ตอนที่ 28 นี้เป็นสิ่งที่คุณต้องชดใช้
ดูเหมือนบนพื้นจะเกิดเสียงดังขึ้น ฝีเท้าของเสิ่นอีเวยหยุดชะงักลง และคิ้วของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กระตุกขึ้นอย่างแรง
เสิ่นอีเวยหันหน้ามองเซียวหันถิงด้วยสีหน้าตกอกตกใจ “เมื่อกี้คุณ…พูดว่าอะไรนะ?”
เซียวหันถิงค่อยๆลุกขึ้นยืน “หลังจากพาคุณมาส่งที่โรงพยาบาล คุณหมอก็รีบตรวจสอบ และพบว่าบริเวณตับของคุณมีเนื้องอกอยู่”
ร่างกายของเสิ่นอีเวยค่อยๆสูญเสียการทรงตัว เธอถอยหลังพิงกับผนังกำแพง และพยายามยันตัวเองให้มั่นคงไว้ ไม่รอให้ผู้ชายทั้งสองคนมีปฏิกิริยาตอบรับ ร่างกายของเสิ่นอีเวยก็ล้มลงนั่งบนพื้นอย่างแรง
เนื้องอกตับ…
คำสามพยางค์หมุนวนเวียนในหัวสมองของเสิ่นอีเวย ชั่วพริบตาเธอรู้สึกเหมือนกับห้องผู้ป่วยกลายเป็นอุโมงค์น้ำแข็ง และรู้สึกหนาวเย็นจนถึงหัวใจและกระดูก เมื่อดึงสติกลับมาได้ เสิ่นอีเวยก็หันหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง
สีหน้าเย็นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิงทิ่มแทงหัวใจของเสิ่นอีเวย เขาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลย จริงสิ เซิ่งเจ๋อเฉิงเกลียดตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่เจ็บปวดอะไร
คงต้องยอมรับ เสิ่นอีเวยยิ้มแย้ม ยิ้มแย้มอย่างเย้ยหยันอย่างที่สุด
เธอค่อยๆยืนขึ้น และพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกไป
แต่ข้างหลังกลับมีคนไม่ยอมปล่อยเธอไป
เซียวหันถิงจ้องมองเซิ่งเจ๋อเซียวด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย ภายในดวงตากลับเผยแววตาสะใจอย่างเลือนราง “คุณเสิ่นป่วยถึงขนาดนี้แล้ว ประธานเซิ่งเป็นถึงสามีของคุณเสิ่น ทำไหมถึงไม่เป็นห่วงเลยล่ะ?”
จู่ๆสีหน้าอ่อนโยนบนใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็หายไปหมด เขาหันหน้ามองเซียวหันถิงด้วยแววตาคับแค้นอย่างเอ่อล้น “เรื่องภายในครอบครัวของผม ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาลำบาก”
เซียวหันถิงยิ้มแย้ม และไม่ตอบเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับ เขาเดินตรงไปไม่กี่ก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้าของเสิ่นอีเวย เขาเผยรอยยิ้มจางๆ และพูดอย่างมีความหวังว่า “เสิ่น ผมหวังว่าคุณจะดูแลรักษาตัวเองให้ดี และแข็งแรงในเร็ววัน หากภายภาคหน้ามีอะไรให้ผมช่วยก็พูดออกมาได้เลย”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เซียวหันถิงก็จ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับห้องไม่รู้สึกตัวว่าความขุนเคืองของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ถึงระดับไหนแล้ว เธอรู้สึกเพียงว่าข้างหลังมีอุณหภูมิอุ่นประชิดตัวอยู่ เมื่อหันหน้ากลับไปสบตาเซิ่งเจ๋อเฉิง
วินาทีต่อมา คางของเสิ่นอีเวยก็ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงบีบจับไว้อย่างแน่น และเขาก็พูดว่า “เสิ่นอีเวย คุณรีบอธิบายให้ผมฟังเดี่ยวนี้ ตกลงเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เสิ่นอีเวยสบตาของเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจรู้สึกเย็นยะเยือก เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลก
“เธอไม่ได้ยินคำพูดของท่านประธานเซียวหรอ? ฉันป่วยอยู่นะ ทำไหมคุณถึง…ไม่เป็นห่วงเป็นใยฉันเลยสักนิดเดียว?”
ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงปรากฏประกายแสงแปลกประหลาดขึ้น มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้น “ท่านประธานเซียวหรอ? เรียกเขาเสียจนคุ้นเคยมากเลยนะ คนอย่างเซียวหันถิง คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถส่งเธอมาที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองได้ ดูเหมือนว่าเธอจะมีเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อยเลยนะ เมื่อก่อนเป็นฉินโม่ ตอนนี้เป็นเซียวเจ๋อเสิ่นอีก เธอคงมีความชำนาญด้านการหว่านเสน่ห์ผู้ชายอยู่ไม่น้อยเลย”
บนใบหน้าของเสิ่นอีเวยเผยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อได้ยินคำพูดทิ่มแทงหัวใจของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่คิดไม่ถึงว่าเธอยังจะกระเสือกกระสนอธิบายอีก
“เซียวหันถิงมาบริษัทของฉันมาวันนี้เพื่อเจรจาจัดการเรื่องการออกแบบชุดแต่งงาน แต่จู่ๆอาการป่วยของฉันกำเริบ ในตอนนั้นเขายังอยู่ ดังนั้นเขาเลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาล!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงคลายมือที่บีบจับคางเธอออก เขาจัดระเบียบชุดสูทเล็กน้อย และปรับท่าทางมีบารมีเหมือนทุกครั้งขึ้น แต่น้ำเสียงกลับพูดจาเสียดสีว่า “ยังไม่เข้าใจอีกหรอ? เสิ่นอีเวย สิ่งที่เธอต้องชดใช้มาถึงแล้ว สิ่งที่เธอทำกับเสิ่นหุ้ย ในที่สุดวันที่ทำให้คุณต้องลิ้มรสความขืนข่มก็มาถึง เห็นแล้วยังว่าผมไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง”
ขนตาของเสิ่นอีเวยเผยประกายแสงแวววับที่สั่นสะเทือนเล็กน้อยขึ้น เธอพูดขึ้นว่า “คุณอยากให้ฉันตายหรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหรี่ตาลง พร้อมเดินเข้ามาใกล้เธอหนึ่งก้าว ภายในดวงตาเผยแววตาคับแค้นขึ้น “ใช่ ผมทนไม่ไหวอบากให้สิ่งที่เสิ่นหุ้ยประสบพบเจอมาชดใช้บนตัวคุณเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฟังชัดเจนหรือยัง?”
เสิ่นอีเวยได้ยินเหมือนกับของบางอย่างในทรวงอกกำลังจะแตกสลาย มันคือหัวใจดวงน้อยๆของเธอ หัวใจที่พร้อมทุ่มเทและมั่นคงถูกทำร้ายจนย่อยยับ
“จริงสิ ลืมบอกคุณเรื่องหนึ่ง” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดต่ออย่างไร้ความปราณีว่า
“ก่อนที่แม่ของคุณจะเปิดบริษัทออกแบบชุดแต่งงานได้ถูกตระกูลเซิ่งซื้อเรียบร้อยแล้ว”
เสิ่นอีเวยนิ่งอึ้ง “คุณพูดอะไรของคุณ? นั้นเป็นบริษัทของแม่ผม คุณไม่สามารถเตะต้องมัน!” เสิ่นอีเวยเหมือนกับเป็นบ้า เธอกระชากเสื้อของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างรุนแรง ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงก็หันหน้ามองเธออย่างสะอิดสะเอียน
“ผู้อ่อนแอย่อมเป็นอาหารของผู้เข็มแข็งกว่า นี้คือวงจรของวงการธุรกิจ หากบริษัทนี้ไม่มีเธอก็ยังสามารถยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้ เป็นใครกันแน่ที่เข้ามาวุ่นวาย ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งกว่าผมนะ ตอนนี้ไม่อยากรักษาชีวิตของมันแล้ว จะขายมันหรือเปล่า คุณไม่มีสิทธ์ปรึกษาหารือกับผมเรื่องนี้”
เซิ่งเจ๋อเฉิงออกแรงสะบัดมือออก ทำให้เสิ่นอีเวยถูกผลักตกลงบนพื้น