บทที่ 67 ตำแหน่งของเสิ่นอีเวย
เมื่อคิดได้แบบนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกหายใจไม่ออก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เกิดเหมือนกับเรื่องที่เกิดกับเสิ่นหุ้ยในปีนั้นเลย ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงรีบมาที่สถานที่ก่อสร้างเมื่อคืนนี้ เรื่องที่นั้นตัวเขาเองยืนดูอยู่เฉยๆก็ได้เพราะเมื่อก่อนเขาเคยบอกจากปากตัวเองว่า เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะทำให้หล่อนได้รับบทเรียนที่แสนเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากกว่าเสิ่นหุ้ยร้อยเท่า
แต่เขากลับเลือกที่จะช่วยตัวหล่อน
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาใช้อารมณ์ถามผู้ชายคนนั้นที่ถอดกระดุมเธอออกเมื่อคืนวานยิ่งนึกถึงตอนที่ก้อนอิฐเปื้อนเลือดบนมือนั่น อารมณ์หล่อนก็เริ่มแปรปรวน
เซิ่งเจ๋อเฉิงช่วยเหลือเธอจริงๆหรือเพราะว่าเขาคิดว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทรมานเธอได้คนอื่นห้ามลงมือแทน?
ความคิดของเสิ่นอีเวยยิ่งคิดยิ่งไปไกล ป้าเฉินพูดกับเธอตั้งนานแต่ไม่ตอบกลับเลยนึกว่าเธอคงซาบซึ้งกับเรื่องที่คุณชายของตัวเองเลยพูดออกไป : “ระหว่างสามีภรรยาทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน คุณชายกับคุณเฉินรักกันและไม่พอใจกันขนาดนี้ ตอนนี้คุณก็ปรองดองกันดีแล้ว คุณอ่ะ ควรจะให้อภัยคุณชายบ้าง”
“เราไม่พอใจอะไรกันหรอ?”
ป้าเฉินยังพูดไม่จบเสิ่นอีเวยก็พูดแทรกได้แต่อึ้งอยู่กับที่ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดไป
สีหน้าของเสิ่นอีเวยเย็นช้านิดๆ : “ป้าเฉิน เรื่องระหว่างฉันกับเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่พอใจอะไรกันก็เป็นเรื่องของเราเอง ป้าก็เป็นคนใช้ของป้าตามปกติไปก็พอแล้ว ฉันรู้ใจฉันดีพอไม่ต้องให้ป้ามาสอนหรอก”
เสิ่นอีเวยเป็นคนมีหลักการตลอดซึ่งหล่อนรู้สึกมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยาก็มีแค่สามีภรรยาเท่านั้นที่เกี่ยวข้องขนาดพ่อแม่ยังยุ่งไม่ได้เลย แล้วยิ่งเธอได้ยินตอนที่ป้าเฉินพูดเรื่องเธอกับเสิ่นอีเวยขึ้นมาในใจที่มันอัดอั้นเริ่มปะทุมันขึ้นมา
เดิมทีเสิ่นอีเวยก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อว่าอะไรป้าเฉินแต่พอได้ยิน “คุณอ่ะ ควรจะให้อภัยคุณชายบ้าง”เลยอดไม่ได้
แต่งงานกันมาสองปีตัวเองยังทนเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พออีกหรอ? ทั้งอารมณ์ความโกรธและโมโหหล่อนก็รับได้อย่างไม่มีปากไม่มีเสียง ตอนนี้ได้ยินคนข้างๆพูดเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่องที่ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงลำบากไปด้วยอีก
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามันหายใจลำบากขึ้น
หล่อนเลิกคิ้วมองป้าเฉินแล้วถาม : “ฟังจากที่ป้าเล่ามาความหมายเหมือนว่าฉันจะมาสร้างความลำบากให้คุณชายใช่ไหม?”
ป้าเฉินทำหน้าไม่ถูกแต่ดูจากสถานะภาพแล้วหล่อนทำอะไรไม่ได้ : “ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่างั้น”
“ป้าเฉิน ฉันมีเรื่องจะบอกเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน ก่อนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงจะโทรมาที่บ้าน ฉันโทรศัพท์หาเขาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่ได้เกิดเรื่องรุนแรงขึ้น เพราะว่าฉันกลัวว่าเขากำลังยุ่งอยู่ กลัวว่าจะไปรบกวนเขาเข้า แต่ตอนนั้นฉันก็โดนสะกดรอยตามแล้ว เพราะงั้นป้าคิดว่าฉันจะไม่ให้อภัยแถมยังมาก่อเรื่องให้เขาอีกใช่ไหม?”
การแสดงออกของเสิ่นอีเวยดูเคร่งขรึม สายตาก็จริงจัง ป้าเฉินมองหล่อนที่ปกติดีกับคนรับใช้ทุกคนแต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มกลัวหล่อนเข้าให้แล้ว ?
ป้าเฉินยิ้มอ่อนๆแล้วตอบ : “เมื่อกี้ที่ฉันพูดยังไม่หมดทำให้คุณเสิ่นโกรธ หวังว่าคุณจะไม่จำไว้ในใจ ฉันก็แค่คิดแทนคุณกับคุณชายเท่านั้นเอง”
เสิ่นอีเวยได้แต่คิดกับตัวเอง บนโลกใบนี้คิดแทนคนอื่นและทำเรื่องแทนคนอื่นดูเยอะไปแล้ว ขนาดเจ้าหน้าที่ที่ซื่อสัตย์มากยังยากต่อการตัดสินเรื่องครอบครัวเลย ระหว่างเธอกับหล่อนมันวนไปวกมาคนข้างๆจะมาแก้ไขได้ยังไง?
คิดได้ขนาดนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ต้องไปหาเรื่องกับป้าเฉิน อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าก็เริ่มอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันกระทันหันไปหน่อยเลยไม่ทันคิดเรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงยกเลิกการคุยกับหุ้นส่วนเพื่อไปช่วยเหลือตัวเองยิ่งพูดตรงนี้ เขาจะขาดทุนเท่าไหร่?
ด้วยแผลที่ต้องทายาครึ่งวันทำให้เสิ่นอีเวยไปได้วางแผนออกไปเดินข้างนอก หล่อนอ่านหนังสืออู่ในบ้านทั้งวัน ด้วยความกังวลอย่างห่วงๆ หล่อนตัดสินใจว่าตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับมาบ้านในตอนกลางคืนนั้นจะถามเรื่องการร่วมหุ้นกัน
แต่มองนาฬิกาเวลาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังไม่กลับมา หล่อนเลยตัดสินใจโทรศัพท์หาเขา
หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบๆ โทรศัพท์ส่งเสียงดังอยู่นานไม่มีคนรับสาย หล่อนกัดฟันกรอดๆและโทรไปเป็นครั้งที่สอง
“ฮัลโหล?”
ตอนที่ได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน ณ เวลานั้น เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพัก หล่อนเอาโทรศัพท์มาดูอีกทีและก็มั่นใจว่าที่หล่อนโทรไปเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่ของสวี่อันฉิง
แต่เสียงนั่นป็นเสียงของสวีอันฉิง เสิ่นอีเวยฟังอย่างชัดเจน เสิ่นอีเวยฟังรู้อย่างชัดเจน
ทำไมโทรศัพท์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่สวี่อันฉิงได้หล่ะ?
เสิ่นอีเวยเอาเรื่องที่คิดอยู่ในใจถามออกไปอย่างเกิดอารมณ์ น้ำเสียงตกใจมาก : “สวี่อันฉิง ทำไมโทรศัพท์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่เธอนั่นหล่ะ?”
เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงหัวเราะของสวี่อันฉิง น้ำเสียงแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่ามีความสุขมาก : “อ๋อ ผู้อำนวยการเสิ่นนี่เอง วันนี้ไม่ได้มาทำงานหรอ? ท่านประธานอยู่กับฉัน”
ฟังน้ำเสียงส่อเสียดของสวี่อันฉิงแล้วในใจเสิ่นอีเวยเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ หล่อนมองนาฬิกาแขวนกำแพง น้ำเสียงเงียบหายไปหลายนาที: “ตอนนี้มันสี่ทุ่มกว่าแล้ว เธอบอกกับฉันว่าพวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันหรอ?”
สวี่อันฉิงหัวเราะเบาๆ : “ผู้ช่วยหลินวันนี้ออกไปดูงานข้างนอก ท่านประธานเซิ่งต้องอยู่กับลูกค้าคนสำคัญคนหนึ่งเลยเรียกฉันมาด้วย อ้อ ใช่แล้ว ท่านประธานเซิ่งดื่มเหล้าไม่ไหวละ เขาดื่มมากไป ตอนนี้ฉันกำลังจัดการทำความสะอาดเขาอยู่หน่ะ”
ใจเสิ่นอีเวยรีบร้อนขึ้นมา : “ตอนนี้พวกเธออยู่ไหน?”
“ดึกป่านนี้แล้ว เธอยังออกมาหาพวกเราอีกหรอ? หึๆๆๆ รักสามีจริงๆเลย แต่ไม่ต้องกังวลไปนะเดี๋ยวฉันจัดการไปส่งท่านประธานที่โรงแรมเอง”
ยิ่งฟังคำว่าโรงแรมสองคำนี้ เสิ่นอีเวยถึงกลับระเบิดลงในทันที : “สวี่อันฉิงอย่ามาเล่นเกมกับฉันนะ! ถ้าเขาดื่มจนเมาหนักยังมีบอร์ดี้การ์ดคนอื่นอยู่ข้างตัวเขา เธอจะไปส่งเขาที่โรงแรมได้ไง!”
สวี่อันฉิงที่คุยโทรศัพท์อยู่อีกด้านยิ้มอย่างภาคภูมิใจ : “งั้นฉันบอกกับเธอจริงๆเลยก็ได้ ท่านประธานพาฉันมาแค่คนเดียว”
อารมณ์ของเสิ่นอีเวยเปลี่ยนไปทั้งหงุดหงิดทั้งวุ่นวายใจ สี่ทุ่ม ทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงอยู่กับสวีอันฉิงได้! ตอนนี้หล่อนอยากรู้เรื่องที่มีแต่ความจริงในเรื่องนี้
ในสายโทรศัพท์กับมีเสียงสวีอันฉิงขึ้นมาอีก : “ฉันกับท่านประธานกำลังยุ่งอยู่ ฉันไม่ว่างจะคุยกับเธอแล้ว!”พูดจบก็ตัดสายทิ้ง