บทที่ 76 คุณอธิบายให้เข้าใจกว่านี้หน่อย
บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นดินปืน ทุกคนต่างรอคอยอย่างจดจ้องว่าเสิ่นอีเวยจะเปลี่ยนแปลงมันได้ยังไง
เสิ่นอีเวยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทุกคนก็อยากที่จะหัวเราะเยาะเธอเพราะงั้นหล่อนเลยไม่ได้โง่ที่จะให้โอกาสนั้นกับพวกเขา สีหน้าของเธอดูปกติ : “ท่านประธานเซิ่ง เรื่องนี้ฉันขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”
แม้ว่าเขาจะโมโหเธอเรื่องงานนิทรรศการการออกแบบเมื่อวานนี้ก็ตามแต่เธอมั่นใจว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะให้โอกาสในการคุยเป็นการส่วนตัวกับตัวเอง
แต่กลับไม่เป็นดังคาด ครั้งนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ไว้หน้าหล่อนเลย เขาเผยอริมฝีปาก: “เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้วไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยต่อ”
ทุกโต๊ะในห้องประชุมต่างมีเสียงหัวเราะดังอื้ออึงขึ้น สีหน้าของเสิ่นอีเวยทั้งแดงทั้งขาวสลับกันไปซึ่งมันบอกว่าเธอโกรธอย่างที่สุดแล้ว โกรธจนถึงขั้นอยากจู่โจมแล้วไปดึงเนคไทของผู้ชายคนนั้นไว้แล้วคุยให้จบเรื่อง!
“เลิกประชุม”
เสิ่นอีเวยยังไม่เอ่ยปาก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หันตัวเดินมุ่งไปหน้าประตูแล้ว
คนที่ป่าวประกาศว่าเธอเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบก็คือเขา ตอนนี้มีแหกหน้าเธอต่อหน้าสาธารณชนก็คือเขาอีก เสิ่นอีเวยรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งทุเรศขึ้นเรื่อย
ทุกคนต่างก็ออกจากห้องประชุมเหลือเพียงสวี่อันฉิง สวี่อันฉิงที่ใบหน้าหยิ่งผยองอย่างภูมิใจเดินมายืนอยู่หน้าเสิ่นอีเวย หล่อนยิ้มหน้าบานเป็นจานกระด้ง : “เสิ่นอีเวย ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมาสู้กับฉันอีก ดูไม่ออกหรอว่าท่านประธานเซิ่งเขาเกลียดเธอขนาดไหน? แต่เธอวางใจได้เลยนะ ฉันจะดูแลรับผิดชอบในการแข่งขันในครั้งนี้เอง รับประกันได้เลยว่าจะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังแน่ๆ”
เสิ่นอีเวยมองเธออย่างเย็นชา : “เรื่องในวันนี้ ถึงฉันจะยังไม่รู้ว่าเธอมาตุกติกอะไรกับเรื่องนี้ แต่ฉันจะบอกเธอให้นะมันยังไม่จบหรอก”
สวี่อันฉิงหัวเราะขึ้นมา : “คราวนี้เธอเข้าใจฉันผิดนะ วันนี้ฉันก็เพิ่งได้รับคำสั่งของท่านประธานเซิ่งที่ให้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ถ้าเธอไม่เชื่อฉันก็ไปถามผู้ช่วยหลินอวี้ดูสิ”
ฟังที่สวี่อันฉิงพูดแล้ว เสิ่นอีเวยเชื่อว่าเรื่องที่สวี่อันฉิงพูดนั่นเป็นคำสั่งของเซิ่งเจ๋อเฉิงจริงๆ แต่เรื่องที่เข้าใจกันผิดนั่นเธออยากจะอธิบายให้ฟังอย่างชัดเจน
เสิ่นอีเวยเดินออกจากห้องประชุมไปโดยไม่มีการต่อเถียงกับสวี่อันฉิงต่อ สวี่อันฉิงที่อยู่ด้านหลังกลับยิ้มอย่างพออกพอใจ
ตอนกลางคืน เสิ่นอีเวยเปิดประตูวิ่ลลา ห้องรับแขกเปิดไฟสว่างจ้า เสิ่นอีเวยเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่ที่โซฟา ดูเหมือนว่าจะอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาใส่เสื้ออยู่บ้านสีเทาอ่อนดูสบายๆที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ปกติจะเป็นผู้ชายนิสัยเคร่งขรึมใส่เสื้อสูทผูกเนคไท ดูจากภายนอกในตอนนี้แล้วเขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนเฉียบขาดสักเท่าไหร่
ตอนที่เสิ่นอีเวยกำลังเปิดประตูอยู่นั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้ามองหล่อนแวบเดียวแต่สายตานั่นมันช่างทำให้เธอเหมือนกำลังโดนหนามทิ่งจากด้านหลัง
เธอแขวนเสื้อโค้ตและมุ่งหน้าเดินไปหาเขาตรงๆแล้วนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแต่มองเสิ่นอีเวยด้วยหางตาแล้วกลับไปสนใจหนังสือที่อยู่ในมือต่อ เธอดูก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่สนใจที่จะตอบกลับมา
เสิ่นอีเวยคิดอยู่สักพักเลยพูดต่อ : “เซิ่งเจ๋อเฉิง ฉันคิดว่าเราต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน เรื่องที่เข้าใจฉันผิดในงานนิทรรศการวันนั้นเราควรจะพูดกันเป็นการส่วนตัว แต่เรื่องการแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงานนี่ หากคุณไม่เชื่อใจว่าฉันสามารถนำทุกคนในการออกแบบชิ้นงานที่จะเข้าร่วมงานได้ ฉันสามารถพิสูจน์ให้คุณดูได้ แต่ว่าคุณไม่ควรเอาเรื่องความแค้นส่วนตัวมาใช้กับงาน”
เสิ่นอีเวยเห็นสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนฟังหล่อนพูดอยู่ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ แต่เรื่องพวกนี้หล่อนต้องพูดเพราะหล่อนต้องเข้าร่วมการเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงานจะที่จะจัดขึ้นสามเดือนข้างหน้า เซิ่งเจ๋อเฉิงมองหล่อนด้วยสายตาที่ยากแก่การค้นหา เสิ่นอีเวยรู้สึกได้ว่าหล่อนเหมือนจะหายใจไม่ออก
“เสิ่นอีเวย เธอสวมเขาให้ฉันสนุกไหม?”
ประโยคที่พูดออกมาทำให้เสิ่นอีเวยอึ้งอยู่กับที่ หล่อนไปมีชู้ตอนไหน?
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “มาถึงขนาดนี้แล้วยังมาแสดงละครต่อหน้าฉันอีกหรอ ผู้หญิงอย่างเธอนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เสิ่นอีเวยรับรู้ถึงความรู้สึกของเซิ่งเจ๋อเฉิงใช่มันเป็นความโกรธ แต่การโกรธในครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนๆ เมื่อก่อนเขาชอบระเบิดอารมณ์แต่ครั้งนี้มันช่างปกติถ้ายิ่งปกติเสิ่นอีเวยรู้ว่ามันผิดปกติไป
“เมื่อคืนวานฉันโทรศัพท์หาเธอ เธออยู่ที่ไหน?”
เสิ่นอีเวยหยุดอึ้งไปแปบ : “เมื่อคืนวานคุณโทรหาฉันหรอ?ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยหล่ะ?”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยการถากถาง : “เพราะว่าตอนนั้นเธอหลับไปแล้ว”
เสิ่นอีเวยถูกเขาพูดจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อวานหล่อนไม่รู้เลยว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงโทรหาหล่อนแต่สามารถตรวจสอบได้ที่บันทึกการโทร
เสิ่นอีเวยพอจะเข้าใจเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นหาเปิดหาบันทึกการโทรเข้าโทรออก เซิ่งเจ๋อเฉิงมองการกระทำของหล่อนอย่างเย็นชาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
หล่อนตรวจแล้วพบว่าเมื่อคืนตอนสามทุ่มกว่ามีสายของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้รับสายหนึ่งสาย หลายนาทีผ่านไปก็โทรศัพท์เข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีการรับสายและพูดคยกันสิบสามวินาที แต่ตัวเองไม่ได้เป็นคนรับสายเพราะตอนนั้นยังหลับอยู่เลย หรือว่าฉินโม่เป็นคนรับสาย?
เมื่อคิดได้ เสิ่นอีเวยเลยว่าเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธได้ถึงขั้นนี้ ดึกขนาดนั้นแล้วเขาโทรหาเธอแต่ผู้ชายอีกคนเป็นคนรับแทนกก็เหมือนกับความรู้สึกคืนก่อนหน้านั้นที่เธอโทรศัพท์ไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่สวี่อันฉิงรับแทน
อารมณ์ของเสิ่นอีเวยค่อยๆทยอยความโมโหลง เธอได้แต่ถามอย่างระมัดระวัง : “ฉิน–”
คิดได้คราวที่แล้วที่เขาเตือนหล่อนไว้เลยรีบเปลี่ยนคำพูด : “คุณคุยอะไรในโทรศัพท์กับฉินโม่?”
สายตาเขายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเสิ่นอีเวย : “ฉันถามเขาว่าเธออยู่ที่ไหน เขาตอบว่าเธอนอนหลับอยู่”
เสิ่นอีเวยตกใจ ทำไมฉินโม่ตอบคำถามสองแง่สองง่ามแบบนี้หล่ะ แต่ตอนนี้หล่อนเหนื่อยจนหลับไปจริงๆ แค่คำพูดที่ดูปกติสามคำแต่มันทำให้รู้สึกดูเหมือนว่าเธอและฉินโม่กำลังนอนอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้น ยิ่งเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้กลับมานอนบ้านทั้งคืนเลยไม่รู้ว่าเมื่อวานหล่อนกลับมาบ้านแล้ว
ฉินโม่ตั้งใจพูดแบบนั้นใช่ไหม? เสิ่นอีเวยรับรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจอยู่ในใจ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเสิ่นอีเวยที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยอดไม่ไหวระเบิดอารมณ์ที่เขาพยายามอดกลั้นเอาไว้อยู่ ตัวเขาก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว แถมผู้หญิงตอนนี้ยังมีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องอื่นอยู่อีกต้องจัดการสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!
เซิ่งจ๋อเฉิงดมโหจนอดใจไม่ไหว เขายืนขึ้นแล้วจับหัวไหล่หล่อนอย่างแรงเหมือนจะบีบให้กระดูกแหลกเป็นชิ้นๆ ใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเสิ่นอีเวยถูกความเจ็บนั่นดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง
“ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นมามันรู้สึกเป็นไงบ้าง?” เหมือนไฟกำลังลุกโชนในสายตาเซิ่งเจ๋อเฉิงพุ่งออกมา
เสิ่นอีเวยฟังที่เขาพูดกลับมีสีหน้าซีดเผือดและปฏิเสธเขา : “คุณพูดอะไร?ฉันไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น!”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความหมายของการขู่อยู่ในตัว : “งั้น เธออธิบายให้ฉันเข้าใจ ทำไมคืนนั้นเธออยู่กับฉินโม่ได้ แล้วทำไมตอนนั้นมันถึงได้บอกว่าเธอนอนหลับไปแล้ว?”