันอาจจะถูกเทาเที่ยกินเข้าไปจริงๆ
ทว่าเมื่อพวกมันสังเกตเห็นฉงเสี่ยวเชียน พวกมันก็มองทะลุได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอทันทีนี่คือแมลงหลุมดำที่เลื่องลือนั่นเอง!
สายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญทั้งสองก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง นี่ก็คือเผ่าพันธุ์ทรงอำนาจที่ควรจะสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ทว่ากลับปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริงๆ มีเรื่องให้ตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้พวกมันก็ไม่รู้ว่าควรจะคิดอะไรอีก เหมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นจักรวาลที่แตกต่างออกมาอย่างสิ้นเชิง
“บังเอิญผ่านมา? ทว่าที่นี่คือพื้นที่ของเจ้านายบัดซบนั่น เจ้าทั้งสองก็ดูแปลกประหลาดจริงๆ หรือว่าจะเป็นบรรดาสายพันธุ์โบราณที่เจ้านายจับมาได้เมื่อไม่นานมานี้”
ทันเมิงคู่ก็จ้องมองไปที่ทั้งสอง
เจ้านาย?!
เผยอี้และนกอสูรทมิฬก็ตกใจอย่างมาก หัวใจหล่นฮวบไปทันที รู้สึกว่าตนเองไม่มีโอกาสที่จะแก้แค้นได้อีกแล้ว ไม่คาดคิดว่าเจ้าอู่ที่จะกำราบเทาเที่ยได้ นี่คือหนึ่งในสัตว์ร้ายบรรพกาล
เมื่อลองคิดไตร่ตรองดูดีๆ ผู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือเจ้าอู่ที่!
“จริงสิ เจ้าคือเฝยอี๋ ส่วนเจ้าก็คือนกอสูรทมิฬ ข้าจำได้ว่าพ่อของข้าเคยบอกว่าพวกเจ้าเป็นอาหารชั้นเลิศ มีร่างกายที่ใหญ่โต สามารถที่จะกินได้ทั้งวัน” ทันเมิงลู่ก็มองทะลุได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของสายพันธุ์โบราณทั้งสองนี้ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที เหมือนว่าน้ำลายจะไหลออกมาเล็กน้อย
“ไม่ พวกเราไม่ใช่อาหาร ไม่ได้มีรสชาติที่ดี พวกเราไม่ได้มีรสชาติที่ดีจริงๆ”
เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬก็หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด พวกมันไม่คาดคิดว่าเผ่าพันธุ์ของพวกมันจะมีชื่อเสียงโด่งดังเช่นนี้ อยู่ในรายการอาหารของเทาเที่ย ช่างเป็นการอยู่ในบัญชีแห่งความตายจริงๆ
“ช้าก่อน เมิงลู่ อย่าเพิ่งกินพวกมัน ข้าคิดว่าพวกมันก็มีร่างกายที่แข็งแรงดี อาจจะรับพวกมันมาเป็นลูกสมุนของพวกเราได้” ฉงเสี่ยวเชียนก็คิดว่านี่เป็นโอกาสทอง รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
เพราะว่าในฐานะราชินี เป็นไปได้อย่างไรกันที่จะมีลูกสมุนที่ซื่อสัตย์เพียงน้อยนิด เห็นได้ชัดว่าสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญทั้งสองมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง เหมาะสมสำหรับการทำงานเป็นลูกสมุนของตนเองมาก
“รับมาเป็นลูกสมุน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทันเมิงลู่ก็มองไปที่สายพันธุ์ที่หายสาบสูญทั้งสองพร้อมกับเอ่ยถามออกไป “ข้าขอถามพวกเจ้า อันที่จริงพวกเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง? สามารถทำอาหาร? สามารถเล่นเกมส์ได้หรือไม่?”
“ทำอาหาร? พวกเราไม่เคยทำอาหารมาก่อน เมื่อต้องการกินอะไรก็เพียงแค่กลืนเข้าไปในคำเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องปรุงอาหารใดๆ” เผยอีก็บ่งบอกว่ามันมีร่างกายที่ใหญ่โต บางครั้งก็สามารถกลืนกินทั้งดาวเคราะห์เข้าไปได้
“การเล่นเกมส์คืออะไรกัน? ทว่าหากเป็นการสังหารศัตรูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ สังหารและปล้นชิงทรัพย์สมบัติ นี่คือเรื่องที่ข้าถนัดที่สุด”
นกอสูรทมิฬก็เอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทันเมิงลู่ก็มีสีหน้าที่มืดมนอย่างกะทันหัน “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเป็นได้เพียงอาหาร เกมส์ก็ไม่เล่น ทำอาหารก็ไม่ทำ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าจะไปมีประโยชน์อะไรอีก”
เธอก็คิดที่จะกินสายพันธุ์โบราณทั้งสองนี้
“ไม่ ข้าจะเล่นเกมส์ ข้าเล่นเกมส์เก่งมาก สามารถตบเกรียนได้สบาย”
เฝยอี๋ก็รีบเอ่ยออกไป
“ขะข้าก็จะทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนก็ไม่มีปัญหา ข้าเชี่ยวชาญในการทำอาหารทุกรูปแบบ
นกอสูรทมิฬก็หวาดกลัวจนขึ้หดตดหาย ไม่ว่าจะทำเป็นหรือไม่ สรุปสั้นๆก็คือมันต้องตกปากรับคำไปก่อน หลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ไป
“จริงรึ? เหตุใดเมื่อครู่นี้พวกเจ้าถึงบอกว่าทำไม่ได้?”
ทันเมิงคู่ก็พูดออกมาอย่างสงสัย
“ก่อนหน้านี้พวกเราแค่ถ่อมตัวเท่านั้น ต้องการพูดตลก ไม่คาดคิดว่าท่านจะจริงจังเช่นนี้”
เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬก็พูดอย่างหวาดกลัว
“เยี่ยม ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเจ้าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ข้าจะไม่กินพวกเจ้าเป็นการชั่วคราว พวกเจ้าจะกลายเป็นลูกสมุนของพวกเรา ดูแลพวกเราเป็นประจำทุกวัน” ทันเมิงลู่ก็คิดที่จะให้ลูกสมุนเหล่านี้ดูแลตนเอง บางที่อาจจะไม่ต้องลุกขึ้นออกจากเตียง ผ่านชีวิตของวันๆหนึ่งไปได้ด้วยการโบกไม้โบกมือเท่านั้น
“เมิงลู่ อย่าสนใจลูกสมุนทั้งสองนี้เลย รีบล็อกอินเข้ามาเถอะ มีไอ้บัดซบคนหนึ่งที่ยั่วยุพวกเราอย่างต่อเนื่อง ยกพรรคพวกมาสังหารข้า2-3ครั้งที่จุดเกิด ระดับของเจ้าบัดซบนั่นไม่ได้สูงนัก ทว่าพึ่งพาการที่เติมเงินซื้ออาวุธหายากในเกมส์จึงได้กระทำการบ้าบิ่น ยโสโอหังอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังต้องการที่จะทำลายเมืองของพวกเรา ครั้งนี้พวกเราจะต้องทำลายกองกำลังของเขาให้ได้”
ฉงเสี่ยวเชียนก็พูดออกมาอย่างเคียดแค้น
“อะไรนะ? ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก เติมเงิน เติมเงินไปซื้ออุปกรณ์หายากในเกมส์ทันที จะต้องจัดการกับพวกมันให้ได้” ทันเมิงลู่ก็โมโหขึ้นมาทันที เดิมทีเธอก็มีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวอยู่แล้ว มีที่ไหนที่เธอจะอดทนอดกลั้นกับการยั่วยุเช่นนี้ได้
เธอและฉงเสี่ยวเชียนก็รีบวิ่งกลับไปที่หุบเขาอย่างรวดเร็ว ต้องการคิดบัญชีกับกลุ่มคนเหล่านั้น
“สหายอสูรทมิฬ ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร? จะหลบหนีไปหรือไม่? การติดตามอยู่ข้างกายของเทาเที่ย มันจะไม่แตกต่างไปจากการเคียงท่านดั่งเคียงเสือ” เฝยก็พูดอย่างกังวล เกรงกลัวว่าวันหนึ่งเทาเที่ยนั่นจะหงุดหงิดขึ้นมาและกินพวกมัน
“หลบหนีรึ? จะหลบหนีไปที่ไหน เจ้าต้องการจะกลับเข้าไปในกรงขังนั่นหรือ? สถานที่แห่งนี้มีอันตรายอยู่รอบด้าน ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอีกมากแค่ไหน ตอนนี้สถานที่แห่งนี้คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว รอให้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดของที่นี่ก่อนเถอะและค่อยตัดสินใจกันอีกครั้ง”
นกอสูรทมิฬก็ไม่ต้องการที่จะหลบหนีออกไป มันกลัวการหนีเสือปะจระเข้อีก หากหลบหนีออกไปและพบเจอกับปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวอีกนั้น จากนั้นพวกมันก็คงจะไม่รอด
เฝย ก็รู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด เดิมที่การถูกขังไว้ก็สุขสบายแล้ว สามารถที่จะกินนอน ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวันๆ ทว่าตอนนี้เมื่อพวกมันหลบหนีออกมา กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสียง ถูกเทาเที่ยจับตัวเป็นลูกสมุน