ตอนที่ 102 เธอไปกับสวี่อันฉิง
ในวันที่ไปตรวจครรภ์นั้น คุณหมอผู้หญิงท่านนั้นได้บอกเสิ่นอีเวยไว้อย่างชัดเจนว่า ระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์นั้นง่ายต่อการที่จะเกิดเรื่องไม่ดี ดังนั้นควรที่จะทำให้อารมณ์ของตนเองนั้นมีความสุขอยู่เสมอ ไม่ควรที่จะโมโหง่าย
เสิ่นอีเวยมองไปที่ลูกน้อยที่อยู่ในท้องของเธอ แม้แต่การโต้แย้งกับเสิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังเป็นไปด้วยน้ำเสียงที่เบามาก เธอไม่ต้องการให้เป็นเพราะผู้ชายที่ไม่มีค่าคนหนึ่งทำให้ตนเองต้องโกรธและทำร้ายลูกน้อยในท้อง
เมื่อได้ฟังคำพูดของเสิ่นอีเวย แววตาของเสิ่งเจ๋อเฉิงก็แสดงความโกรธหนักขึ้นอย่างชัดเจน “เสิ่นอีเวย อย่ามาทำตัวพอมีคนหนุนหลังอยู่จึงไม่กลัวเกรงใดๆ ที่ฉันไม่ได้จัดการกับเธอเป็นเพราะว่าฉันขี้เกียจจะโต้เถียงกับเธอ”
จริงๆแล้วตอนนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการตบตีกัน เพราะครั้งที่แล้วเสิ่นอีเวยเป็นคนตบเขาเองและเขาก็ไม่ได้ตอบโต้ใดใดทั้งสิ้น
แต่ทว่าเมื่อได้ยินเขาพูดว่ามีคนหนุนหลังอยู่จึงไม่กลัวเกรงใดๆ เสิ่นอีเวยก็ตลกขำ “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? มีคนหนุนหลังอยู่จึงไม่กลัวเกรงใดๆงั้นหรอ? ประธานเซิ่งยกยอตัวเองให้มันน้อยๆหน่อยดีกว่า”
เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะอ้าปากพูด แต่ว่าเสิ่นอีเวยไม่อยากที่จะทะเลาะกับเขาอีกแล้วดังนั้นเธอจึงยกมือขึ้นมาทำท่าขอร้องไห้เขาหยุด ถ้าคุณมาหาฉันเพราะว่ามีเรื่องที่จะคุยกับฉันก็พูดมา แต่ถ้าจะมาหาฉันเพราะอยากจะหาเรื่องทะเลาะ ถ้าอย่างนั้นก็เอาไว้วันหลัง วันที่ฉันค่อนข้างเหนื่อย อยากจะพักแล้ว”
เมื่อพูดเสร็จมือขวาก็กำลังทำท่าจะปิดประตู
เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการเหน็บแนม” เธอคิดว่าฉันไม่สิ้นเปลืองเวลาหรอที่มาอยู่กับเธอตรงนี้ อาทิตย์หน้าเธอจะต้องไปทำงานที่เมืองC”
เสิ่นอีเวยได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจจนไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ ตนเองเป็นผู้อำนวยการออกแบบจัดงานแต่งงานของบริษัทเซิ่งซื่อ ตามหน้าที่ก็แค่รับผิดชอบตรวจสอบการออกแบบแต่ละโครงการของบริษัท การออกไปทำงานนอกสถานที่ก็สามารถที่จะส่งนักออกแบบหรือผู้ช่วยไป ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ใช่หน้าที่ของตนที่ต้องไปทำ
คิดแบบนี้แล้ว เสิ่นอีเวยก็คิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงตั้งใจที่จะให้ตนไป
“ในช่วงเวลานี้ฉันเริ่มที่จะวางแผนการแข่งขันการออกแบบจัดงานแต่งงาน ได้ทำแผนงานออกมาแล้ว กำลังจะเตรียมตัวดำเนินการ คุณส่งคนอื่นไปเถอะ”
ถึงแม้ว่าเวลาที่ผ่านมาเสิ่นอีเวยจะมีหลายเรื่องเข้ามาให้รบกวนจิตใจแต่สำหรับการทำงานนั้นเธอไม่มีความขี้เกียจแม้แต่น้อย และตั้งแต่ที่อำนาจหลักในการรับผิดชอบการแข่งขันการออกแบบจัดงานแต่งงานได้เข้ามาอยู่ในมือเธอนั้น เธอก็ได้เริ่มที่จะจัดสรรภาระหน้าที่ต่างๆตามแผนงานให้กับบุคลากรทุกคนแล้ว เธออยากที่จะทำมันออกมาให้ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าเสิ่นอีเวยจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดที่ว่าคนที่เพิ่งเข้างานมาใหม่ๆนั้นมักจะไฟแรง แต่ว่าเพราะว่าฐานะทางสังคมของตนนั้นพิเศษ ไม่อยากทำให้คนของเซิ่งซื่อคิดว่าตนเองพึ่งพาเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอไม่ใช่คนสวยที่ไม่มีสมอง ดังนั้นเธอต้องการที่จะใช้ความสามารถเพื่อพิสูจน์ตนเอง
หลังจากเข้ารับดำรงตำแหน่ง ขอเพียงแค่เธอรับช่วงการออกแบบรายการนั้นๆเธอก็สามารถที่จะทำมันออกมาให้สำเร็จเป็นอย่างดี แต่ว่าเสิ่นอีเวยคิดว่างานพวกนั้นเป็นแค่การดำเนินงานในขอบข่ายเล็กๆ ที่สำคัญมากที่สุดคือการแข่งขันการออกแบบจัดงานแต่งงาน เธอให้ความสำคัญกับการที่บุคคลที่มีความสามารถ เพียงแค่นำความสามารถนั้นออกมา ก็จะทำให้ผู้อื่นตื่นตะลึงในผลงาน
แต่คาดไม่ถึงว่าทัศนคติของเซิ่งเจ๋อเฉิงจะแข็งกร้าวกว่าที่ตนเองคิดไว้ “การแข่งขันยังเหลืออีกสองเดือน ในเมื่อเธอทำแผนงานเสร็จแล้ว รอให้กลับมาจากทำงานต่างเมืองแล้วค่อยมาทำก็คงไม่ช้าเกินไปหรอก เตรียมตัวของเธอเองให้ดี”
จ้องมองไปที่ลักษณะท่าทางเย่อหยิ่งของเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยก็โกรธขึ้นมาชั่วขณะ อยากที่จะเอาโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างๆทุบผู้ชายกวนๆที่ยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
ในความเป็นจริงแล้วเธอมีเหตุผลส่วนตัว การแข่งขันในระดับโลกถึงจะเป็นเหตุผลหนึ่งก็ตามแต่ก็ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือคุณหมอได้กำชับเธอแล้วว่า การตั้งครรภ์ระยะแรกจะต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองให้มากขึ้น จากที่นี่ไปเมืองc นั่งเครื่องบินต้องใช้เวลาถึง5ชั่วโมง ถึงเวลานั้นพอเครื่องบินลงก็ไม่รู้ว่าจะต้องลำบากอะไรบ้าง เสิ่นอีเวยไม่อยากให้ตัวเองตอนนี้ต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น
แต่ทว่าเธอเข้าใจเซิ่งเจ๋อเฉิงดี เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ถึงพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเสิ่นอีเวยเลยต้องจำใจยอมแพ้ไปแต่โดยดี
มีแค่ฉันคนเดียวหรอที่ต้องไปทำงานต่างเมือง
เสิ่นอีเวยอยากที่จะพยายามเพื่อตัวเองอีกหน่อย ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ไม่อยากไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยคนเดียว ถ้ามีคนไปเป็นเพื่อน ถึงเวลานั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ยังสามารถที่จะดูแลซึ่งกันและกันได้
“ไม่ใช่ เธอไปกับสวี่อันฉิง” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เสิ่นอีเวยทำตาโตคิดว่าตัวฟังผิดไป “สวี่อันฉิง?”
“ทำไมต้องเป็นเธอ?” เสียงของเธอที่ซักถามแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน
เซิ่งเจ๋อเฉิงชำเลืองเธออย่างเย็นชา “เธอมีสิทธิ์อะไรมาถามว่าทำไม?” พวกเธอต่างเป็นพนักงานของเซิ่งซื่อ รับผิดชอบการออกแบบจัดงานแต่งงานเหมือนกัน ไปทำงานต่างเมืองด้วยกันคงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง?”
ในความเป็นจริงแล้วคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มีช่องโหว่ใดใด เพียงแต่เสิ่นอีเวยไม่พอใจกับการจับคู่ครั้งนี้ “คุณตั้งใจใช่ไหม? คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันกับสวี่อันฉิงไม่ถูกกัน คุณยังจะให้ฉันไปกับเธอ?”
สวี่อันฉิงเป็นผู้หญิงยังไง ในใจของเสิ่นอีเวยเข้าใจอย่างชัดแจ้ง เพียงแค่ว่าผู้ชายอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงดูความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงไม่ออกก็เท่านั้น คิดที่จะให้ตนเองไปทำงานกับเธอในที่ที่ไกลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
และตนเองก็ตั้งครรภ์แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครรู้
แต่ว่าเมื่อคิดว่าตนเองจะต้องไปอยู่ร่วมกับสวี่อันฉิงเพียงลำพังไม่กี่วัน ในใจของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
คำพูดของเสิ่นอีเวยได้ยั่วโมโหเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างถึงที่สุด เขาพูดด้วยเสียงต่ำอย่างกดดัน “ฉันจะเน้นย้ำให้เธอฟังอีกครั้งนะ ฉันเป็นเจ้านายเธอ ให้เธอไปทำอะไรเธอก็ต้องไปทำอันนั้น ฉันไม่สนใจว่าระหว่างเธอกับสวี่อันฉิงก่อนหน้านี้จะมีปัญหาอะไรกัน มันเป็นเรื่องของพวกเธอ อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับงานเมื่อฉันพูดเรื่องอะไรกับเธอก็ตามทั้งหมดคือการบอกให้เธอรู้ ไม่ใช่คือการปรึกษาเธอ ถ้าจะให้ดีเธอควรเข้าใจในจุดนี้ด้วย”
หลังจากที่พูดจบเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินหันกลับไป ประตูห้องนอนถูกเขาสะบัดปิด เสียงดังสนั่นหู ปรากฏให้เห็นในคืนที่เงียบสงัด
เสิ่นอีเวยรู้สึกแม้กระทั่งว่าใจของตนเองสั่นตามประตูบานนั้นที่ถูกปิดลง
เธอนั่งบนเตียงอย่างหมดกำลัง ร้อนใจจนไม่มีอะไรสามารถมาเปรียบได้ ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้นแก้ไขได้ยากมาก แต่เสิ่นอีเวยก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้อารมณ์ของตนเองเป็นปกติ เธอมีลางสังหรณ์ว่าคืนนี้เธอจะต้องนอนไม่หลับ ดังนั้นเธอจึงลงจากเตียงไปจุดเทียนหอมระเหยที่ทำให้นอนหลับสบายมาวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง
ในคืนนั้นเสิ่นอีเวยนอนหลับไปอย่างกระวนกระวายใจ เธอฝันตลอดเวลา เป็นฝันที่แปลกประหลาดมาก เธอฝันถึงพ่อแม่ที่ถูกแก๊สสารพิษตาย ร่างกายของพวกเขาเย็นแข็ง หมดแรงล้มลงไปนอนที่พื้น
ฝันเห็นตนเองแต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง ในวินาทีนั้นเขาได้ให้คำสาบานที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นกับตน และในวินาทีต่อมาใบหน้าเขากลับเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขาบีบไปที่คอของตนอย่างแรง แล้วพูดให้ตนเอาชีวิตของเสิ่นหุ้ยคืนมา
ในฝันเสิ่นอีเวยได้หล่นลงมาจากเวทีสูงที่ใช้เอ่ยคำสาบานในงานแต่งงาน ซึ่งเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนผลักเธอลงมาอย่างแรง ความรู้สึกไร้น้ำหนักที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เสิ่นอีเวยร้องเสียงหลงออกมา
อา!!
ตื่นจากฝันแล้ว
เสิ่นอีเวยเหงื่อออกไปทั้งตัว แม้แต่ชุดนอนก็ยังชื้นไปทั้งชุด พยายามลุกขึ้นมานั่งที่เตียง มีแสงของดวงจันทร์ส่องทะลุเข้ามาจากหน้าต่าง แม้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นคืนหน้าร้อนแต่เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกหนาว หนาวตั้งแต่ผิวหนังไปจนถึงหัวใจ
เดิมทีเสิ่นอีเวยคิดว่าตนเองนอนไปได้นานแล้ว เธอมองไปที่นาฬิกาตรงหัวนอน ไม่นึกเลยว่ายังไม่ถึงเที่ยงคืน เธอสวมรองเท้าแตะ อยากจะลงไปเอาน้ำสักแก้ว เมื่อเดินผ่านห้องนอนของเซิ่งเจ๋อเฉิง กลับได้ยินเสียงพูดคุยจากข้างในดังออกมา