บทที่ 65 เดี๋ยวฉันทำข้าวอบซี่โครงหมูตุ๋น
เสิ่นอีเวยมองสิ่งที่เขาจะทำและก็เดาทางได้ถูกว่าเขาจะทำอะไรแล้วรีบขวางเขาไว้ : “คุณจะเรียกคนหรอ? ดึกขนาดนี้แล้วนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าดูนาฬิกาแขวนเสียงระฆังตอนนี้เวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว
เขายิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า : “เธอก็ยังรู้ว่ามันดึกแล้วนี่? ถ้าเธอไม่กลับบ้านดึกขนาดนี้คืนนี้จะเกิดเรื่องขึ้นได้ไหม?”
เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงที่ส่อความหมายเย้ยหยันในใจรู้สึกไม่มีความสุขได้แต่เลี่ยงตอบกลับไป : “งั้นใครจะรู้หล่ะ? ถ้าคุณจัดการคนในบริษัทให้ดีก็คงไม่มีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้แต่กัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้นขาดการจัดการให้มันดีจริงๆ
เขาทำเป็นไม่สนใจในคำพูดของเสิ่นอีเวยได้แต่พูดมาหนึ่งประโยค “ฉันไม่อนุญาตให้เธอขึ้นไปข้างบนตึกยืนอยู่ที่นี่ห้ามขยับ”
ครู่ใหญ่ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หยิบกล่องพยาบาลเบื้องต้นเดินลงมา เขามุ่งหน้าไปยังทางโซฟาอารมณ์เริ่มหมดความอดทน : “ยังนิ่งอยู่อีก”
เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย : “คุณ คุณจะทายาให้ฉันหรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเลิกคิ้ว : “เธอพูดอีกประโยคฉันจะโยนเธอออกไป”
เสิ่นอีเวยได้แต่เก็บปากเก็บคำ หล่อนรู้นิสัยของผู้ชายคนนี้ดีได้แต่นั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง เซิ่งเจ๋อเฉิงเปิดกล่องยา เขาใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนล้างปากแผลก่อน
ตอนที่สำลีที่ชุ่มไปด้วยทิงเจอร์ไอโอดีนสัมผัสบริเวณปากแผล หล่อนรับรู้ได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนบริเวณใบหน้า แม้ว่าปากแผลมันจะเล็กก็ตามแต่การที่โดนทิงเจอร์ไอโอดีนทานั้นมันแสบมาก หล่อนได้แต่หลีกเลี่ยงไปข้างๆอย่างควบคลุมไม่ได้
“คุณทาเบาๆได้ไหม?” เสิ่นอีเวยบ่นด้วยความไม่พอใจ
เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับมือค้างตึ่งอยู่บนอากาศ เขามองหล่อนอย่างจริงจัง : “เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันทายาให้ผู้หญิง เธอหน้าใหญ่มาก ทนอีกนิด”
เสิ่นอีเวยใจเต้น : “เป็นครั้งแรกที่เขาทายาให้คนอื่นหรอ? ก็ใช่นะ ท่านประธานยักษ์ใหญ่ของบริษัทเซิ่งซื่อ ตั้งแต่เล็กจนโตมาก็ใช้ชีวิตปกติมีแต่คอยคนดูแลปรนนิบัติเขาทั้งนั้น เขาจะทำเรื่องแบบนี้ให้กับคนอื่นได้ยังไงกัน?”
แต่ว่าตอนนี้
เขานั่งยองๆเสิ่นอีเวยเลยสูงกว่าเขานิดหน่อย หล่อนก้มหัวมองเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ใกล้ขึ้นมาอีกนิด ในใจเริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาและยังคงตราตึงอยู่ในนั้นจนถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดแทรกขึ้นมา
“นี่ผู้หญิง ห่างออกอีกนิดด้ไหม” น้ำเสียงเย็นชาดั้งเดิมแต่ไม่มีน้ำเสียงการคาดโทษสอดแทรกอยู่ไม่รู้เพราะอะไร ใบหน้าเสิ่นอีเวย’พรึบ’เดียวเปลี่ยนสี เมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ คืนนี้เขาไม่เหมือนเดิม
เขาเห็นหน้าที่แดงแจ๋ของหล่อน เซิ่งเจ๋อเฉิงเลยอยากแกล้งหยอกเสิ่นอีเวยสักหน่อย เขาใช้สำลีที่มือกดลงไปแรงๆบริเวณปากแผล หล่อนเจ็บแปลบๆจนถึงกับสูดลมหายใจเข้าทันที
“ไอบ้าเซิ่งเจ๋อเฉิง!”
เสิ่นอีเวยอดไม่ได้ที่จะว่าเขาออกมาพูดจบเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว จิตใจของตัวเองก็ยังอ่อนแออยู่อย่างเห็นได้ชัดลืมไปว่ายังไปทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงโมโหขึ้นมาอีกจะสู้เขาก็สู้ไม่ได้
โชคดีที่ คืนนี้อารมณ์เขาดีเลยแหละได้แต่มองค้อนหล่อนทีหนึ่งเหมือนจะไม่ได้วางแผนที่จะคาดโทษเธอ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเช็ดแผลบริเวณใบหน้าและมือของเธอต่อไปช่วงนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร
เสิ่นอีเวยรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หล่อนไม่เคยให้ผู้ชายมาดูแลแบบนี้มาก่อนเลย ยิ่งเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งแล้วใหญ่ หล่อนรับรู้ความรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำคืนนี้มันมีความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
หลังจากทายาเสร็จแล้วซ่งเจ๋อเฉิงก็เก็บกล่องยาอย่างเรียบร้อย ตอนที่เขายืนขึ้นแล้วมองลงมาที่ใบหน้าเสิ่นอีเวยที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซบางๆนู่นนิดนี่หน่อยได้แต่หัวเราะออกมา
เสิ่นอีเวยไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสภาพหล่อนในตอนนี้มันค่าน่าหัวเราะอยู่ หล่อนมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเคืองๆ
มือขวามีแต่ผ้าก๊อซหุ้มเอาไว้เลยหยิบกระจกไม่ค่อยถนัด หล่อนเอนกายเหลือบไปมองโทรศัพท์ที่หน้าจอดับสนิทที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ
หล่อนยิ่งโทษเขาหนักกว่าเดิมแต่ท่านประธานที่อยู่ข้างๆกลับยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ
หล่อนเริ่มไม่สนใจเขาแล้วจึงเตรียมตัวขึ้นห้องนอนแต่ว่าตอนนั้นเองเสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง ท้องร้อง‘โครกคราก’
หล่อนยังอึ้งหยึดอยู่กับที่ สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ด้วยหยอกล้อเธอ เธอเริ่มเขินได้แต่ตอบด้วยสายตาเซิ่งเจ๋อเฉิงไป
น้ำเสียงเขาชักจะเริ่มขำเล็กน้อย : “หิวแล้วหรอ?”
เสิ่นอีเวยถลึงตาใส่เขา : “ฉันยังไม่ได้กินข้าว รวมแล้วสองวันได้ คุณคิดว่าฉันจะหิวไหมล่ะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปสักพัก : “เดี๋ยวฉันเรียกพวกเขามาทำอะไรให้เธอกิน”
เสิ่นอีเวยรีบหยุดเขา : “คุณก็คิดถึงพวกเขาหน่อยสิ ค่ำมืดดึกดื่นยังจะเรียกคนมาทำกับข้าวให้คุณกินอีก คุณคิดว่าใครเขาจะมีพลังงานเยอะเหมือนคุณบ้างล่ะ?”
“คราวที่แล้วที่คุณทำมันยากไหม”
เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพักถึงได้ตอบกลับมา : “อะไรอ่ะ?”
“ก็ข้าวอบซี่โครงหมูตุ๋นที่เธอทำคราวที่แล้วอ่ะ”
“คุณจะทำหรอ?” เสิ่นอีเวยถามอย่างไม่เชื่อ
“ใช่”
หากการแสดงออกทางสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่จริงจังขนาดนี้ หล่อนคงไม่เชื่อกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเขาเอง นี่เซิ่งเจ๋อเฉิงเลยนะ พูดว่าจะเข้าครัวทำกับข้าวในตอนนี้?
แถมยังดึกดื่นตีสองเข้าไปแล้ว
เขาเคยชินกับการที่มีคนรับใช้ทำให้กินตั้งแต่เด็กแต่เล็กมาตลอดเรื่องที่ว่าจะเหยียบเท้าเข้าครัวปกติก็ไม่เคยเข้า พูดจริงเลยว่า เสิ่นอีเวยไม่ไว้ใจ : “งั้นฉันทำเองดีกว่า”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้แต่หัวเราะเยาะเย้ย เขาก้าวมาข้างหน้าแล้วใช้นิ้วสองนิ้วยกมือที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซของเสิ่นอีเวยขึ้นมา : “เธอทำหรอ? เธอจะใช้อุ้งมือหมีทำหรอ?”
“””
สีหน้าเสิ่นอีเวยมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างโกรธ ผู้ชายคนนี้ยังมาพูดว่ามือหล่อนเป็นมือหมี!
ยามดึกดื่นเวลาตีสอง คฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง
ท่านประธานใหญ่หยิบผ้ากันเปื้อนเข้าครัวเอง เสิ่นอีเวยได้แต่ยืนอยู่ข้างๆคอยบอกตลอดเหมือนหัวหน้างาน
ข้าวอบซี่โครงหมูตุ๋นดูเหมือนจะใช้เครื่องปรุงเยอะ แต่ว่าการทำไม่ยุ่งยาก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบกว่าปีที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้าครัว รสชาติจะเป็นยังไงนะ
ตอนที่ข้าวอบซี่โครงหมูตุ๋นเสิร์ฟมาให้เธอนั้นมันออกมาหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไร่ หล่อนแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาใส่ซีอิ๊วเยอะไป
“ลองชิม” สีหน้าเขาดูภูมิอกภูมิใจน่าดูราวกับว่าข้าวชามนี้เหมือนเอาความดีของเขายกให้เสิ่นอีเวยเลยยังไงยังงั้น
เสิ่นอีเวยอ้าปากแล้วหยิบช้อนตักเข้าปากมันเค็มจนขม ซี่โครงก็ยังไม่สุก
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ท่านประธานใหญ่ทำกับข้าวอย่าไปจิตใจของคนอื่น หล่อนกำลังหาที่อยู่ในสมองกลั่นกรองออกมาจากปากเพื่อจะชมเขาสักหน่อย
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่นั่งจ้องมองหล่อนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบๆ
แต่ว่ากับข้าวมันเค็มไปจริง!